บทที่ 160 คุณคือใคร
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 160 คุณคือใคร
สี่วันต่อมา ซุนเฉิงก็กลับไปที่โรงแรมลัลเวสในซานโฮเซอีกครั้ง เขาเอนกายลงบนเตียงขนาดใหญ่ในห้องพักอย่างสบาย แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความคิดที่สับสนวุ่นวาย
“วันนี้แหละ ฉันถึงเพิ่งได้ประจักษ์ถึงพลังแสนยานุภาพของกองทัพสหรัฐ!”
เป็นเวลาสองวันแล้วที่พวกเขาออกจากเกาะนูบลา เมื่อสองวันก่อนในตอนเช้าตรู่ พวกเขาได้รับโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมจากผู้พันดัตช์ ฐานทัพเรือสหรัฐในอ่าวกวนตานาโมจึงได้ส่งเครื่องบินขนส่งติดอาวุธหลายลําเพื่อบินไปยังเกาะนูบลา
เดิมทีความตั้งใจของพวกเขาคือการนําผู้พันดัตช์และคนในหน่วยกลับมา เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบนเกาะเมื่อคืนนี้
ทว่าท้ายที่สุด ก็มีเพียงกลุ่มของซุนเฉิง และสมาชิกทีมกองกําลังพิเศษอย่างผู้พันดัตช์เท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่
เมื่อเครื่องบินขนส่งทางทหารของสหรัฐมาถึง เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว
ดังนั้นเมื่อพวกเขามาถึง ทหารอเมริกันที่มาพร้อมกับเครื่องบินขนส่ง พวกเขาจึงปฎิบัติการทุกอย่างด้วยวิธีการที่เข้มงวด ได้ลำเลียงผู้รอดชีวิตที่พวกเขาพบบนเกาะทันทีเพื่อแก้ไขสถานการณ์
ทั้งซุนเฉิงรวมและคนอื่น ๆ ถูกนําตัวขึ้นเครื่องบินขนส่ง ถูกส่งไปยังฐานทัพเรืออ่าวกวนตานาโม
โชคดีที่ผู้พันดัตช์ฟื้นขึ้นมาทันเวลา ซุนเฉิงและคนอื่นจึงไม่ต้องทนรับความลำบากมากนัก พวกเขาถูกซักถาม สอบปากคําแบ่งออกสองสามครั้งโดยเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจ ซึ่งส่วนใหญ่ซักถามเกี่ยวกับเรื่องราวเกิดอะไรขึ้นบนเกาะในคืนนั้น
ซุนเฉิงรู้สึกดีใจอย่างมากที่สุดกับการที่ได้กลับมาในอ่าวกวนตามาโนเป็นเวลาสองวัน
แม้ว่าการเดินไปมาของพวกเขาจะถูกจํากัดบ้างภายในฐานกวนตานาโม แต่พวกเขาก็ได้รับอนุญาตให้สำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ของฐานอย่างใกล้ ๆ เช่น เฮลิคอปเตอร์ CH-53E ซูเปอร์สตัลเลียน และแม้แต่เรือพิฆาตขีปนาวุธนําวิถีเบิร์คสองลําที่จอดเทียบท่าที่ท่าเรือใกล้เคียง น่าแปลกที่ไม่มีทหารมาขับไล่พวกเขาออกไปเลย
นอกจากนี้ ก็มีทหารอเมริกันสองสามนายเมื่อรู้ว่าซุนเฉิงมาจากประเทศจีน พวกเขาก็เข้าหาเขาด้วยความยินดีและพูดคุย พวกเขา ถึงขั้นถามซุนเฉิงด้วยว่าเรือรบที่ดีที่สุดในจีนยังคงเป็นเรือประจัญบานไอโอวาสองลําที่จีนซื้อจากสหรัฐอเมริกาอยู่หรือเปล่า?
อย่างที่รู้กันโดยทั่วไป เพื่อรับมือกับสงครามและภัยคุกคามจากกองทัพเรือญี่ปุ่นและกองเรือแปซิฟิกของสหภาพโซเวียต รัฐบาลจีนใช้เงินมหาศาลในการซื้อเรือประจัญบานไอโอวาสองลําจากสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายทศวรรษ 1950 แม้ว่ามันจะล้าสมัยมากก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ เรือรบทั้งสองลํานี้จึงเปลี่ยนชื่อจาก "สาธารณรัฐ" กลายเป็น "สาธารณรัฐจีน" หลังจากจดทะเบียนภายใต้กองทัพเรือจีน ทำให้กลายเป็นประเด็นให้เยาะเย้ยจนกระทั่งปลดประจําการในปี 1999
เห็นได้ชัดว่าทหารอเมริกันเหล่านี้เองก็รู้เรื่องเกี่ยวกับข้อมูลเหตุการณ์ในอดีตนั้น ซึ่งทําให้พวกเขาเข้ามาใกล้ซุนเฉิงและโอ้อวดแสดงแสนยานุภาพของกองทัพเรือสหรัฐอย่างภาคภูมิใจ
ซุนเฉิงขยับตัวเล็กน้อยบนเตียง รู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจ
ที่ทหารอเมริกันเหล่านั้นเยาะเย้ยไม่มีสิ่งใดพูดมาผิดเลย กองทัพเรือจีนได้ผ่านการพัฒนามาหนึ่งศตวรรษแล้ว นับตั้งแต่การก่อตั้งสาธารณรัฐจีนในการปฏิวัติซินไห่ในปี 1911
ทว่าเนื่องจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สําคัญและภัยคุกคามเร่งด่วนของกองกําลังโซเวียตที่แข็งแกร่งนับล้านในภาคเหนือ จีนจึงต้องจัดสรรงบประมาณทางทหารส่วนใหญ่เพื่อพัฒนากองทัพและกองทัพอากาศพร้อมกัน
นอกจากนี้ แสนยานุภาพทางทะเลที่น่าเกรงขามญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ที่มีมาอย่างยาวนาน ยังได้กดดันทางยุทธศาสตร์ต่อกองทัพเรือจีนอีกด้วย แม้ว่ากองทัพเรือของจีนจะมีเรือมากกว่าสองร้อยลําและประกาศตนเองเป็นหนึ่งในห้ากองกําลังทางเรือชั้นนําของโลก ทางจีนก็ยังต้องเกรงกลัว
แม้ว่าปัจจุบันเรือพิฆาตขีปนาวุธหลักของจีนจะมีระวางบรรทุกเกิน 7,000 ตัน แต่ก็ถูกจัดว่าอยู่นอกขอบเขตของเรือรบ ดังนั้นจีนไม่สามารถถือได้ว่าเป็นมหาอํานาจทางทะเลได้
ความคิดที่ทําให้ฟุ้งซานมากมายยังคงแวบเข้ามาในใจของเขา ซุนเฉิงก็ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะตั้งสติ เขาได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาเอื้อมมือไปหยิบหมอนอีกใบจากด้านข้างหนุนหัว และเลิกคิดสิ่งที่รบกวนเขาทั้งหมดออกไปจนหมดสิ้น
สําหรับตอนนี้ เรื่องพวกนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว อย่าลืมว่าซุนเฉิงได้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงในครั้งนี้ ก็เพื่อค้นหาสถานที่ที่ปลอดภัยในประเทศจีนเพื่อสร้างฐานที่ 1 ขึ้นมาใหม่
เนื่องจากเรื่องเกี่ยวกับบนเกาะนูบลาได้รับแก้ไขปัญหาแล้ว ก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับบ้าน
เขาหยิบโน๊ตบุ๊คบางเฉียบที่เป็นร่างแปลงของเซฟการ์ดขึ้นมา เปิดดูอินเทอร์เน็ตและจองเที่ยวบินขากลับ
เมื่อหน้าจอสว่างขึ้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากประตูนอกห้องของเขา
"เข้ามาได้ครับ"
เขาตอบเป็นภาษาอังกฤษและเดินหน้าไปที่ประตู
บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเจเนติกส์ได้จองห้องพักเพียงสามวันเท่านั้น เมื่อเขากลับไปที่โรงแรมลัลเวสเมื่อเช้านี้เพื่อเก็บข้าวของ ห้องพักของเขามันก็ครบกำหนดแล้ว เขาจึงเพิ่งส่งกุญแจห้องเมื่อสักครู่ ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินเสียงเคาะประตู ซุนเฉิงเลยคิดว่าเป็นคนจากโรงแรมมาสอบถามเกี่ยวกับแขกคนอื่น ๆ
เขารีบไปถึงประตูรวดเร็ว เปิดประตูออก ๆ และได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่กระตุ้นประสาทสัมผัสของเขาเล็กน้อย
หลังจากเห็นคนที่ยืนอยู่ที่ประตูอย่างชัดเจน ซุนเฉิงก็หรี่ตาเล็กน้อยแล้วพูดว่า "คุณนี่เอง..."
ความระแวดระวังที่ปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา แต่เขายังคงก้าวออกไปด้านข้าง เชื้อเชิญให้เธอเข้ามา
"คุณเอด้า คุณต้องการอะไรหรือเปล่าครับ? ถ้าคุณไม่รังเกียจ เชิญเข้ามานั่งพักผ่อนก่อนเถอะ!"
คนที่เคาะประตูไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เอด้า หว่อง สาวสวยที่เย้ายวนและมีเสน่ห์มากล้น
"ฉันแค่มาหาคุณเฉย ๆ ไม่ได้ต้องการอะไรพิเศษ มันแปลกตรงไหนเหรอคะ?" เอด้าหว่องยิ้มอย่างขี้เล่น สายตาของเธอจับจ้องไปที่เขาอย่างหยอกล้อ "คุณซุนเฉิง..."
"ครับ..."
ซุนเฉิงยักไหล่อย่างไม่แยแสและทําท่าทางเชิญชวนอีกครั้ง จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เข้าไปในห้องของเขาและนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้านนอก
"ในตู้เย็นมีแต่ไวน์แดงกับเหล้ารัมราคาถูก... คุณอยากดื่มอะไรเหรอครับ?"
ขณะที่เขาปิดประตูและตามเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่น ซุนเฉิงก็เปิดตู้เย็นและมองเข้าไปข้างใน เขาหยิบไวน์แดงเม็กซิกันหนึ่งขวดที่พบได้ทั่วไปในโรงแรมคอสตาริกา รวมทั้งเหล้ารัมท้องถิ่นหนึ่งขวด แล้วยื่นให้พร้อมกับแก้วไวน์สองใบ เขย่าเบา ๆ ขณะที่ถาม
สายตาของเขากวาดไวน์สองขวดในมือเบา ๆ ในขณะที่เอด้า หว่องมองกลับมาดวงตาที่ชวนให้หลงใหลของเธอ มองมาที่เขาและยิ้ม "มันขึ้นอยู่กับคุณเลยค่ะ แต่จะดีกว่านี้ถ้ามีชาดํา..."
ซุนเฉิงเลิกคิ้ว เพราะมันเลยเวลาอาหารเย็นที่โรงแรมลัลเวสไปแล้ว
สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่โรงแรมห้าดาวที่ให้บริการที่หลากหลายตลอด 24 ชั่วโมง
พนักงานโรงแรมที่ได้รับคัดเลือกในท้องถิ่นส่วนใหญ่จบกะแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาชาดําในชั่วโมงนี้ เว้นแต่เขาจะไปที่ตู้ขายของอัตโนมัติชั้นล่างเพื่อซื้อชากระป๋อง
อย่างไรก็ตาม ซุนเฉิงรู้สึกไม่สบายใจนักที่จะทิ้งผู้หญิงคนนี้ซึ่งเขาแทบไม่รู้จักอยู่คนเดียวในห้องของเขา
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดทำตัวเป็นสุภาพบุรุษและเปิดขวดเหล้ารัมราคาถูกตามรสนิยมของเขาเอง เขาเทแก้วแล้วยื่นให้เธอ
"ทำตามวัฒนธรรมท้องถิ่นกันเถอะครับ นี่คือเหล้ารัมที่ผลิตในท้องถิ่นและมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเชียวนะ!"
เอด้า หว่องรับแก้วไวน์และดมมันอย่างใจเย็นใกล้จมูกของเธอ ราวกับว่าเธอกําลังลิ้มรสไวน์แดงราคาแพงและมีค่า หลังจากเขย่าไปมา ในที่สุดเธอก็นํามันมาที่ริมฝีปากของเธอและจิบไปนิดหน่อย เธอถือมันไว้ในปากของเธอลิ้มรสมันครู่หนึ่งก่อนที่จะกลืนลงไป
ไม่แน่ใจว่าเธอรู้สึกว่ามันรสชาติแปลก ๆ หรือแค่ไม่คุ้นเคยกับเหล้ารัมราคาถูกเช่นนี้
เพราะหลังจากจิบแล้ว เธอก็วางแก้วไว้บนโต๊ะตรงหน้าและไม่แตะต้องมันอีก
ดวงตาที่สวยงามของเธอจดจ่ออยู่กับซุนเฉิงอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ริเริ่มที่จะพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง "มันเป็นการเดินทางที่เลวร้ายมาก ฉันเกือบเสียชีวิตเพราะสัตว์ประหลาดพวกนั้น งานก็ไม่สำเร็จ แถมยังสูญเสียโบนัสของฉันอีก มันแย่มากเลยนะคะที่มีเจ้านายที่มีนิสัยที่แย่ ๆ... คุณซุนเฉิง บริษัทริโกะของคุณต้องการพนักงานเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ?"
คำถามที่จริงจังของเธอมาพร้อมกับท่าทีที่ดูจริงจังยิ่ง
แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะเธอเอียงหัวเล็กน้อยและทำเป็นส่งสายตาเจ้าชู้มา ซุนเฉิงคงจะเชื่อเธอไปแล้ว
เขาไตร่ตรองความหมายเบื้องหลังคําพูดของเอด้าหว่อง หมุนแก้วไวน์เบา ๆ จากนั้นเขาก็ดื่มเหล้ารัมไปเกือบครึ่งพร้อมเงยหน้าขึ้นมองเธอสีหน้าจริงจัง "คุณเอด้าหว่อง ผมขอถามคําถามคุณได้ไหม? คุณเป็นใครกันแน่?"
หญิงสาวสวยวัยเยาว์ สามารถโต้ตอบได้ทุกคำถาม อ้างว่ามาจากบริษัทร่วมทุน แต่กลับมีการกระทำแปลกประหลาด ทิ้งร่องรอยปริศนาไว้เบื้องหลัง!
ก่อนหน้านี้ซุนเฉิงได้สั่งให้เซฟการ์ดสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับเธอ ซึ่งมันก็ทำให้เขาได้ประวัติอย่างละเอียดและครอบคลุมจากแหล่งข้อมูลออนไลน์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากลับมายังโลกของทรานส์ฟอร์เมอร์ส ซึ่งเขาอยู่เป็นเวลาสองหรือสามเดือน เขาก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้จนเริ่มดูข้อมูลอีกครั้ง ทำให้พบจุดผิดปกติบางอย่าง
สิ่งที่แปลกคือ มันมีข้อมูลมีรายละเอียดมากเกินไปจากอินเทอร์เน็ต เขาเห็นพบภาพเซลฟี่ของโรงเรียน รางวัลยูโด และรูปถ่ายอื่น ๆ ของเอด้าหว่อง ซึ่งคล้ายคลึงกับเด็กวัยรุ่นที่ชอบถ่ายเซลฟี่อยู่มากมาย
ด้วยตัวตนและความเฉลียวฉลาดที่เธอแสดงออกมา มันยากที่ซุนเฉิงจะเชื่อเธอได้อย่างสนิทใจ
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเริ่มสงสัยในความถูกต้องของข้อมูลที่เขาพบทางออนไลน์ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับตัวตนของเธอ
สายตาของเขาจับจ้องไปที่เอด้าหว่อง หากในอดีต เขาคงต้องระวังผู้หญิงคนนี้เป็นหลักเพราะตัวตนที่ลึกลับของเธอ ทว่าในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าเธออาจสนใจเขาและรู้ว่าเขามีความลับมากมายเช่นกัน
ซุนเฉิงจมอยู่ในความคิด ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาอาจต้องดําดิ่งสู่โลกของ "ทรานส์ฟอร์เมอร์ส" อย่างเต็มที่และอาจมีพลังไม่มากพอไปจัดการกับออโต้บอตส์และดีเซปติคอน แต่ตอนนี้ยังมามีปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงเพิ่มขึ้นมาอีก
ดังนั้นเขาจึงเลือกเผชิญหน้ากับเธอโดยตรง เพื่อทำให้ปัญหามันหมดไปเสียที
อย่าลืมว่าที่นี่คืออาณาเขตของเขา!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเอด้า หว่องก็ไม่แสดงอาการใด ๆออกมา ในทางตรงกันข้าม เธอมองเขาด้วยความสนใจ รอยยิ้มยังคงค้างอยู่บนริมฝีปากของเธอ
"คุณซุนเฉิง นั่นหมายความว่ายังไงเหรอคะ?"
หากผู้หญิงต้องการปฏิเสธบางสิ่ง เธอย่อมคิดจะหาข้อแก้ตัวร้อยแปดพันประการมาหักล้างมัน
ผู้ชายเองก็เหมือนกัน!
สายตาของเขาจ้องมองดูเธออย่างละเอียด ไม่ใช่เพื่อชื่นชมรูปร่างที่เซ็กซี่และเย้ายวนของเธอ แต่เพื่อค้นหาอาวุธที่ซ่อนอยู่ที่เธออาจมีต่างหาก
จากนั้นเอง เขาก็ลดสายตาลงเล็กน้อย
เมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวเอด้า หว่อง เขาตรวจสอบหลายพื้นที่ที่สามารถซ่อนอาวุธได้แล้ว แต่เขาไม่รู้เลยว่าเธอมีอาวุธซ่อนอยู่ไหม
เขาจึงเมินหน้าหนี มองไปยังดวงตาของเธอซึ่งดูเหมือนจะมองทะลวงทุกสิ่งได้ เขาวางแก้วไวน์ลงและถามว่า "คืนนั้นคุณอยู่ที่ไหนที่เกาะนูบลา? คุณไม่ได้อยู่ที่วิลล่านะ..."
เอด้า หว่องยกขาถุงน่องสีดําสุดเซ็กซี่ของเธอขึ้นเหนืออีกข้างหนึ่ง โดยไม่แสดงความกังวลเลยว่ากระโปรงผ่าสูงของเธอจะไม่สามารถป้องกันเธอจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของเขา
แม้ว่าซุนเฉิงจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย แต่เขาก็เห็นส่วนโค้งเว้าจากภายในได้ ทั้งยังเห็นดอกไม้สีดําขนาดเล็กบานสะพรั่งจาง ๆ ที่ขอบลูกไม้สีแดงด้วย
เธอยื่นแขนเรียวยาวและหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจากโต๊ะตรงหน้าอีกครั้ง เธอตอบพร้อมส่ายหน้าไปว่า "ฉันแค่ไปพบเพื่อนเก่า..."
หลังจากตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เธอก็จิบเครื่องดื่มในแก้วอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอดื่มมากกว่าครึ่งหนึ่งในอึกเดียว
สุดท้าย เธอก็วางแก้วไวน์ลงและพูดว่า "อืม ฉันขอเพิ่มไวน์แดงสักแก้วด้วยก็น่าจะดี!"
"เพื่อนเก่าเหรอ?" ซุนเฉิงขมวดคิ้วขณะที่เขามองเธอ เขารู้สึกหมดหนทางที่จะรับมือกับผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาไม่ต้องการเสียเวลาคุยกับเธออีกต่อไป เขาจึงพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า "เพื่อนเก่าของคุณอยู่ที่ศูนย์วิจัยงั้นเหรอ?"
ดวงตาของเอด้าหว่องลดต่ำลงอย่างทันที รอยยิ้มของเธอก็หยุดนิ่งชั่วขณะเมื่อได้ยินคําพูดของเขา แต่ก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างทันที
"งั้นคุณก็อยู่ที่นั่นในคืนนั้นสินะคะ!"
ซุนเฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกประหลาดในดวงตาของเธอ มันไม่ใช่ความประหลาดใจหรือความโกรธที่ความลับของเธอถูกเปิดเผย แต่เป็นอารมณ์ลึกลับที่เขาไม่สามารถรู้ได้
ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้นี้ทําให้เขาอึดอัดอย่างมาก เขาจึงพูดไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แล้วคุณเป็นใครกันแน่? สายลับขององค์กรใด? หรือเป็นสาย?"
"ฉันจะปล่อยให้คุณคิดเองแล้วกัน!" เอด้า หว่องเอียงศีรษะเล็กน้อยและพยักหน้าเบา ๆ
ในที่สุดซุนเฉิงก็หมดความอดทน ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดที่เขาเคยเจอมา
เขาหาจุดอ่อนของเธอไม่ได้เลย แถมลักษณะที่ดูมีความมั่นใจและเด็ดเดี่ยวของเธอ มักทำให้เขาเสียเปรียบเสมอระหว่างการเผชิญซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้
พอเขาหมดความอดทน เขาจึงยืนขึ้นเพื่อพาเธอออกไป "ดูเหมือนว่าเราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว ฉะนั้นแล้ว คุณเอด้า เชิญออกไปเถอะครับ ผมเหนื่อยนิดหน่อย!"
"ช่างเป็นผู้ชายที่ไร้ความโรแมนติกเอาซะจริง..." เมื่อเห็นว่าเธอกําลังจะถูกไล่ออกจากห้อง เอด้า หว่องก็ยืนขึ้นและมองเขาอย่างดูถูกเหยียดหยาม ทว่าแทนที่จะออกไปทันที เธอหยิบสิ่งของคล้ายแคปซูลที่คล้ายกับยาจากกระเป๋าของเธอ หลังจากเอาเข้าปากแล้ว เธอก็มองกลับไปที่ซุนเฉิง แววตาแห่งความ "เร่าร้อน" ปรากฏในดวงตาสีน้ำตาลของเธอ
"รู้ไหมคะว่ามันเคยมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นคนแย่ ๆ ที่ทำผิดกับฉันด้วย...คุณอยากรู้ไหมคะว่ามันลงเอยยังไง?"
พอสังเกตเห็นว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งหน้าไปที่ประตูและค่อย ๆ เข้าใกล้เขาแทน สัญชาตญาณของซุนเฉิงจึงผึดขึ้นมา เขาไม่คิดจะปกปิดการกระทำของเขาเลย เขารีบดึงปืนพกออกจากเอวของเขามา ส่วนสาเหตุว่าทำไมเขาพกมาน่ะเหรอ? ก็เพราะความไม่สงบของพื้นที่แห่งนี้ในอเมริกากลาง เขาจึงพกพามันมาด้วยเพื่อป้องกันตัว
เขายกอาวุธขึ้นและเล็งปากกระบอกปืนไปที่เอด้า หว่อง
สาวสวยที่ดูเย้ายวนใจส่ายหัวด้วยสีหน้าผิดหวังและพูดว่า "สุภาพบุรุษเขาไม่เล็งปืนใส่ผู้หญิงหรอกนะคะ แม้กระทั่งพวกสารเลวก็ยังไม่ทำเช่นนั้นเลย..."
ก่อนที่เธอจะพูดจบ จู่ ๆ เธอก็เตะซุนเฉิงเข้าที่หน้าอก
"อึก..."
ส้นเท้าแหลมคมกระแทกหน้าอกของเขาทําให้เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง สภาพร่างกายของเขาไม่แข็งแรงกว่าคนทั่วไปมากนัก ดังนั้นเขาจึงเดินโซเซไปสองสามก้าว
ก่อนที่เขาจะทรงตัวได้ เอด้าหว่องก็รีบเข้าหาเขาอีกครั้ง ขาที่สวมถุงน่องสีดําอันวิจิตรงดงามของเธอก็ยกขึ้นและเตะข้อมือของซุนเฉิงที่ถืออาวุธอย่างแม่นยํา
ปืนพกที่ยังไม่ได้เปิดใช้งานก็บินออกมาและกระเด็นห่างออกไปหลายเมตร
"บ้าจริง!"
ซุนเฉิงสบถออกมาเบา ๆ ด้วยความหงุดหงิดตะโกนว่า "รีเวนจ์ เซฟการ์ด..."
จากห้องนอนใกล้ ๆ จู่ ๆ หุ่นยนต์คล้ายแมลงสองตัวก็พุ่งออกมา
แม้ว่าเอด้าหว่องจะหันหลังให้พวกเขา แต่การเคลื่อนไหวของเธอก็รวดเร็วมาก ซุนเฉิงมองดูขณะที่เธอส่ายแขนเสื้อเบา ๆ และทันใดนั้น มีดสั้นแหลมสองเล่มก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ
เธอพุ่งเป้าไปที่ดีเซปติคอนลาดตระเวนทั้งสองที่เพิ่งโผล่ออกมา กริชเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่รีเวนจ์ ทําให้มันล้มลงกับพื้น ในขณะที่อีกเล่มแทงทะลุเซฟการ์ดตรึงไว้กับผนัง
"อะไรกัน..."
ซุนเฉิงตกตะลึงไปแล้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เขาได้เตรียมดีเซปติคอนลาดตระเวนทั้งสองนี้อย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยของเขาในโลกแห่งความเป็นจริง พวกเขาไม่เคยทําให้เขาผิดหวังมาก่อนเลย พวกเขาสามารถแก้ไขปัญหามากมายให้กับเขา โดยเฉพาะรีเวนจ์ แต่แม้แต่พรีเดเตอร์อย่างโกสท์ก็เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเขา
แต่ตอนนี้ ผู้หญิงตรงหน้ากลับสามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
"ของเล่นเด็กพวกนี้ไร้ประโยชน์จังเลยนะคะ..."
เอด้าหว่องตบมือเบา ๆ และปรับคอเสื้อที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยจากนั้นหันกลับไปมองเขา
"ธ...เธอเป็นใครกันแน่...?"
ซุนเฉิงชะงักไปขณะที่เขาจ้องไปที่เอด้าหว่อง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ทว่าเขาไม่ได้คิดจะดึงอาวุธออกมาจากพื้นที่ทรงกลมในทันที
เพราะแม้แต่ดีเซปติคอนสองคนที่ปกป้องเขามาตลอดก็ยังพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงคนนี้ ซุนเฉิงจึงขาดความมั่นใจว่าเขาสามารถรักษาชีวิตของเขาไว้จากผู้หญิงตรงหน้าได้
เอด้าหว่องยังคงยิ้มต่อไปขณะที่เธอมองมาที่เขา ดวงตาของเธอดูตื่นเต้นมากขึ้น
เธอก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว คว้าแขนของซุนเฉิงและดึงเขาเข้ามาใกล้ จากนั้นก็จูบเขาอย่างหลงใหล
"อืม..."
ดวงตาของซุนเฉิงเบิกกว้าง ในขณะที่เขายังไม่ได้รวบรวมสติกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็รู้สึกว่าลิ้นของเธอห่อหุ้มบางสิ่งบางอย่างและเข้าสู่ปากของเขาอย่างไม่คาดคิด
ซึ่งโดยสัญชาตญาณแล้ว เขาก็ดันกลืนมันลงไป
ก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้ถึงอยากจูบเขา เอด้าหว่องก็รีบผละออกจากปากของเขา เผยรอยยิ้มและคว้าคอเสื้อของเขาลากเขาไปที่ห้องนอน
ความแข็งแกร่งของเธอแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ จนทำให้ซุนเฉิงตั้งคำถามว่า คนตรงหน้าเขาใช่หญิงสาวสวยที่เขาพบเจอเมื่อครู่จริงเหรอ? หรือว่าเป็นสัตว์ประหลาดยุคก่อนประวัติศาสตร์อย่างไทแรนโนซอรัสเร็กซ์กันแน่?
เธอผลักเขาลงบนเตียงขนาดใหญ่ในห้องนอน ซุนเฉิงยังคงเฝ้าสังเกตทุกอย่าง เอด้าหว่องยิ้มเย้ายวนค่อย ๆ ปลดกระดุมแจ็คเก็ตสูทลายตารางหมากรุกสีกาแฟที่เธอสวมเมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก เสียงของเธอดังขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"จำไว้นะ ผู้หญิงชอบผู้ชายที่ดูดิบ ๆ หน่อย... อย่างน้อยฉันนี่แหละก็ชอบแบบนั้น..."
ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เสื้อแจ็คเก็ตก็ถูกถอดออกไป!