ตอนที่แล้วบทที่ 94 นกกระเรียนเหลืองอยู่เบื้องหลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 96 พลังกระบี่สะท้าน สังหารในคราวเดียว

บทที่ 95 ฆ่าผู้ฝึกมาร


เหลยย่าจิ้งและอีกสองคนแอบตั้งหน้าซ่อนหลังคอยสังเกตดูสถานการณ์ในการต่อสู้ครั้งใหญ่ เตรียมพร้อมที่จะลงมือเมื่อได้จังหวะ

หากสุดท้ายแล้วพี่น้องตระกูลลู่ไม่สามารถเอาชนะได้ ตายด้วยน้ำมือของผู้ฝึกวิชามาร พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเองอีก

แต่หากผู้ฝึกวิชามารถูกกำจัดลงในตอนท้าย พี่น้องตระกูลลู่ก็ต้องสูญเสียพลังปราณไปมหาศาล ระยะเวลาสั้นๆคงไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาถึงระดับสุดยอดได้ทัน

หากฉวยช่วงเวลานี้บุกเข้าไป คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสังหารพี่น้องตระกูลลู่ให้สิ้นซาก

ต่อไปก็ได้แต่เก็บกำลังรอคอยดูผลการต่อสู้กันต่อไป

ด้านสนามรบ ลู่ฉางเฟิงและคนอื่นๆ ไม่รู้เลยว่ามีคนสามคนกำลังจ้องมองพวกเขาอย่างดุดันไม่ไกลนัก ตั้งท่าจะเป็นนกกระเรียนเหลืองที่ซุ่มดักอยู่ด้านหลัง ต่างก็ยังคงใช้กำลังเต็มที่ไม่มีกักเก็บ ใช้ทุกวิชาที่มีต่อกรกับเหลียงเจิ้นหนาน

การต่อสู้ดำเนินมาจนถึงรอบที่ร้อย เหลียงเจิ้นหนานก็ถูกโจมตีจนแทบป้องกันตัวเองไม่ไหว ยากที่จะกลับมาเอาชนะอีก

จักรจันทร์มารเคลื่อนไหวรอบตัวเหลียงเจิ้นหนาน เปลี่ยนจากการโจมตีมาเป็นการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ต้านทานการจู่โจมที่รุนแรงจากทุกฝ่ายอยู่เนืองๆ

แม้ว่าของวิญญาณชิ้นนี้จะดูทรงพลังอย่างมาก สามารถยกระดับพลังการต่อสู้ของเหลียงเจิ้นหนานอย่างมหาศาล ทำให้เขาสามารถเทียบเคียงกับผู้ฝึกตนฝึกปราณขั้น 9 ได้พร้อมๆกันถึงสองคน

แต่การโจมตีอย่างรุนแรงของลู่จือเวย กลับทำให้เขารู้สึกหนักใจที่จะเอาชนะได้ยากยิ่งขึ้น

จักรจันทร์มารถูกกระบี่หมอกราตรียั่วล่อโจมตีอยู่ตลอด ไม่อาจห่างจากตัวเหลียงเจิ้นหนานได้แม้แต่หนึ่งฉางเดียว ทำให้ไม่สามารถแสดงความได้เปรียบในการโจมตีระยะไกลของมันได้เลย โดยเฉพาะการกดดันฝ่ายตรงข้าม

ส่วนโล่วิเศษสีดำขนาดเล็กในมือเหลียงเจิ้นหนาน ซึ่งเป็นของวิเศษเพื่อป้องกันตัว ก็ใช้ป้องกันได้จำกัดครั้งเช่นกัน

ภายใต้การโจมตีที่ดำเนินไปเรื่อยๆ ความสามารถของมันก็ถูกทำลายลงมาก แผ่นป้องกันถูกทะลวงทีละชั้นๆ

โล่วิเศษสีดำทั้งชิ้น หลังจากฉายแสงครั้งสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว บนตัวมันก็ปรากฏรอยแตกอยู่เนืองๆ แสงอรุณเริ่มหม่นหมองลง ประสิทธิภาพการป้องกันหมดสิ้นแล้ว ไร้ประโยชน์ที่จะใช้ต่อ

การต่อสู้ของเหลียงเจิ้นหนานครั้งนี้ดำเนินมาถึงตอนนี้ แทบจะต้องยอมรับความพ่ายแพ้ที่นี่แล้ว

เขาคิดจะกระตุ้นผลึกคำบัญชาเสินเซาอยู่หลายหน แต่ไม่มีความเป็นไปได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหาช่องหายใจเพื่อหยุดพักแม้เพียงครู่เดียว

เหลียงเจิ้นหนานได้แต่ปล่อยให้ผลึกคำบัญชาเสินเซาคลุกอยู่กับกองฝุ่นในถุงของวิเศษ ไม่มีโอกาสได้ใช้มันเลย

ในฐานะที่เป็นศิษย์รุ่นพี่ เหยียนหลางทั้งสามรู้ดีถึงข้อดีข้อเสียของผลึกคำบัญชาเสินเซา ไหนเลยจะปล่อยให้เหลียงเจิ้นหนานได้ใช้มัน?

แม้จะต้องสูญเสียพลังปราณไปเพื่อยับยั้งเขา ก็ต้องขวางเหลียงเจิ้นหนานไม่ให้ใช้ผลึกเสินเซาให้ได้

การต่อสู้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย ในรอบที่ 342 ทั้งสองฝ่ายต่างหมดแรงหมดพลังอย่างสิ้นเชิง สูญเสียพลังปราณไปเจ็ดถึงแปดส่วน

เหยียนหลางกระทั่งต้องกินยาลมปราณเข้าไป เพื่อฟื้นพลังปราณกลับคืนมาสักหนึ่งถึงสองส่วน

ส่วนสองพี่น้องตระกูลลู่ รวมถึงซ่งหมิงฮุ่ย ก็สูญเสียพลังปราณไปกว่าครึ่ง ในใจมีอยู่เพียงความคิดที่จะสังหารเหลียงเจิ้นหนานให้จงได้

หลังผ่านไปอีกสิบกว่ารอบ คราวนี้ ลู่จือเวยหาจังหวะเหมาะ แทงกระบี่ทะลุทะลวงพ้นการป้องกันของจักรจันทร์มารออกมาได้

"คัมภีร์กระบี่ไท่อี้เทียนซวี่!"

จากนั้น ท่าไล่ล่ากระบี่ 'ฟ้าจันทร์' จากคัมภีร์กระบี่ไท่อี้เทียนซวี่ ก็ถูกปลดปล่อยออกมา

กระบี่หมอกราตรีแปลงเป็นเงาร่างหงส์ สะบัดกระบี่ฟันเฉียงลงมาในทันที ภายใต้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเหลียงเจิ้นหนาน มันพุ่งตรงเข้าหาเขา ฟันร่างของเหลียงเจิ้นหนานจนขาดเป็นสองท่อน

ท่าโจมตีที่เหลืออย่าง เพลิงกระบี่ มีดคู่ชินเฉียน กระบี่หยางไฟ ต่างพุ่งบุกเข้ามาเป็นกองทัพ ถาโถมเข้าใส่ร่างที่ขาดเป็นชิ้นๆของเหลียงเจิ้นหนานอย่างพร้อมเพรียง

ผู้ฝึกวิชามารรายนี้ ถูกทำลายจนสิ้นซากด้วยน้ำมือของพวกเขาที่นี่ แม้แต่ศพสมบูรณ์ยังไม่มีเหลือ

"ฟู่ สุดท้ายพวกเราก็กำจัดอสูรกายร้ายนี่ได้ซะที"

เมื่อยุติการต่อสู้ครั้งใหญ่ลงแล้ว เหยียนหลางทรุดนั่งลงกับพื้นทันที พลังปราณแทบจะหมดสิ้นของเขาในเวลานี้ ไม่ต้องสนใจหน้าตาแล้วเช่นกัน

ลู่จือเวยกับลู่ฉางเฟิงหันไปมองดูกันแวบหนึ่ง เมื่อรู้สึกถึงความว่างเปล่าของพลังปราณในร่าง ก็หลับตานิ่งฟื้นฟูพลังปราณ

ซ่งหมิงฮุ่ยเพราะมักจะมีบทบาทเป็นตัวช่วย พลังปราณจึงสูญเสียไปไม่มาก จึงรับบทเป็นผู้ปกป้องคุ้มครอง ให้ลู่จือเวยกับลู่ฉางเฟิงได้ฟื้นพลัง

ทางด้านข้าง ลู่ผิงผู้ได้เฝ้าดูการต่อสู้ครั้งใหญ่ทั้งกระบวนการ ก็พยักหน้ากับตัวเองอย่างแผ่วเบา

เขามาถึงที่นี่แล้วสักพักใหญ่

หลังจากที่ลู่ฉางเฟิงและคณะมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ลู่จือเวยก็ได้ทำตามคำสั่งของลู่ผิงก่อนหน้านี้ ส่งข่าวสาร เล่าเรื่องราวต่างๆ ตามทิศทางร่องรอยที่ลู่ผิงทิ้งเอาไว้ กลับไปให้ลู่ผิงทราบ

ลู่ผิงใช้ค่าชื่อเสียง 5 แต้ม แลกเปลี่ยนสิทธิพิเศษ [เคลื่อนย้ายฉับพลัน] เพื่อเคลื่อนย้ายมาอยู่ข้างๆลู่จือเวย และเฝ้ามองการต่อสู้มาตลอด

การแสดงฝีมือของลู่จือเวย ลู่ฉางเฟิง และซ่งหมิงฮุ่ย ในการต่อสู้ครั้งนี้ ลู่ผิงค่อนข้างพอใจ

ในขณะเดียวกัน ด้วยความหวั่นกังวล มือของลู่ผิงก็ยังกำ [ผลึกดาบฟ้าลี่ฮั่ว-สองดาว] ที่แลกเปลี่ยนไว้ก่อนหน้านี้เอาไว้แน่น เพื่อพร้อมลงมือช่วยเหลือได้ทันที หากเกิดวิกฤตร้ายแรงที่อาจคุกคามชีวิต

เหมือนดังเช่นครั้งก่อนที่ช่วยชีวิตลู่ฉางเฟิง โดยใช้ผลึกสายฟ้าขจัดมารถล่มใส่ผู้ฝึกมารอู๋เหิง

โชคดีที่การต่อสู้ครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี

การต่อสู้นี้ถือว่าค่อนข้างง่าย เนื่องจากพวกเขามีคนมากกำลังหนา รวมพลังกันสังหารศัตรู

แม้จะมีผู้ฝึกตนระดับสูงสุดอีกสักคน พวกเขาก็ยังมีกำลังเหลือพอสู้อยู่

แต่แล้วเมื่อการต่อสู้ครั้งใหญ่พึ่งจะสงบลง ที่หลังศาลเจ้าดินไม่ไกลนัก เมื่อเหลยย่าจิ้งเห็นเหลียงเจิ้นหนานถูกสังหาร นางก็อดประหลาดใจไม่ได้

"พี่น้องตระกูลลู่นี่ กลับมีวิธีการเช่นนี้ด้วย ช่างสามารถร่วมกำลังกันฆ่าผู้ฝึกมารนั่นโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อเลยสักนิด"

นิกายเหิงเยว่มีความประทับใจต่อผู้ฝึกมารไม่ค่อยดีนัก

"ถึงจะมีฝีมือบ้าง แต่พอจบการต่อสู้ครั้งนี้ เห็นพวกเขาต่างนั่งสมาธิฟื้นพลังกันทันที ชัดเจนว่าพลังปราณถูกใช้ไปมากมาย ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุดพอดี"

เว่ยเหอกล่าว มองไปทางเหยียนหลางทั้งสาม

"ศิษย์สาวนิกายชิงซานที่อยู่ข้างๆพี่น้องตระกูลลู่ ดูจากชุดก็เป็นศิษย์ชิงซานแน่ๆ แต่อีกสามคนนั้น จนป่านนี้พวกเราก็ยังจำไม่ได้ ตอนลงมือเดี๋ยวค่อยคิดอีกทีว่าจะทำให้พวกนั้นกลายเป็นศัตรูด้วยดีไหม"

พูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าเว่ยเหอฉายความโหดเหี้ยมออกมา "หากพวกมันกล้ายุ่มย่ามมากเกินไป ก็เอาพวกมันลงไปให้หมดเลย!"

เว่ยเหิงลังเลใจนิดหน่อย "เดี๋ยวก่อน พวกเขามีหกคน พวกเราแค่สามคน โอกาสชนะจะไม่น้อยไปหน่อยเหรอ?"

"เจ้ารู้จักแต่ถอยกรูดอย่างเดียว"

เว่ยเหอจ้องเว่ยเหิงเขม็ง

"ในเวลานี้ โอกาสเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง ถ้าหากจับพวกมันได้หมด แย่งเอาของรางวัลจากการต่อสู้มาครอบครอง พวกเราก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องทรัพยากรในการฝึกฝนอีกหลายปี แค่ที่ตัวลู่จือเวย ก็มีกระบี่บินระดับ 2 แล้ว ส่วนคนอื่นๆก็มีอาวุธวิญญาณไม่ธรรมดาทั้งนั้น"

"ได้ละ จะลงมือก็รีบๆ ไม่อยากลงมือก็รีบถอย"

ได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องตระกูลเว่ย เหลยย่าจิ้งเริ่มหงุดหงิดใจ เร่งเร้าพูด

นางไม่อยากให้โอกาสพี่น้องตระกูลลู่ฟื้นพลัง การลงมือตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาดีที่สุดแล้ว

เว่ยเหอกัดฟันเข้าไป ควักอาวุธวิญญาณมากุมไว้ในมือ ใบหน้าเย็นชาน่ากลัว

"เอาเถอะ ลงมือ! ข้ายังมีผลึกฟ้าเพลิงอีกอัน เพียงพอจะสังหารผู้ฝึกตนขั้น 8 ได้ น่าจะเพียงพอรับมือพวกมันแล้ว"

"ยิ่งตอนนี้พวกเราทั้งสามคนต่างมีกำลังเต็มเปี่ยม พลังปราณไม่สูญเสียแม้แต่น้อย จะเอาชนะพวกมันไม่ได้อีกหรือไร?"

เว่ยเหอตัดสินใจ ไม่อยากรอช้าอีก เรียกเหลยย่าจิ้งกับเว่ยเหิงให้ลงมือในทันที รุดหน้าล้อมโจมตีไปยังทิศทางของลู่จือเวย

เขาโผนำหน้า ปล่อยกระบี่วิญญาณสีแดงเลือดออกมาก่อน มุ่งหน้าพุ่งจู่โจมไปหาลู่จือเวยที่ก ำลังเพ่งอยู่กับการฟื้นพลังอย่างรุนแรง

การกระทำนี้ ถูกลู่ผิงมองเห็นได้ในทันที

"จือเวย ระวังด้านหลัง!"

ลู่ผิงส่งข้อความเตือน เมื่อเห็นลูกสาวของตนเองถูกโจมตีจากด้านหลังในจังหวะนี้ ในใจนั้นโมโหขึ้นมาทันที อยากจะลงมือด้วยตัวเอง ลงโทษพวกโจรเหล่านี้ให้สิ้นซาก

ได้ยินเสียงลู่ผิงเรียกผ่านข้อความกะทันหัน ลู่จือเวยรีบลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ และแทบจะในชั่วพริบตาที่เธอหลุดพ้นจากสภาวะฟื้นพลัง นางก็พบว่ามีกระบี่วิญญาณพุ่งเข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว

---------------

PS: พบกันพรุ่งนี้ครับ คอมพ์อยู่ร้านซ่อม ตอนนี้ใช้โน๊ตบุคเก่าครับ ช้าน่าดูเลย

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด