บทที่ 34 หวนสู่หุบเขาเมฆาทมิฬ
เป้าหมายของหลัวเฉิงนั้นชัดเจนมาก เขาต้องเอาชนะตระกูลฉีและตระกูลหลินในการแข่งขันล่าสัตว์ครั้งนี้ให้ได้ เพื่อช่วยให้ตระกูลหลัวได้รับชัยชนะเป็นอันดับหนึ่ง!
แต่การจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ เขาต้องแข็งแกร่งกว่าใครๆ!
“ฝึกฝนเท่านั้น!” เขาอุทานปลุกใจตนเอง
เมื่อเดินเข้าไปยังลานฝึก หลัวเฉิงก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของเขาออกมา แล้วเริ่มฝึกเพลงหมัดสยบภูผาทันที
ในวันต่อมา ณ ลานฝึกเล็กๆ หลัวเฉิงยังคงฝึกฝนหนักอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างนั้น เขาก็ได้กลืนโอสถผลึกทับทิมอีกสองเม็ดร่วมกับการฝึกฝนอย่างบ้าระห่ำ
แม้ผลลัพธ์ของโอสถนี้จะดีใช่น้อย แต่ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ของมัน น้อยกว่าโอสถหยกเย็นหลอมกายาอยู่มาก ซึ่งมันสามารถใช้ในการฝึกฝนของหลัวเฉิงได้เพียงสามวันเท่านั้น
โอสถผลึกทับทิมหนึ่งเม็ดมีมูลค่ามากกว่าสองแสนตำลึง แต่กลับสามารถใช้ฝึกฝนได้เพียงสามวันเท่านั้น
ไม่มีใครในเมืองฉีซาน ที่สามารถทุ่มทุนจำนวนมากมายขนาดนี้ ในการซื้อโอสถเพื่อทะลวงผ่านขั้นหลอมกายาได้ เพราะมันได้ไม่คุ้มเสียนัก
แต่กระนั้น หลัวเฉิงก็หาได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ไม่
ประสบการณ์หลายปีนี้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า นี่คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้รับการเคารพ ดังนั้น ความแข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสุด!
ด้วยพลังของโอสถผลึกทับทิม ผสานกับความขยันหมั่นเพียรของเขาเอง ทำให้หลัวเฉิงมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว!
เมื่อพลังของโอสถผลึกทับทิมเม็ดที่สามหมดสิ้น หลัวเฉิงก็อยู่ห่างจากการทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับเก้าเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้เขายังตั้งใจฝึกฝนเพลงหมัดสยบภูผาอย่างหนัก และผลที่ได้นั้นก็น่ายินดีเช่นกัน
ซึ่งตอนนี้ หลัวเฉิงออกกระบวนท่าของเพลงหมัดสยบภูผา ไม่จำเป็นต้องเรียงกระบวนท่า เขาสามารถชกออกไปได้อย่างอิสระ!
นี่เป็นสัญญาณว่า เพลงหมัดสยบภูผาของเขานั้นกำลังจะบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ!
“ไม่ได้ มันยังช้าเกินไป!” หลัวเฉิงกัดฟันกล่าวกับตนเอง
ในเวลาเพียงสิบวัน ความก้าวหน้าดังกล่าวนั้นมันรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปก็คงมิมีผู้ใดเชื่อเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม หลัวเฉิงยังไม่พอใจกับความสำเร็จในตอนนี้
เนื่องจาก เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งเดือนก่อนจะถึงงานชุมนุมล่าสัตว์ และโอสถผลึกทับทิมของเขาก็หมดแล้วในตอนนี้ ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันยังคงไม่อาจเอาชนะฉีถิงและหลินอวิ๋นได้
“ดูท่าแล้ว ข้าคงต้องไปยังหุบเขาเมฆาทมิฬอีกครั้ง…” นี่เป็นหนทางเดียวที่หลัวเฉิงคิดออกในตอนนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลัวเฉิงก็พลันนึกถึงความเร็วในการฝึกฝนหลังดูดกลืนวิญญาณสัตว์อสูร จนเขาแทบรอไม่ไหวที่จะไปยังหุบเขาเมฆาทมิฬ เขารีบเก็บของแล้วออกจากเรือนไปพบบิดาตน
หลังจากแจ้งหลัวหงแล้ว หลัวเฉิงก็ออกเดินทางสู่หุบเขาเมฆาทมิฬทันที
ณ หุบเขาเมฆาทมิฬ
ในส่วนลึกของภูเขาสูงตระหง่าน มีหมอกหนาลอยอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ กิ่งก้านสาขาของมันบดบังแสงสุริยันอันร้อนระอุยามเที่ยงวันได้อย่างสมบูรณ์
ที่นี่คือส่วนลึกของหุบเขาเมฆาทมิฬ!
หลังจากมาถึงหุบเขาแล้ว หลัวเฉิงก็มุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนลึกจนมาถึงที่นี่ ระหว่างทางก็ได้สังหารสัตว์อสูรระดับต่ำหนึ่งดาว เพียงสองหรือสามตัวเท่านั้น
เหตุผลที่หลัวเฉิงเข้ามาในส่วนลึกของหุบเขา เพราะเขาต้องการต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสูงหนึ่งดาว!
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน มีเพียงสัตว์อสูรระดับสูงหนึ่งดาวเท่านั้น ที่สามารถสร้างแรงกดดันจนกระตุ้นศักยภาพการต่อสู้ของเขาได้
แครก! แครก!
ระหว่างนั้นเอง ก็มีเสียงย่ำใบไม้แห้งดังมาจากทางด้านหน้า หลัวเฉิงจึงเพ่งสายตามองไปยังทิศต้นเสียงทันที
โห่ว!
เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัว ดังสนั่นไปทั่วทั้งป่า หมอกโดยรอบบริเวณนั้นก็พลุ่งพล่านราวกับลมมรสุม
เมื่อหมอกถูกลมแรงพัดพาจนสลายไป ในที่สุดหลัวเฉิงก็มองเห็นร่างที่คำรามเสียงอันน่าสะพรึงออกมาได้อย่างชัดเจน
มันคือสัตว์อสูรหมาป่าสูงเกือบสิบฉื่อ!
ร่างของมันดำสนิททั้งตัว โดยมีกระดูกสีดำเหมือนหนามงอกขึ้นมาบนหลัง สะท้อนแสงวาวเย็นเผยให้เห็นความแหลมคมของมัน
“หมาป่าหนามเหล็ก สัตว์อสูรระดับสูงหนึ่งดาว! ช่างประจวบเหมาะกับที่ข้าต้องการยิ่งนัก”
เมื่อเห็นหมาป่าหนามเหล็ก ดวงตาของหลัวเฉิงก็วาวโรจน์ขึ้นทันที
หากคนอื่นได้รู้ว่าหลัวเฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ คงมองว่าเขาเสียสติไปแล้วอย่างแน่นอน!
สัตว์อสูรนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่ง และพลังของมันสร้างแรงกดดันได้มากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกับมันเสียอีก
หมาป่าหนามเหล็ก ถือเป็นสัตว์อสูรที่มีความแข็งแกร่งระดับต้นๆ ของสัตว์อสูรระดับสูงหนึ่งดาว ซึ่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นหลอมกายาระดับเก้า การจะสยบมันนั้นมิใช่เรื่องง่าย
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปที่อยู่ในขั้นหลอมกายาระดับแปด เมื่อพวกเขาเห็นหมาป่าหนามเหล็ก สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวพวกเขานั้นคือการหนี!
โห่ว!
เมื่อหมาป่าหนามเหล็กเห็นหลัวเฉิง มันก็แผดเสียงคำรามก้องสนั่น แล้วพุ่งเข้าหาหลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว ด้วยร่างอันใหญ่โตของมัน ขณะวิ่งเศษกิ่งไม้ใบหญ้ารอบข้างพลันปลิวกระจาย
“เข้ามา!”
ดวงตาของหลัวเฉิงส่งประกายสว่างวาบราวกับสายฟ้า เขาย่างเท้าไปข้างหน้าแล้วตั้งท่าใช้เพลงหมัดสยบภูผาเพื่อปะทะกับมันทันที