ตอนที่แล้วบทที่ 346: ลองใช้เลือดของเจ้า!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 348: ผู้ที่ร่วมมือกับข้าย่อมรุ่งเรือง ผู้ที่ต่อต้านย่อมพินาศ

บทที่ 347: แม่ทัพทั้ง 7


ขณะนี้เลือดที่ถูกพัดพาไปพร้อมกับพลังปีศาจทั้งหมดไหลเข้าสู่คทาโดยที่หลิวอี้ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย

ระหว่างนั้นพวกอวี่โม่กลั้นใจมองดูคทาที่ดูดซับเลือดด้วยความตึงเครียด ในไม่ช้าแสงสีแดงจากคทาก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

แสงสีแดงที่แสบตาทำให้ทุกคนในที่เกิดเหตุต้องหรี่ตาลง ส่วนคนที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างหลิวอี้ถึงกับต้องยกมือขึ้นบังดวงตาสีแดงฉานของตัวเอง

ทันใดนั้นคทาก็ปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่งออกมา ซึ่งมันหนักหน่วงกว่าก่อนหน้าหลายเท่า

บึ้ม!

พลังที่ปลดปล่อยออกมาทำให้จอมมารกระเด็นลอยไปกระแทกพื้นจนกระอักเลือดออกมา

ไม่กี่อึดใจต่อมา คทาหมุนวนลอยขึ้นไปบนฟ้า และแสงสีแดงเจิดจ้าก็หายไปทันที ก่อนคทาที่ลอยอยู่จะพุ่งเข้าหาอวี่โม่

ทางด้านปีศาจหนุ่มที่ยืนดูอยู่นานยื่นมือออกไปรับโดยไม่รู้ตัว เมื่อมือสัมผัสคทา ร่างกายเขาก็เหมือนถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่น ราวกับว่านั่นคืออ้อมกอดอันอ่อนโยนของผู้เป็นแม่

เมื่อได้คทามาครอง อวี่โม่ก็รู้สึกถึงพลังมหาศาลที่แผ่กระจายในร่างกายของเขา

ส่วนเฟิ่งมู่ชิงและคนอื่น ๆ รู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยวันนี้พวกนางก็มีหนทางเอาชีวิตรอดไปได้

“คทานี้ตกอยู่ในมือของอวี่โม่แล้ว ถือว่าเป็นโชคช่วยจริง ๆ” จิ๋วจิ่วพูดด้วยความดีใจ “อวี่โม่ นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่ท่านจะล้างแค้น!”

“พวกท่านรีบหนีไป!” ปีศาจหนุ่มกระชับคทาในมือและออกคำสั่งเสียงหนักแน่น

จิ๋วจิ่วไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ ณ ตอนนี้พวกเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทำไมเขาถึงไม่ใช้โอกาสนี้กำจัดหลิวอี้ให้สิ้นซากล่ะ?

“เราออกไปจากที่นี่ก่อน” อวี้ชิงหลานกล่าว แม้เขาจะไม่เข้าใจความหมายของอวี่โม่ แต่เขาก็เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย

“ไปเถอะ” เฟิ่งมู่ชิงดึงจิ๋วจิ่วออกไป ขณะที่หลิวอี้ยังไม่ฟื้นตัว พวกนางก็รีบก้าวออกจากม่านพลัง

“ในที่สุดก็ออกมาได้สักที” หญิงสาวกล่าวพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นสถานที่ที่คุ้นเคยตรงหน้า

“ท่านได้คทาจอมมารมาครอบครองแล้ว ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้กำจัดหลิวอี้เสียล่ะ?” จิ๋วจิ่วถามอวี่โม่ทันทีที่ออกมา นางรู้สึกเสียดายที่เสียโอกาสดี ๆ แบบนี้ไป

ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ต่อสู้กัน จิ้งจอกสาวก็เข้าใจว่าพลังของชายคนนั้นสูงมาก ในอนาคตถ้าคิดจะกำจัดเขามันจะยิ่งยากขึ้น

“ข้าแค่เคยได้ยินท่านพ่อพูดถึงคทานี้ แต่ยังไม่รู้วิธีใช้มันน่ะ” ปีศาจหนุ่มพูดด้วยความลำบากใจ

พอได้ฟังเหตุผลของเขา ทุกคนต่างก็โล่งใจ มันไม่น่าแปลกใจที่ก่อนหน้านี้อวี่โม่บอกให้รีบหนีออกมาก่อน เพราะถ้าหลิวอี้ฟื้นตัว พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสหนีอีก

“ครั้งต่อไปท่านควรระวังตัวให้มากขึ้น หลิวอี้เป็นปีศาจที่มีพลังสูงมาก เราไม่ควรประมาท” อวี้ชิงหลานพูดเตือน

ถ้าพวกเขามาช้ากว่านี้ อาจจะต้องเก็บศพพวกเฟิ่งมู่ชิงแทน ถือว่าโชคดีที่ยังไม่มีใครเป็นอันตราย

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของแม่นางเฟิ่ง เป็นข้าที่ร้อนใจจึงหุนหันพลันแล่นไป ข้าขอโทษ” อวี่โม่ก้มตัวขอโทษทุกคน

วันนี้พวกเขาโชคดีที่รอดมาได้อย่างฉิวเฉียด ซึ่งมันอาจจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกในครั้งหน้า

“ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวโทษใคร สิ่งสำคัญคือหนานซีถูกช่วยออกมาแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกท่าน” เฟิ่งมู่ชิงพูดพร้อมทำหน้าจริงจัง

นางมาเยือนอาณาจักรเทียนว่ายได้ไม่กี่วัน แต่กลับต้องพบกับเหตุการณ์ที่หนักหนามากมาย

ดังนั้นนางต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด

ปัจจุบันนางต้องการหาสถานที่เงียบสงบเพื่อฝึกฝนวิชาของตนเอง

“หลิวอี้คงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ เผ่าปีศาจอาจจะบุกโจมตีอาณาจักรเทียนว่ายอีกในไม่ช้า” อวี้ชิงหลานถอนหายใจด้วยความกังวล

“เผ่าปีศาจเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกท่านควรหาที่หลบภัยก่อน ข้าต้องกลับไปที่ตระกูลอวี้เพื่อเตรียมตัว” คุณชายอวี้กล่าวขณะมีสีหน้าหนักใจ เพราะตอนนี้ความสงบสุขที่มีมา 18 ปีกำลังจะจบลง

“ท่านรู้หรือไม่ว่ามีที่สงบเหมาะจะฝึกฝนที่ไหนบ้าง?” เฟิ่งมู่ชิงหันไปถามชายหนุ่ม

นาง จิ๋วจิ่วและซู่หลวนเพิ่งมาที่อาณาจักรเทียนว่าย พวกนางไม่รู้ว่าที่ไหนจะปลอดภัยมากพอ อวี่โม่เองก็เพิ่งออกจากเผ่าปีศาจ เขาคงไม่รู้จักพื้นที่ในอาณาจักรเทียนว่ายดีนัก

ในบรรดาพวกเขา มีเพียงอวี้ชิงหลานที่เป็นคนท้องถิ่นเท่านั้นที่รู้จักดีที่สุด

“จริง ๆ ข้ารู้จักที่หนึ่งที่เงียบสงบและไร้ผู้คน” คุณชายอวี้ใช้เวลาคิดสักพักก็มองหาที่เหมาะสมได้

“ที่ไหนหรือ?” หญิงสาวถามด้วยความตื่นเต้น

“ให้อวี่โม่พาพวกท่านไปที่ยอดเขาทางเหนือของป่าหนานเฟิง ห่างจากที่นั่นไป 3 ลี้ มีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่งเหมาะแก่การฝึกฝนวิชามาก” อวี้ชิงหลานตอบเสียงอ่อนโยน

“ขอบคุณท่านมาก! วันหน้าข้าจะเลี้ยงเหล้าท่านเป็นการตอบแทน”

“ต้องเป็นเหล้าดอกสาลี่ที่ท่านเป็นคนหมักเองด้วยนะ”

“ไม่มีปัญหา”

จากนั้นชายหญิงทั้ง 2 ก็ยิ้มให้กัน ขณะที่จิ๋วจิ่วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดีใจสุดขีดและร้องขึ้น “เช่นนี้ ข้ากับซู่หลวนจะได้อยู่กับเฟิ่งมู่ชิงด้วยใช่หรือไม่?!”

อวี้ชิงหลานพยักหน้าตอบ “ใช่ พวกท่านก็ต้องรีบฝึกฝนเพิ่งพูนพลังตัวเอง สัตว์วิญญาณและอสูรครึ่งเทพเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่าซึ่งหาได้ยากมาก ในอาณาจักรเทียนว่ายมีหลายคนต้องการจับพวกท่าน หากพวกท่านตกไปอยู่ในมือคนอื่น คงไม่มีทางรอด”

“แล้วแม่นางเฟิ่งยังต้องกลับไปที่สำนักคังเยว่หรือไม่?” อวี่โม่ถามขึ้นทันที

เฟิ่งมู่ชิงยังนับว่าเป็นศิษย์ของสำนักคังเยว่ หากนางหายไปนาน คงเกิดข่าวลือไม่ดีขึ้น

นอกจากนี้นางยังเป็นคนรับรองให้แก่ปีศาจหนุ่ม หากนางหายตัวไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มันอาจจะเกิดปัญหาตามมาทีหลัง

เฟิ่งมู่ชิงเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ นั่นทำให้มุมปากนางเกร็งขึ้น เพราะนางคงต้องกลับไปที่สำนักคังเยว่อีกครั้งทั้งที่ใจไม่ได้คิดอยากจะกลับไปนัก

ตอนแรกนางเข้าไปที่สำนักคังเยว่ก็เพื่อช่วยชีวิตมู่เฟิง ตอนนี้นางทำเรื่องดังกล่าวสำเร็จแล้ว แต่ถ้าไม่กลับไป อาจเกิดปัญหาตามมาอย่างที่อวี่โม่บอก

ทางด้านอวี้ชิงหลานกลับไม่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะคนที่เขาส่งไปยังไม่ส่งข่าวกลับมา

วันนี้คนส่งข่าวต้องรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ชายหนุ่มรู้ แต่พวกเขาบุกเข้าไปในเผ่าปีศาจเสียก่อน คนที่ส่งมาสอดแนมจึงมีเวลาบอกแค่ว่าพวกเฟิ่งมู่ชิงบุกเข้าไปในเผ่าปีศาจ

หลังจากอวี่โม่อธิบายเรื่องการเปิดเผยตัวเองเพื่อขอความช่วยเหลือจากมหาอำนาจทั้ง 7 และเฟิ่งมู่ชิงกลายเป็นคนรับรอง คุณชายอวี้จึงนิ่งคิดสักพักก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ท่านพาพวกแม่นางเฟิ่งไปก่อน พรุ่งนี้เช้า ข้าจะไปที่สำนักคังเยว่เอง”

“ตกลง”

เมื่อเรื่องนี้มีหนทางแก้ไขแล้ว อวี้ชิงหลานจึงรีบออกไป ส่วนอวี่โม่ก็พาเฟิ่งมู่ชิงและคนอื่น ๆ ไปที่ป่าหนานเฟิง จากนั้นพวกเขาจะแวะไปที่เรือนมู่ซีเพื่อพบกับมู่เฟิงและหนานซีด้วย

เขาต้องไปแจ้งข่าวพวกเขาว่าทุกคนปลอดภัยแล้ว

ในเวลาเดียวกัน หลิวอี้ที่บาดเจ็บหนักมองไปที่ม่านพลังด้วยความโกรธ

“อวี่โม่! มู่เฟิง! ข้าจะทำให้พวกเจ้าทรมานยิ่งกว่าตาย!”

เขาคาดโทษทุกคนที่ทำให้เขาต้องพบเจอกับความอัปยศอดสูและกลับไปยังวังมาร เมื่อถึงวัง เขาก็สั่งการด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ให้แม่ทัพทั้ง 7 ของเผ่ามาพบข้า!”

“ขอรับ!” ทหารปีศาจตอบเสียงสั่นและรีบวิ่งออกไป ขณะออกจากห้องโถง เขาก็มีเหงื่อท่วมตัว

น่ากลัวมาก ข้านึกว่าตัวเองจะไม่รอดเสียแล้ว

หลังจากรู้ว่าอาณาจักรเทียนว่ายแบ่งเป็น 7 มหาอำนาจ เผ่าปีศาจก็สร้างแม่ทัพทั้ง 7 เพื่อเผชิญหน้ากับมหาอำนาจทั้ง 7

การโจมตีเมืองเทียนหยวนครั้งก่อนก็เป็นฝีมือของ 1 ใน 7 แม่ทัพ

ตอนนั้นท่านจอมมารคนเก่าไม่มีความทะเยอทะยานอะไร แม่ทัพบางคนจึงรู้สึกไม่พอใจ แล้วลอบบุกโจมตีเมืองเทียนหยวน แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว

และแม่ทัพที่กระทำโดยพลการนั้นก็ถูกฆ่าโดยอดีตจอมมารเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จากนั้นก็ให้ปีศาจอีกตนขึ้นแทน นั่นเป็นครั้งเดียวที่คนในเผ่าเห็นอดีตจอมมารที่มักอารมณ์ดีโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง

แม่ทัพทั้ง 7 เมื่อได้รับข่าวก็รีบเร่งมาที่วังมาร เพราะกลัวว่าหากช้ากว่านี้ตนจะถูกหลิวอี้ฆ่า

ตอนที่อดีตจอมมารยังครองบัลลังก์อยู่ เขาพอจะควบคุมหลิวอี้เอาไว้ได้บ้าง แต่เมื่ออดีตจอมมารตายไปก็ไม่มีใครในเผ่าปีศาจที่สามารถสู้กับชายคนนั้นได้อีก และนับตั้งแต่เขาขึ้นเป็นจอมมารคนใหม่ เผ่าปีศาจก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

แม่ทัพทั้ง 7 รีบเข้าไปในวังมาร และเห็นหลิวอี้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยใบหน้าถมึงทึง ใจของพวกเขาก็กระตุก

ใครกันที่กล้าทำให้หลิวอี้โกรธเช่นนี้ คงไม่ใช่ว่าเขาจะเอาความโกรธนี้มาลงที่พวกข้านะ

ยามนี้ 7 แม่ทัพยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้าจอมมาร ในขณะที่คนเหล่านั้นแทบไม่มีใครกล้าหายใจเสียงดังเลยสักนิด

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่ยอมรับข้า” หลิวอี้เอ่ยปากพูดเบา ๆ

เพียงคำพูดนี้ก็ทำให้เหงื่อกาฬไหลซึมออกมาจากแผ่นหลังของกลุ่มคนที่ได้ฟังจนเสื้อผ้าต้องเปียกชุ่ม

พวกเขาไม่อาจยอมรับความโหดร้ายของหลิวอี้ได้จริง ๆ

อดีตจอมมารเป็นคนใจดี แม้จะไม่เห็นด้วยกับการปะทะกับอาณาจักรเทียนว่ายโดยตรง และยังให้เผ่าปีศาจลดความทะเยอทะยานของตัวเองลง แต่เผ่าปีศาจภายใต้การปกครองของเขาก็มีความสงบสุขไม่น้อย

แต่หลิวอี้ ชายผู้นี้ฆ่าพี่ชายของตัวเองเพื่อขึ้นครองบัลลังก์ เขาช่างโหดเหี้ยมไร้ความเมตตา และเข่นฆ่าไม่เลือกหน้า ในช่วงนี้มีปีศาจมากมายที่จบชีวิตลงด้วยน้ำมือเขา

แม้จะไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ แต่อดีตจอมมารดูแลน้องชายคนนี้เป็นอย่างดี ซึ่งมันเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนในเผ่าปีศาจ แต่หลิวอี้กลับสังหารอดีตจอมมารแถมยังจะบังคับองค์หญิงหนานซีให้แต่งงานกับตนอีก

สิ่งที่เขาทำทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่น่าขันที่สุด!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด