ตอนที่แล้วบทที่ 36 การต่อสู้ที่ดุเดือดในที่อันคับแคบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 38 เพชฌฆาตสีชาด

บทที่ 37 ร่างกายเหนือธรรมชาติ


เมื่อฝุ่นจางลง เลือดและเปลวไฟในถ้ำค่อย ๆ หายไป

ทันทีที่ไป๋เจ๋อน้อยเข้าใกล้ชูเหลียง มันก็กระโดดโลดเต้นและหมุนรอบเขาอีกครั้ง ลูกไป๋เจ๋อตัวนี้ดูตื่นเต้นมากราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวดจากการถูกฟาดอย่างแรงก่อนหน้านี้

เจียงเสี่ยวไป๋ก็ลอยมาต่อหน้าชูเหลียง "ท่านได้รับบาดเจ็บที่ใดหรือไม่"

"ข้าสบายดี" ชูเหลียงส่ายหัวตอบ "แล้วท่านเล่า เป็นอย่างไรบ้างศิษย์พี่เจียง"

"ข้าก็สบายดี"

สีหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋ยังคงสงบเหมือนเดิม ราวกับว่าเธอไม่ได้เพิ่งผ่านพ้นวิกฤติความเป็นความตายมา

เมื่อชูเหลียงเห็นเขาก็เชื่อได้ว่า อย่างไรก็ตามพลังของกิ้งก่ายักษ์ตัวนั้นไม่เพียงพอที่จะจัดการเธอได้ตั้วแต่แรกแล้ว

โดยปกติแล้ว ปีศาจอสูรที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับที่ห้า จะไม่มีปัญหาในการฆ่าผู้ฝึกตนในระดับที่สี่ อย่างไรก็ตามเธอผู้นี้ เจียงเสี่ยว… เจียงเยว่ไป๋ ศิษย์พี่หญิงผู้ไม่ยอมเปิดเผยชื่อจริง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในหมู่ศิษย์ปัจจุบันของฉูซาน เธอเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ความปกติใช้ไม่ได้กับอัจฉริยะ

ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญในทักษะต่างๆ ความสามารถอันยอดเยี่ยมในการใช้กระบวนวิชา หรือการใช้กระบี่บินอย่างชํานาญ เธอสามารถประยุกต์ใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อชดเชยความแตกต่างในระดับการฝึก

ในการต่อสู้เมื่อครู่ มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็สามารถทําให้กิ้งก่ายักษ์ตัวนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักด้วยรอบกระบี่สวรรค์ หากปล่อยให้เธอจัดการต่อไปอีกสักระยะ เจ้ากิ้งก่ายักษ์ตัวนั้นจะตายด้วยบาดแผลสาหัสอย่างแน่นอน

ไม่มีใครเชื่อว่าศิษย์อัจฉริยะที่มีความสามารถมากที่สุดของนิกายฉูซานจะไม่ใช้สมบัติลับที่สามารถช่วยชีวิตได้ในยามคับขัน ดังนั้นจึงหมายความว่าเธอรู้สึกว่าไม่จําเป็นต้องใช้พวกมัน

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะทิ้งสมบัติช่วยชีวิตอันล้ำค่าของตัวเองเหมือนสิ่งที่ไม่มีค่าอย่างตามใจชอบ

เจียงเสี่ยวไป๋มองศพของกิ้งก่ายักษ์ แล้วมองชูเหลียงอย่างละเอียดอีกครั้ง เธอประหลาดใจเล็กน้อยกับการโจมตีที่ไม่คาดคิดของชูเหลียง

"ของวิเศษที่ท่านใช้มันคือสิ่งใดกัน มันมีพลังมากและ... มันปล่อยพลังที่เย็นชาและชั่วร้ายอย่างยิ่ง" เธอถาม

"มันคือระเบิดเงา ข้าเอามาจากคนของนิกายกษัตริย์มืด" ชูเหลียงตอบตามความจริง

"เช่นนั้นเองหรือ ว่ากันว่าระเบิดเงานั้นยากที่จะผลิตและมีมูลค่าสูง หากท่านมอบให้กับหออาวุธ ท่านน่าจะได้เหรียญหระบี่เป็นจำนวนมากทีเดียว” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว

เมื่อชูเหลียงได้ยินเช่นนี้เขาก็เริ่มรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

เมื่อเขาถามตี้หนิวเฟิ่ง เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกค่อนข้างว่าระเบิดเหล่านี้เป็นของเล่น ดังนั้นชูเหลียงจึงคิดว่าพวกมันอาจเป็นเพียงของธรรมดาที่ใช้กันทั่วไป

เมื่อคิดดูอีกที สิ่งที่เป็น “ของเล่น” สำหรับท่านอาจารย์ มันอาจจะยิ่งใหญ่สำหรับข้า..

ของเล่นนี้สามารถฆ่าสัตว์อสูรในระดับห้าได้เลยทีเดียว แม้มันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว แต่การตายเพียงชั่ววูบของสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่งแสดงให้เห็นถึงอานุภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่งของระเบิดของเล่นนี้

ชูเหลียงไม่รู้ว่ามันไม่มีจุดอ่อนในการป้องกันทางกายภาพ ความแข็งแกร่งและความเร็ว ดังนั้นแน่นอนเขาไม่รู้ว่าจุดอ่อนเดียวของมันคือจิตใจของมัน อย่างไรก็ตาม บังเอิญว่าระเบิดเงาเป็นของวิเศษสําหรับการโจมตีทางจิตใจ นี่เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ชูเหลียงสามารถจัดการกิ้งก่ายักษ์ได้ในทันที

เจียงเสี่ยวไป๋ดูเหมือนจะรู้สึกถึงความเสียใจของชูเหลียง

เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ข้าจะให้เหรียญกระบี่แก่ท่าน ท่านช่วยข้าไว้ ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเสียของสำคัญไปโดยมิได้สิ่งใดตอบแทนเลย"

"มิจำเป็น" ชูเหลียงส่ายหัว "พวกเราเป็นศิษย์ของนิกายฉูซานเช่นเดียวกัน มันไม่จําเป็น"

เจียงเสี่ยวไป๋มองผ่านการพูดปัดของเขาและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "แต่ข้ายังต้องขอบคุณท่าน"

"ถ้าอย่างนั้น.." จู่ๆ ชูเหลียงก็เปลี่ยนเรื่องไป "แทนที่จะชดเชยด้วยเหรียญกระบี่... ศิษย์พี่ขอรับ โปรดสอนทักษะอมตะให้ข้าได้หรือไม่"

"เอ๊ะ" เจียงเสี่ยวไป๋ตกใจ "ท่านกําลังหมายถึงทักษะบีบมิติและรอยกระบี่สวรรค์หรือ ข้าคิดว่าท่านยังมิจําเป็นใช้วิชาระดับนี้ในตอนนี้..."

เธอกำลังบอกเป็นนัยว่า ชูเหลียงอาจจะไม่ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ได้ด้วยพลังในระดับนี้ของเขา

"มิได้ขอรับ ขอแค่ทักษะธรรมดาบ้างก็พอแล้ว" ชูเลี่ยงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน "อาจารย์ของข้า... เธอเป็นผู้ฝึกตนสายกายภาพ"

"อาจารย์ของท่านคือปรมาจารย์ตี้หนิวเฟิ่งสินะ ข้าชื่นชมความสง่างามของเธอมาก"

เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึงเจ้าแห่งยอดเขาหยินเจี้ยนและยิ้ม

ในนิกายฉูซาน อาจมีลูกศิษย์เพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าชูเหลียงเป็นใคร อย่างไรก็ตาม ศิษย์ส่วนใหญ่ทราบว่าตี้หนิวเฟิ่งนั้นมีศิษย์เคราะห์ร้ายอยู่คนหนึ่ง

"ฮ่าๆ ..." ชูเหลียงยิ้มอย่างสุภาพ

"พรุ่งนี้ประมาณเที่ยงวัน ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ข้าจะสอนทักษะบางอย่างให้" เจียงเสี่ยวไป๋ตอบ

ชูเหลียงปลื้มปีติ

เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า "ขอบคุณขอรับศิษย์พี่ แต่ที่นี่..."

ชูเหลียงมองไปรอบๆ

“ท่านจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้หรือ”

"มิต้องกังวล" เจี่ยงเสี่ยวไป๋พูด "เมื่อท่านออกไปแล้ว ท่านจะไม่บอกผู้ใดได้หรือไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่"

ชูเหลียงถามอย่างงงงวยว่า "แต่การโจมตีของปีศาจอสูรเกิดขึ้นภายในสำนักเราเช่นนี้ เรามิจําเป็นต้องรายงานหรือ”

"ข้าจะจัดการเอง" เจี่ยงเสี่ยวไป๋ตอบ "เหตุการณ์ในวันนี้ค่อนข้างผิดปกติ..."

"อืม.. ขอรับ"

ชูเหลียงไม่เข้าใจความหมายของเจียงเสี่ยวไป๋ แต่เขาก็ยังพยักหน้าตอบ

เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็นสีหน้าไม่เข้าใจของเขา เธอก็อดไม่ได้ที่จะบอกความจริง "วันนี้ท่านได้พบกับความโชคร้ายอย่างกะทันหันที่ได้พบกับข้า ข้าควรบอกเหตุผลให้ท่านฟัง และเนื่องจากไป๋เจ๋อชอบท่านมาก ท่านจึงต้องเป็นคนดีแน่ และเนื่องจากเป็นเช่นนี้ การบอกท่านก็คงไม่เป็นไร...

"..ข้าเกิดมาพร้อมกับสายเลือดพิเศษซึ่งเป็นร่างกายเหนือธรรมชาติในตำนาน แต่มันก็มาพร้อมปัญหา…”

"ปีศาจและสิ่งมีชีวิตทรงพลังโดยธรรมชาติจะถูกดึงดูดโดยข้า โดยเลือดของข้า ดูเหมือนว่าพวกมันจะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ถ้าพวกมันได้กินข้า”

"ในทุกวันข้าต้องระวังที่จะรักษาระยะห่างจากสัตว์วิญญาณต่างๆ ข้าต้องระมัดระวังตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าข้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บและเลือดออกเพราะข้ากลัวว่ากลิ่นเลือดของข้าอาจดึงดูดมาซึ่งปัญหาได้"

ชูเหลียงฟังแล้วอยากรู้อยากเห็นบางอย่าง

ร่างที่สามารถดึงดูดปีศาจงั้นหรือ...

ฟังดูเหมือนปิศาจจ้องจะกินเนื้อพระถัง[1] เพื่อให้มีพลังเลย ในกรณีนี้ ร่างกายของเธอนั้นถือได้ว่าอันตรายมากจริงๆ

อย่างไรก็ตาม หากข้ามีร่างกายนี้ ข้าสามารถใช้ร่างกายเพื่อดึงดูดปีศาจและฆ่ามัน และใช้มันเพื่อรับรางวัลจากเจดีย์ขาวให้คุ้มค่ามากที่สุด แล้วข้าจะได้แข็งแกร่งขึ้น และดึงดูดปีศาจที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีก

เจียงเสี่ยวไป๋พูดต่อ "แต่.. ข้าเป็นผู้หญิง.. บางครั้งข้าก็เลือดไหลอย่างหลีกเลี่ยงมิได้.." เธอพูดไปหน้าแดงไปทั้งหน้า

ทางชูเหลียงเมื่อได้ฟัง เขาก็มิได้ทำตัวเสียมารยาทแต่อย่างใด หัวข้อนี้ไม่ได้ทำให้เขาอึดอัดเลย

เป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในขณะที่อาศัยอยู่ที่นี่ ภูเขาฉูซานมีสัตว์เลี้ยงและสัตว์พาหนะมากมาย พวกเราคงไม่สามารถเนรเทศพวกสัตว์ทั้งหมดได้เพียงเพราะเจียงเสี่ยวไป๋ และสัตว์พวกนี้ที่เชื่องจะบ้าคลั่งทันทีที่พวกมันได้กลิ่นเลือดของเธอ สิ่งนี้คงทำให้เธอลำบากมากทีเดียว

เจียงเสี่ยวไป๋เห็นชูเหลียงไม่สะทกสะท้าน เธอก็เล่าเรื่องของตัวเองราวกับได้เพื่อนที่รอคอยมาแสนนาน

"ท้ายที่สุดแล้ว ในทุกเดือน ข้าก็จะมาที่ยอดเขาเจดีย์ขุมทรัพย์แห่งนี้เพื่อซ่อนตัวเป็นเวลาหลายวัน เจดีย์มารมิได้อยู่ที่นี่แล้ว แต่แม้เวลาจะผ่านไปกว่าห้าร้อยปี การดำรงอยู่ของมันก็ยังคงป้องกันไม่ให้ปีศาจเหยียบย่ำบนแผ่นดินนี้

"และด้วยไป๋เจ๋อที่น่ารักตัวนี้ มันช่วยข้าขับไล่ผู้บุกรุก ข้าสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบในทุกครั้ง

"นั่นคือจนกระทั่งวันนี้ที่มันพาท่านเข้ามาอย่างกะทันหัน..."

ชูเหลียงมองไปไป๋เจ๋อที่วิ่งหมุนรอบพวกเขาอย่างไม่หยุดและคิดว่าสัตว์สวรรค์ตัวนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยฉลาดเท่าใด ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะทำอะไรแปลกๆ

"การที่กิ้งก่ายักษ์ตัวนี้มาปรากฏตัวที่นี่นับว่าแปลกมาก เหตุใดจู่ๆ ถึงมีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ปรากฏตัวบนยอดเขาเจดีย์ขุมทรัพย์ได้ ที่แห่งนี้เป็นที่ที่ปีศาจและอสูรใดๆ ก็ตามไม่กล้าที่จะย่างกรายเข้ามา ทว่ามันกลับตรงดิ่งเข้ามาที่ถ้ําแห่งนี้ได้อย่างแม่นยํา.." เจียงเสี่ยวไป๋พูดพลางขมวดคิ้ว

ใบหน้าที่ขมวดคิ้วของสาวสวยเหมือนหมอกที่ปกคลุมทะเลสาบสีขาว

ชูเหลียงเข้าใจการคาดเดาของเจียงเสี่ยวไป๋ทันที

เจียงเสี่ยวไป๋มีร่างกายพิเศษซึ่งควรเป็นความลับ แต่เธอแบ่งปันเรื่องนี้กับชูเหลียงได้อย่างง่ายดาย นี่แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่ความลับที่เก็บไว้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าหลายคนในนิกายรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

น่าแปลกที่สัตว์ร้ายตัวนี้โผล่ขึ้นมาและค้นพบตําแหน่งของเธออย่างแม่นยํา มันแปลกจนดูเหมือนจะเป็นผลงานของใครบางคนในนิกายนี้เลย

มันอาจเป็นฝีมือของคนใกล้ตัวเธอ

เมื่อนึกถึงตรงนี้ อารมณ์ของชูเหลียงเปลี่ยนไป

เจียงเสี่ยวไป๋นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อไปว่า "นี่เป็นเรื่องของข้า ข้าจึงขอร้องท่านว่าอย่าเปิดเผยข้อมูลนี้ให้ผู้ใดฟัง ข้าต้องรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้กับท่านอาจารย์ของข้าเสียก่อน แล้วจากนั้นค่อยพิจารณารายละเอียดว่าจะทำอย่างไรต่อไป"

"ข้าเข้าใจแล้ว" ชูเหลียงพยักหน้าตอบ

“..แล้ว ท่านยังมีอะไรอยากถามข้าอีกหรือไม่”

"ข้าอยากถามว่า..." ชูเหลียงพึมพํากับตัวเอง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นถามว่า “หนังสือข่าวเจ็ดดาราบอกว่าท่านมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนกับเฝิงเฉาหยางแห่งนิกายราชันสวรรค์ มันเป็นความจริงหรือ”

1. พระถัง : พระถังซำจั๋ง ภาพจำของ ‘พระถังซำจั๋ง’ มักปรากฏเป็นพระภิกษุจีนขี่ม้าขาวผู้รายล้อมด้วยบริวารครึ่งคนครึ่งสัตว์ 3 นาย ชื่อ ‘หงอคง-โป๊ยก่าย-ซัวเจ๋ง เพื่อปกป้องพระถังจากปีศาจที่หวังจะกินพระถังเพื่อที่จะได้กลายเป็นอมตะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด