บทที่ 24: แมลงกลืนเทพกังขังวิญญาณ, ลู่เทียนหมิงหลบหนีสุดชีวิต
บทที่ 24: แมลงกลืนเทพกังขังวิญญาณ, ลู่เทียนหมิงหลบหนีสุดชีวิต
ในพื้นที่ของนิกายหลางหยาเทียนจงซึ่งเป็นที่ตั้งของสาวกสายใน
ชายหนุ่มอายุราวๆสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีกำลังฝึกซ้อมอยู่ในลานของตนเอง
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลู่เทียนหมิงซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายจากตระกูลสายรองของคฤหาสน์ราชาลู่
ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน, เขาได้ปลุกพรสวรรค์ในรู้แจ้งส่องจิตสัตว์อสูร
ตระกูลของเขาจึงส่งเขาไปที่นิกายลางหยาเทียนจงซึ่งมีวิธีการควบคุมสัตว์อสูรมากมายให้ฝึกฝน
ขณะที่ลู่เทียนหมิงกำลังนั่งสมาธิอยู่ในสวน
ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงเครื่องรางหยกส่งสัญญาณที่ดังขึ้นมา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลู่เทียนหมิงก็นำเครื่องรางหยกส่งสัญญาณขึ้นมาดู
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ผู้อาวุโสเฝิงหยูกำลังเรียกข้าอยู่หรือ!?"
ลู่เทียนหมิงอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้
ทำไมผู้อาวุโสผู้ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวในที่สาธารณะ จู่ๆถึงเรียกหาเขากัน?
เป็นไปได้ไหมว่านิกายจะรู้ว่าเขากำลังตรวจสอบเรื่องภายในนิการอย่างลับๆ?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
เขารู้ว่าผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ผู้นี้รับผิดชอบด้านข่าวกรองและเรื่องอื่นๆ
ยามนี้อีกฝ่ายตามหาเขาโดยไม่มีเหตุผล, เขาคิดว่านั่นไม่น่าใช่สิ่งที่ดี
หลังจากคิดได้เขาก็สื่อสารกับหมิงลาวในทะเลแห่งจิตสำนึกของตนเองในทันที
“หมิงเหลา ระดับการฝึกฝนจิตวิญญาณของเจ้าฟื้นคือถึงระดับที่เท่าไหร่แล้ว?”
ทันทีที่ลู่เทียนหมิงพูดจบ เสียงที่ไม่แยแสก็ดังขึ้นในทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเขา
“เกือบจะถึงอาณาจักรวังวิญญาณแล้ว!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ลู่เทียนหมิงก็รู้สึกมีความสุขและตอบกลับ
“หมิงลาว, หากข้าตกอยู่ในอันตรายในช่วงเวลานี้ เจ้าต้องช่วยข้า”
“เพราะถ้าข้าตาย เจ้าจะไม่อาจฟื้นคือร่างที่แท้จริงของเจ้าได้”
"ไม่ต้องกังวล, เข้าได้ให้คำมั่นกับเจ้าแล้วว่าจะลงมือในทันทีหากเจ้าตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ข้าจะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน!"
เมื่อได้ยินคำพูดที่ดังออกมาจากทะเลแห่งจิตสำนึก ลู่เทียนหมิงก็รู้สึกโล่งใจ
หลังจากล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด, ลู่เทียนหมิงก็ออกจากลานบ้านและมุ่งหน้าไปยังยอดเขาแห่งจิตวิญญาณของผู้อาวุโสเฝิงหยู
ใช้เวลาไม่นานลู่เทียนหมิงก็มาถึงคฤหาสถ์ถ้ำอันที่เป็นที่อยู่ของผู้อาวุโสเฝิงหยู
เมื่อมองไปที่เฝิงหยูซึ่งนั่งรออยู่ในนั้นตั้งแต่แรก, ลู่เทียนหมิงก็ไม่กล้าที่จะละเลย
เขาก้าวไปข้างหน้าทันทีและแสดงความเคารพด้วยความนอบน้อมทันที
“ศิษย์ลู่เทียนหมิง, คารวะผู้อาวุโสเฝิง”
“ผู้อาวุสเฝิงมีสิ่งใดให้ศิษย์รับใช้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, รอยยิ้มที่มีความหมายก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเฝิงหยู
ก่อนที่เขาจะพยักหน้าน้อยๆเเล้วพูดว่า
"ใช่, ข้ามีภารกิจของนิกายให้เจ้าจัดการ"
“และมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถทำได้ นั่นคือเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้, ลู่เทียนหมิงก็อดไม่ได้ที่จะเดาว่านี่เป็นงานอะไรที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้?
มันมีอะไรพิเศษในตัวเขาที่ดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสอยู่ตรงหน้า?
เมื่อจิตใจของเขาเปลี่ยนไป เขาก็พูดขึ้นทันทีว่า
"ศิษย์ผู้นี้จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำภารกิจของนิกายให้สำเร็จ!"
เมื่อเห็นลู่เทียนหมิงพูดเช่นนี้, เฝิงหยูก็พยักหน้าเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็ไม่คิดพูดอ้อมค้อมและถามออกมาโดยตรง
"ถ้านิกายต้องการส่งเจ้ากลับไปคฤหาสน์ราชาลู่เพื่อตรวจสอบข้อมูลบางอย่าง, เจ้าจะเต็มใจไปหรือไม่?"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ลู่เทียนหมิงก็ตกตะลึงทันที
เขาไม่เคยคาดหวังว่านิกายจะขอให้เขากลับไปตระกูลเพื่อสืบข่าวบางอย่าง
เเบบนี้, มันไม่เท่ากับว่าส่งให้เขากลับไปทรยศตระกูลหรอกหรือ?
เป็นไปได้ไหมว่า, เหตุการณ์ที่ตระกูลให้เขาสืบสวนก่อนหน้านี้นั้นเป็นความผิดของนิกายจริงๆ
ชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของลู่เทียนหมิงกระพริบไปมา
ความคิดของเขาเเล่นไปมาอย่างรวดเร็ว
“ทำไม เจ้าไม่อยากทำงั้นรึ?”
เมื่อเห็นสีหน้าของลู่เทียนหมิง เฝิงหยูก็หรี่ตาลงเล็กน้อย และเสียงของเขาก็เข้มขึ้น
เป็นเลาเดียวกันลมหายใจของอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำชั้นที่แปดก็ถูกปล่อยออกมาเล็กน้อย ปกคลุมผืนดินและท้องฟ้า
ยามเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่าง ลู่เทียนหมิงก็จำต้องกัดฟันเล็กน้อยแล้วพูดออกมา
“ศิษย์เต็มใจไป!”
แม้ว่าลู่เทียนหมิงจะพูดสิ่งนี้ออกจากปากของเขา แต่เขาก็คิดเรื่องนี้อยู่ในใจแล้ว เมื่อเขากลับไปหาตระกูลของเขา เขาจะรายงานเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องให้เร็วที่สุด อย่างแย่ที่สุดเขาจะไม่กลับมาที่นิกายหลางหยาเทียนจงอีกต่อไป
เป็นไปไม่ได้ที่เลยที่เขาจะทรยศต่อตระกูล
แต่ยามนี้ตกอยู่ภายใต้ชายคาผู้อื่นย่อมนอบน้อมก้มศีรษะเป็นการดี
เมื่อได้ยินคำตอบของลู่เทียนหมิง รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฝิงหยู
"ดีมาก!"
“ถ้าเจ้าสามารถทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปได้ นิกายจะปฎิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี”
ขณะที่เขาพูด ร่างของเขาก็หายไป ก่อนที่จะปรากฏตัวตรงหน้าลู่เทียนหมิง
จากนั้นเขาก็หยิบไข่แมลงออกมาแล้วส่งให้ลู่เทียนหมิง
"นี่คือไข่ของแมลงกลืนเทพกังขังวิญญาณ, หากเจ้าภักดีต่อนิกายมากว่าคฤหาสน์ราชาลู่ เจ้าก็จงกลืนมันเข้าไปซะ”
แมลงกลืนเทพกังขังวิญญาณ!
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ การแสดงออกของลู่เทียนหมิงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าแมลงศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้น่ากลัวเพียงใด?
เมื่อเขากลืนไข่แมลงนี้ไปแล้ว ไข่จะกลายเป็นปรสิตในทะเลแห่งจิตวิญญาณของเขาในทันที
และเขาจะไม่อาจสามารถกำจัดมันด้วยความสามารถของตนเองได้
เเละสิ่งนี้สามารถทำให้ผู้ที่ควบคุมแมลงศักดิ์สิทธิ์นี้สามารถฆ่าเขาได้ทุกที่ทุกเวลา
เรียกได้ว่าเมื่อแมลงศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้หยั่งรากไปในทะเลแห่งจิตสำนึก, ชีวิตและความตายของเขาก็ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตนเองอีกต่อไป
“ทำไมล่ะ, ไม่อยากเหรอ?”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของลู่เทียนหมิง เสียงของเฝิงหยูก็เย็นยะเยือกลงเล็กน้อย
เมื่อเห็นเช่นนี้, ดวงตาของลู่เทียนหมิงก็ส่องประกาย พร้อมๆกับสื่อสารกับหมิงเหลาในทะเลแห่งจิตวิญญาณ
นอกจากนี้, เขายังได้สาปแช่งไอ้แก่เฝิงหยูในใจเป็นร้อยครั้ง
ชายชราคนนี้ชอบเเสร้งทำตัวดูเป็นมิตร, เขาไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังเขาจะร้ายกาจเช่นนี้
เป็นเรื่องจริงที่คนเรามิอาจตัดสินได้จากภายนอก!
เเต่อยากควบคุมข้างั้นเหรอ?
ไอ้แก่, นี่เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถควบคุมข้าได้หรือไงกัน?
มาลองดูกันสักตั้งว่าครั้งนี้ใครจะชนะ!
หลังจากสื่อสารกับหมิงเหลาอย่างรวดเร็วในทะเลแห่งจิตสำนึก
ลู่เทียนหมิงก็สงบลงและพูดว่า
"ศิษย์เต็มใจ!"
ขณะที่เขาพูด, เขาก็ยกมือขวาขึ้นและเตรียมที่จะหยิบไข่แมลงมาจากมือของเผิงหยู
เมื่อเห็นเช่นนี้, เฝิงหยูก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าในใจและผ่อนคลายเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม, ทันใดนั้นแสงเย็นก็เเวบผ่านดวงตาของลู่เทียนหมิง
ขณะที่เขากำลังจะหยิบไข่แมลงออกจากมือของศัตรู, รัศมีที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้มารวมตัวกันบนฝ่ามืออีกข้างของเขา
กว่าเฝิงหยูจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ, มือใหญ่ของลู่เทียนหมิงก็ตบเฝิงหยูอย่างแรงที่หน้าอก
บูม!
เเคร่ก!!
เสียงซี่โครงที่หักดังรอดออกมา
จากนั้น, เฝิงหยูก็ปลิวไปในอากาศ
ร่างกายของเขาหงิกงอราวกับกุ้งต้ม
เเละขณะที่ยังอยู่กลางอากาศ, เขาก็ต้องกระอักเลือดออกมาคำโตออกมา
ด้วยการโจมตีของลู่เทียนหมิง, ผู้ได้รับพรจากความแข็งแกร่งเจ็ดสิบแปดประการของหมิงเหลา
มันจึงเป็นไปได้ที่เขาจะทำร้ายผู้ฝึกตนในอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำได้
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
ปฏิกิริยาของเฝิงหยูไม่พอใจมาก, ใบหน้าของเขาในเวลานี้เย็นชาราวกับน้ำแข็งพันปี
เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกหนอนแมลงนี้โจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว
โดยปราศจากคำพูดให้มากความ, หลังจากที่เขาระงับอาการบาดเจ็บบนร่างกายชั่วครู่เเล้ว
เขาก็ยื่นฝ่ามือยักษ์ออกทันทีหมายจะปราบปรามลู่เทียนหมิง
ลู่เทียนหมิงไม่คาดคิดว่าปฏิกิริยาของชายชราคนนี้จะรวดเร็วและเด็ดขาดได้ถึงเพียงนี้
“หมิงเหลา รีบหน่อย!”
ในเวลาเดียวกันลู่เทียนหมิงก็ตะโกนในใจเขาอย่างเร่งรีบ
วินาทีต่อมาออร่าทั้งหมดของลู่เทียนหมิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และออร่าอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำขั้นสูงสุดก็พุ่งออกมา
เมื่อเห็นเช่นนี้, เฝิงหยูที่เพิ่งลงมือใบหน้าก็เปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีหลังที่แผ่ออก
"ไม่, มันเป็นไปไม่ได้!"
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ลู่เทียนหมิงก็ไม่ได้พูดจาไร้สาระ
เขาผลักฝ่ามือไปเบื้องหน้า, ทุบพลังของเฝิงหยูให้แหลกด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
บูม!
ออร่าการปะทะนี้ปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ
กลไกของนิกายถูกกระตุ้นจนค่ายกลป้องกันเผยพลังออกมา
ณ ขณะนี้, มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เฝิงหยูจะทนต่อการโจมตีนี้ได้
เขาได้ถูกกดลงไปที่พื้นโดยตรง
หลังจากนั้นร่างของลู่เทียนหมิงก็หายไปจากครรลองสายตาและปรากฏตัวต่อหน้าเฝิงหยู
ด้วยการสะบัดนิ้วมือ, เขาก็ผนึกพลังของคู่ต่อสู้ทันที
ด้วยความช่วยเหลือของหมิงเหลา, การเคลื่อนไหวต่อเนื่องของลู่เทียนหมิงนั้นเร็วจนสามารถจัดการเฝิงหยูได้ทันท่วงที
ช่วงเวลาต่อมา, ลู่เทียนหมิงก็ไม่เสียเวลาและเริ่มค้นหาข้อมูลความลับในจิตวิญญาณของเฝิงหยู
หลังจากนั้นไม่นาน, ลู่เทียนหมิงก็ถอนสัมผัสออก
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงเย็นยะเยือก
“ยามที่พวกเราคฤหาสน์ราชาลู่กำลังต่อสู้เพื่อคว้าโอกาสในต่างแดน, พวกเราถูกพวกนิกายหลางหยาเทียนจงฆ่าสังหารอย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ!”
"บัดซบ!"
เมื่อเขานึกถึงข่าวที่เขาเพิ่งค้นพบ, ลู่เทียนหมิงตัดสินใจจะฆ่าเฝิงหยูทันที
อย่างไรก็ตาม, เมื่อเขานึกถึงสถานการณ์ของเขาในปัจจุบัน
เขาก็หยุดการกระทำของเขาไว้ก่อน
หากเขาฆ่าเฝิงหยูในตอนนี้, นิกายคงจะสังเกตเห็นในไม่ช้า
แล้วเขาจะทำอย่างไรกับวัตถุโบราณชิ้นนี้ดี?
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง
ลู่เทียนหมิงก็ทำลายตันเถียนของเฝิงหยูอย่างรวดเร็ว
จากนั้น, เขาก็หยิบยาพิษเจ็ดประการออกมาและบังคับให้อีกฝ่ายกลืนเข้าไป
สิ่งนี้จะไม่เพียงแต่ทำให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามวันเท่านั้น, แต่ยังทำให้เขามีเวลาในการหลบหนีอีกด้วย
หลังจากทำเช่นนี้ ลู่เทียนหมิงก็ปล้นสมบัติทั้งหมดจากอีกฝ่าย, จากนั้นเดินออกจากคฤหาสน์ถ้ำของเฝิงหยูอย่างภาคภูมิ
โชคดีที่คฤหาสน์ถ้ำของเฝิงหยูมีค่ายกลการปกปิดที่แข็งแกร่ง
ไม่เช่นนั้นการเคลื่อนไหวในตอนนี้อาจทำให้ผู้อาวุโสในนิกายรู้สึกตัว
จากนั้นโดยไม่ลังเลเลย ลู่เทียนหมิงเดินออกจากคฤหาสน์ถ้ำของเฝิงหยู และมุ่งหน้าออกนอกนิกายทันที
เขาต้องออกจากนิกายหลางหยาเทียนจงโดยเร็วก่อนที่นิกายจะค้นพบเฝิงหยู และกลับไปที่คฤหาสน์ราชาลู่ เพื่อรายงานข่าวเรื่องที่เขาตรวจสอบพบ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
ลู่เทียนหมิงก็ได้ออกจากนิกายหลางหยาเทียนจงและกำลังขับเรือเหาะไปยังเขตเหนือด้วยความเร็วเต็มกำลัง
นิกายหลางหยาเทียนจงไม่ได้อยู่ในเขตเหนือ, มันถูกแยกออกจากเขตเหนือโดยเทศมณฑลหยานหยาง
แม้ว่าเขาจะรีบเร่งอย่างสุดกำลัง, แต่มันก็ยังต้องใช้เวลา
ตอนนี้, เขาต้องรีบกลับไปที่คฤหาสน์ราชาลู่ให้เร็วที่สุดและแจ้งให้ตระกูลทราบถึงข้อมูลที่เขาพบ
………
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ลู่เทียนหมิงไม่คาดคิดก็คือภายในเวลาเพียงสองชั่วยาม
มันก็มีคนเข้ามาในคฤหาสน์ถ้ำของผู้อาวุโสเฝิงหยู และพบเฝิงหยูที่เกือบจะเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ
เเละเมื่อผู้นำนิกายซ่งหยานทราบเรื่องนี้, เขาก็โกรธจัดและรีบออกคำสั่งทันที
“ผู้อาวุโสสอง ผู้อาวุโสสี่ ผู้อาวุโสห้า”
“พวกท่านจงออกจากนิกายทันทีเพื่อดูว่าจะสามารถตามจับลู่เทียนหมิงได้ทันหรือไม่”
“ไม่ต้องสนว่าจะจับเป็นหรือจับตาย!”
ซ่งหยานจะไม่เดาได้อย่างไรว่าเฝิงหยูจะถูกทุบตีเช่นนี้ เพราะต้องการให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ เขาจะกล้าประมาทและส่งผู้อาวุโสสามคนออกไปทันที
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้อาวุโสทั้งสามก็ปฏิบัติตามคำสั่งของซ่งหยาน
ออกจากนิกาย, เเละมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ราชาลู่
…………………..