ตอนที่แล้วบทที่ 23 : รางวัลใหญ่สำหรับการเลื่อนขั้นเป็นกองกำลัง​ระดับห้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 24: แมลงกลืนเทพกังขังวิญญาณ, ลู่เทียนหมิงหลบหนีสุดชีวิต​


บทที่ 24: แมลงกลืนเทพกังขังวิญญาณ, ลู่เทียนหมิงหลบหนีสุดชีวิต​

ในพื้นที่ของนิกายหลางหยาเทียนจงซึ่งเป็นที่ตั้งของสาวกสายใน

ชายหนุ่มอายุราวๆสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีกำลังฝึกซ้อมอยู่ในลานของตนเอง

ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลู่เทียนหมิงซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายจากตระกูลสายรองของคฤหาสน์ราชาลู่

ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน, เขาได้ปลุกพรสวรรค์ในรู้แจ้งส่องจิตสัตว์​อสูร​

ตระกูล​ของเขาจึงส่งเขาไปที่นิกายลางหยาเทียนจงซึ่งมีวิธีการควบคุมสัตว์อสูร​มากมายให้ฝึกฝน​

ขณะที่​ลู่เทียนหมิงกำลังนั่งสมาธิอยู่ในสวน

ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงเครื่องรางหยกส่งสัญญาณที่ดังขึ้นมา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลู่เทียนหมิงก็นำเครื่องรางหยกส่งสัญญาณขึ้นมาดู

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย

"ผู้อาวุโสเฝิงหยูกำลังเรียกข้าอยู่หรือ!?"

ลู่เทียนหมิงอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้

ทำไมผู้อาวุโสผู้ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวในที่สาธารณะ จู่ๆถึงเรียกหาเขากัน?

เป็นไปได้ไหมว่านิกายจะรู้ว่าเขากำลังตรวจสอบเรื่องภายในนิการอย่างลับๆ?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล

เขารู้ว่าผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ผู้นี้รับผิดชอบด้านข่าวกรองและเรื่องอื่นๆ

ยามนี้อีกฝ่ายตามหาเขาโดยไม่มีเหตุผล, เขาคิดว่านั่นไม่น่าใช่สิ่งที่ดี

หลังจากคิดได้เขาก็สื่อสารกับหมิงลาวในทะเลแห่งจิตสำนึกของตนเองในทันที

“หมิงเหลา ระดับการฝึกฝนจิตวิญญาณของเจ้าฟื้นคือถึงระดับที่เท่าไหร่แล้ว?”

ทันทีที่ลู่เทียนหมิงพูดจบ เสียงที่ไม่แยแสก็ดังขึ้นในทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเขา

“เกือบจะถึงอาณาจักรวังวิญญาณแล้ว!”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ลู่เทียนหมิงก็รู้สึกมีความสุขและตอบกลับ

“หมิงลาว, หากข้าตกอยู่ในอันตรายในช่วงเวลา​นี้ เจ้าต้องช่วยข้า”

“เพราะถ้าข้าตาย เจ้าจะไม่อาจฟื้นคือร่างที่แท้จริงของเจ้าได้”

"ไม่ต้องกังวล, เข้าได้ให้คำมั่นกับเจ้าแล้วว่าจะลงมือในทันทีหากเจ้าตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต  ข้าจะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน!"

เมื่อได้ยินคำพูดที่ดังออกมาจากทะเลแห่งจิตสำนึก ลู่เทียนหมิงก็รู้สึกโล่งใจ

หลังจากล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด, ลู่เทียนหมิงก็ออกจากลานบ้านและมุ่งหน้าไปยังยอดเขาแห่งจิตวิญญาณของผู้อาวุโสเฝิงหยู

ใช้เวลาไม่นานลู่เทียนหมิงก็มาถึงคฤหาสถ์ถ้ำอันที่เป็นที่อยู่ของผู้อาวุโสเฝิงหยู

เมื่อมองไปที่เฝิงหยูซึ่งนั่งรออยู่ในนั้นตั้งแต่แรก, ลู่เทียนหมิงก็ไม่กล้าที่จะละเลย

เขาก้าวไปข้างหน้าทันทีและแสดงความเคารพด้วยความนอบน้อมทันที

“ศิษย์ลู่เทียนหมิง, คารวะผู้อาวุโสเฝิง”

“ผู้อาวุสเฝิงมีสิ่งใดให้ศิษย์​รับใช้หรือไม่?”

เมื่อได้ยิน​เช่นนี้, รอยยิ้มที่มีความหมายก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเฝิงหยู

ก่อนที่เขาจะพยักหน้าน้อยๆเเล้วพูดว่า

"ใช่, ข้ามีภารกิจ​ของนิกายให้เจ้าจัดการ"

“และมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถทำได้ นั่นคือเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้, ลู่เทียนหมิงก็อดไม่ได้ที่จะเดาว่านี่เป็นงานอะไรที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้?

มันมีอะไรพิเศษในตัวเขาที่ดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสอยู่ตรงหน้า?

เมื่อจิตใจของเขาเปลี่ยนไป เขาก็พูดขึ้น​ทันทีว่า

"ศิษย์ผู้นี้จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำภารกิจของนิกายให้สำเร็จ!"

เมื่อเห็นลู่เทียนหมิงพูดเช่นนี้, เฝิงหยูก็พยักหน้าเล็กน้อย

ทันใดนั้นเขาก็ไม่คิดพูดอ้อมค้อมและถามออกมาโดยตรง

"ถ้านิกายต้องการส่งเจ้ากลับไปคฤหาสน์ราชาลู่เพื่อตรวจสอบข้อมูลบางอย่าง, เจ้าจะเต็มใจไปหรือไม่?"

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ลู่เทียนหมิงก็ตกตะลึง​ทันที​

เขาไม่เคยคาดหวังว่านิกายจะขอให้เขากลับไปตระกูลเพื่อสืบข่าวบางอย่าง​

เเบบนี้, มันไม่เท่ากับว่าส่งให้เขากลับไปทรยศตระกูลหรอกหรือ?

เป็นไปได้ไหมว่า, เหตุการณ์ที่ตระกูลให้เขาสืบสวนก่อนหน้านี้นั้นเป็นความผิดของนิกายจริงๆ

ชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของลู่เทียนหมิงกระพริบไปมา

ความคิดของเขาเเล่นไปมาอย่างรวดเร็ว

“ทำไม  เจ้าไม่อยากทำงั้นรึ?”

เมื่อเห็นสีหน้าของลู่เทียนหมิง เฝิงหยูก็หรี่ตาลงเล็กน้อย และเสียงของเขาก็เข้มขึ้น

เป็นเลาเดียวกันลมหายใจของอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำชั้นที่แปดก็ถูกปล่อยออกมาเล็กน้อย ปกคลุมผืนดินและท้องฟ้า

ยามเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่าง ลู่เทียนหมิงก็จำต้องกัดฟันเล็กน้อยแล้วพูดออกมา

“ศิษย์เต็มใจไป!”

แม้ว่าลู่เทียนหมิงจะพูดสิ่งนี้ออกจากปากของเขา แต่เขาก็คิดเรื่องนี้อยู่ในใจแล้ว เมื่อเขากลับไปหาตระกูลของเขา เขาจะรายงานเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องให้เร็วที่สุด  อย่างแย่ที่สุดเขาจะไม่กลับมาที่นิกายหลางหยาเทียนจงอีกต่อไป

เป็นไปไม่ได้ที่เลยที่เขาจะทรยศต่อตระกูล

แต่ยามนี้ตกอยู่ภายใต้ชายคาผู้อื่นย่อมนอบน้อมก้มศีรษะเป็นการดี

เมื่อได้ยินคำตอบของลู่เทียนหมิง รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฝิงหยู

"ดีมาก!"

“ถ้าเจ้าสามารถทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปได้ นิกายจะปฎิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี”

ขณะที่เขาพูด ร่างของเขาก็หายไป  ก่อนที่จะปรากฏตัวตรงหน้าลู่เทียนหมิง

จากนั้นเขาก็หยิบไข่แมลงออกมาแล้วส่งให้ลู่เทียนหมิง

"นี่คือไข่ของแมลงกลืนเทพกังขังวิญญาณ, หากเจ้าภักดีต่อนิกายมากว่าคฤหาสน์ราชาลู่ เจ้าก็จงกลืนมันเข้าไปซะ”

แมลงกลืนเทพกังขังวิญญาณ!

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ การแสดงออกของลู่เทียนหมิงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าแมลงศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้น่ากลัวเพียงใด?

เมื่อเขากลืนไข่แมลงนี้ไปแล้ว ไข่จะกลายเป็นปรสิตในทะเลแห่งจิตวิญญาณของเขาในทันที

และเขาจะไม่อาจสามารถกำจัดมันด้วยความสามารถของตนเองได้

เเละสิ่งนี้สามารถทำให้ผู้ที่ควบคุมแมลงศักดิ์สิทธิ์นี้สามารถฆ่าเขาได้ทุกที่ทุกเวลา

เรียกได้ว่าเมื่อแมลงศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้หยั่งรากไปในทะเลแห่งจิตสำนึก, ชีวิตและความตายของเขาก็ไม่สามารถ​ควบคุมได้ด้วยตนเองอีกต่อไป

“ทำไมล่ะ, ไม่อยากเหรอ?”

เมื่อเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของลู่เทียนหมิง เสียงของเฝิงหยูก็เย็นยะเยือกลงเล็กน้อย

เมื่อ​เห็น​เช่นนี้, ดวงตาของลู่เทียนหมิงก็ส่องประกาย พร้อมๆกับสื่อสารกับหมิงเหลาในทะเลแห่งจิตวิญญาณ

นอกจากนี้, เขายังได้สาปแช่งไอ้แก่เฝิงหยูในใจเป็นร้อยครั้ง

ชายชราคนนี้ชอบเเสร้งทำตัวดูเป็นมิตร, เขาไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังเขาจะร้ายกาจเช่นนี้

เป็นเรื่องจริงที่คนเรามิอาจตัดสินได้จากภายนอก!

เเต่อยากควบคุมข้างั้นเหรอ?

ไอ้แก่,  นี่เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถควบคุมข้าได้หรือไงกัน?

มาลองดูกันสักตั้งว่าครั้งนี้ใครจะชนะ!

หลังจากสื่อสารกับหมิงเหลาอย่างรวดเร็วในทะเลแห่งจิตสำนึก

ลู่เทียนหมิงก็สงบลงและพูดว่า

"ศิษย์เต็มใจ!"

ขณะที่เขาพูด, เขาก็ยกมือขวาขึ้นและเตรียมที่จะหยิบไข่แมลงมาจากมือของเผิงหยู

เมื่อเห็นเช่นนี้, เฝิงหยูก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าในใจและผ่อนคลายเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม, ทันใดนั้น​แสงเย็นก็เเวบผ่านดวงตาของลู่เทียนหมิง

ขณะที่​เขากำลังจะหยิบไข่แมลงออกจากมือของศัตรู, รัศมีที่น่าสะพรึงกลัว​ก็ได้มารวมตัวกันบนฝ่ามืออีกข้างของเขา

กว่าเฝิงหยูจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ, มือใหญ่ของลู่เทียนหมิงก็ตบเฝิงหยูอย่างแรงที่หน้าอก

บูม!

เเคร่ก!!

เสียงซี่โครงที่หักดังรอดออกมา

จากนั้น, เฝิงหยูก็ปลิวไปในอากาศ

ร่างกายของเขาหงิกงอราวกับกุ้งต้ม

เเละขณะที่ยังอยู่กลางอากาศ, เขาก็ต้องกระอักเลือดออกมาคำโตออกมา

ด้วยการโจมตีของลู่เทียนหมิง, ผู้ได้รับพรจากความแข็งแกร่งเจ็ดสิบแปดประการของหมิงเหลา

มันจึงเป็นไปได้ที่เขาจะทำร้ายผู้ฝึกตนในอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำได้

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”

ปฏิกิริยาของเฝิงหยูไม่พอใจมาก, ใบหน้าของเขาในเวลานี้เย็นชาราวกับน้ำแข็งพันปี

เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกหนอนแมลงนี้โจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว

โดยปราศจากคำพูดให้มากความ, หลังจากที่เขาระงับอาการบาดเจ็บบนร่างกายชั่วครู่เเล้ว

เขาก็ยื่นฝ่ามือยักษ์​ออกทันทีหมายจะปราบปราม​ลู่เทียนหมิง

ลู่เทียนหมิงไม่คาดคิดว่าปฏิกิริยาของชายชราคนนี้จะรวดเร็วและเด็ดขาดได้ถึงเพียงนี้

“หมิงเหลา รีบหน่อย!”

ในเวลาเดียวกันลู่เทียนหมิงก็ตะโกนในใจเขาอย่างเร่งรีบ

วินาทีต่อมาออร่าทั้งหมดของลู่เทียนหมิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และออร่าอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำขั้นสูงสุดก็พุ่งออกมา

เมื่อเห็นเช่นนี้, เฝิงหยูที่เพิ่งลงมือใบหน้าก็เปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีหลังที่แผ่ออก

"ไม่, มันเป็นไปไม่ได้!"

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ลู่เทียนหมิงก็ไม่ได้พูดจาไร้สาระ

เขาผลักฝ่ามือไปเบื้องหน้า, ทุบพลังของเฝิงหยูให้แหลกด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด

บูม!

ออร่าการปะทะ​นี้ปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ

กลไกของนิกายถูกกระตุ้นจนค่ายกลป้องกันเผยพลังออกมา

ณ ขณะนี้, มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เฝิงหยูจะทนต่อการโจมตีนี้ได้

เขาได้ถูกกดลงไปที่พื้นโดยตรง

หลังจากนั้นร่างของลู่เทียนหมิงก็หายไปจากครรลองสายตาและปรากฏตัวต่อหน้าเฝิงหยู

ด้วยการสะบัดนิ้วมือ, เขาก็ผนึกพลังของคู่ต่อสู้ทันที

ด้วยความช่วยเหลือของหมิงเหลา, การเคลื่อนไหวต่อเนื่องของลู่เทียนหมิงนั้นเร็วจนสามารถจัดการเฝิงหยูได้ทันท่วงที

ช่วงเวลาต่อมา, ลู่เทียนหมิงก็ไม่เสียเวลาและเริ่มค้นหาข้อมูลความลับในจิตวิญญาณของเฝิงหยู

หลังจากนั้นไม่นาน, ลู่เทียนหมิงก็ถอนสัมผัส​ออก

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงเย็นยะเยือก

“ยามที่พวกเราคฤหาสน์​ราชาลู่กำลังต่อสู้เพื่อคว้าโอกาสในต่างแดน, พวกเราถูกพวกนิกายหลางหยาเทียนจงฆ่าสังหารอย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ!”

"บัดซบ!"

เมื่อเขานึกถึงข่าวที่เขาเพิ่งค้นพบ, ลู่เทียนหมิงตัดสินใจ​จะฆ่าเฝิงหยูทันที​

อย่างไร​ก็ตาม, เมื่อเขานึกถึงสถานการณ์ของเขาในปัจจุบัน

เขาก็หยุดการกระทำของเขาไว้ก่อน

หากเขาฆ่าเฝิงหยูในตอนนี้, นิกายคงจะสังเกตเห็นในไม่ช้า

แล้วเขาจะทำอย่างไรกับวัตถุโบราณชิ้นนี้ดี?

หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง

ลู่เทียนหมิงก็ทำลายตันเถียนของเฝิงหยูอย่างรวดเร็ว

จากนั้น, เขาก็หยิบยาพิษเจ็ดประการออกมาและบังคับให้อีกฝ่ายกลืนเข้าไป

สิ่งนี้จะไม่เพียงแต่ทำให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามวันเท่านั้น, แต่ยังทำให้เขามีเวลาในการหลบหนีอีกด้วย

หลังจากทำเช่นนี้ ลู่เทียนหมิงก็ปล้นสมบัติทั้งหมดจากอีกฝ่าย, จากนั้นเดินออกจากคฤหาสน์ถ้ำของเฝิงหยูอย่างภาคภูมิ

โชคดีที่คฤหาสน์ถ้ำของเฝิงหยูมีค่ายกลการ​ปกปิด​ที่แข็งแกร่ง

ไม่เช่นนั้นการเคลื่อนไหวในตอนนี้อาจทำให้ผู้อาวุโสในนิกายรู้สึก​ตัว

จากนั้น​โดยไม่ลังเลเลย ลู่เทียนหมิงเดินออกจากคฤหาสน์ถ้ำของเฝิงหยู และมุ่งหน้าออกนอกนิกายทันที

เขาต้องออกจากนิกายหลางหยาเทียนจงโดยเร็วก่อนที่นิกายจะค้นพบเฝิงหยู และกลับไปที่คฤหาสน์ราชาลู่ เพื่อรายงานข่าวเรื่องที่เขาตรวจสอบพบ

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

ลู่เทียนหมิงก็ได้ออกจากนิกายหลางหยาเทียนจงและกำลังขับเรือเหาะไปยังเขตเหนือด้วยความเร็วเต็มกำลัง

นิกายหลางหยาเทียนจงไม่ได้อยู่ในเขตเหนือ, มันถูกแยกออกจากเขตเหนือโดยเทศมณฑลหยานหยาง

แม้ว่าเขาจะรีบเร่งอย่างสุดกำลัง, แต่มันก็ยังต้องใช้เวลา

ตอนนี้, เขาต้องรีบกลับไปที่คฤหาสน์ราชาลู่ให้เร็วที่สุดและแจ้งให้ตระกูลทราบถึงข้อมูลที่เขาพบ

………

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ลู่เทียนหมิงไม่คาดคิดก็คือภายในเวลาเพียงสองชั่วยาม

มันก็มีคนเข้ามาในคฤหาสน์ถ้ำของผู้อาวุโสเฝิงหยู และพบเฝิงหยูที่เกือบจะเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ

เเละเมื่อผู้นำนิกายซ่งหยานทราบเรื่องนี้, เขาก็โกรธจัดและรีบออกคำสั่งทันที

“ผู้อาวุโสสอง ผู้อาวุโสสี่ ผู้อาวุโสห้า”

“พวกท่านจงออกจากนิกายทันทีเพื่อดูว่าจะสามารถตามจับลู่เทียนหมิงได้ทันหรือไม่”

“ไม่ต้องสนว่าจะจับเป็นหรือจับตาย!”

ซ่งหยานจะไม่เดาได้อย่างไรว่าเฝิงหยูจะถูกทุบตีเช่นนี้ เพราะต้องการให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ เขาจะกล้าประมาทและส่งผู้อาวุโสสามคนออกไปทันที

ไม่นานหลังจากนั้น ผู้อาวุโสทั้งสามก็ปฏิบัติตามคำสั่งของซ่งหยาน

ออกจากนิกาย, เเละมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ราชาลู่

…………………..

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด