บทที่ 230 ภาพสยองของเหล่าศีรษะ
บนฟากฟ้าเพลานี้ ล้วนเต็มไปด้วยหยาดฝนจากโลหิตสีเขียวแลเศษชิ้นเนื้ออันน่าสะอิดสะเอียนโปรยลงสู่พื้นเบื้องล่าง
พร้อมซากชิ้นส่วนยักษาเหินเวหาอย่างนิ้วมือ แขนขากระทั่งปีก ร่วงลงมาเช่นกันในขณะนี้
เดิมนั้น มียักษาเหินเวหาหกสิบหรือเจ็ดสิบตัวปกคลุมท้องฟ้าครึ่งหนึ่งเหนือหุบเขา แต่ตอนนี้ เมื่อพวกมันตายแล้วร่วงลงมา ความดำมืดที่ปกคลุมเหนือหุบเขาก็เบาบางลงมาก
หูซิงและหลี่ฉือต่างยืนแข็งตะลึงงันขณะดวงตาอันสั่นเทา จดจ้องไปยังซากศพยักษาเหินเวหา ที่ร่วงหล่นลงจากฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ศีรษะหนึ่ง ศีรษะสอง สามและสี่...
ร่างไร้วิญญาณ ที่เหลือเพียงเศษชิ้นส่วนบางส่วนของยักษาเหินเวหาขณะนี้ มีมากถึงสามสิบหกศพ!
ซากศพทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพราะเพลงกระบี่เดียว!
เขาสังหารยักษาเหินเวหาทั้งสามสิบหกตน ด้วยเพลงกระบี่เดียวเองงั้นหรือ!
ยิ่งไปกว่านั้น ยักษาเหินเวหาเหล่านี้ พลังของมันแต่ละตน เทียบได้กับวิญญาจารย์ขั้นราชันยุทธ์มิใช่หรือ
ซึ่งบางตน อาจมีระดับพลังทัดเทียมกับขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่หรือห้าด้วยซ้ำ
ทั้งสองมองยังหยางเสี่ยวเทียน ผู้ยืนถือกระบี่ตงเทียนอยู่เบื้องหน้า แววตาพวกเขาเพลานี้ล้วนแสดงออกถึงความประหลาดใจยิ่ง
เมื่อครู่นี้ หยางเสี่ยวเทียนสังหารยักษาเหินเวหาทั้งสามสิบหกตน ด้วยเพลงกระบี่กระบวนท่าเดียวจริงหรือ คำถามนี้ ยังคงโลดแล่นอยู่ในหัวของทั้งสองตลอดเวลาที่ได้ประจักษ์ตั้งแต่ครั้งแรก
ระหว่างทั้งสองยังยืนตะลึงลานกันอยู่นั้น หยางเสี่ยวเทียนก็พลันเหินทะยานขึ้นสูงเหนือฟากฟ้า ไม่ช้า เขาก็ร่ำกระบี่ตงเทียนในมืออีกครั้ง
“กระบี่สังหารรอบทิศ!”
น้ำเสียงเยือกเย็นหยางเสี่ยวเทียน แผดดังกังวาลขึ้นอีกหน
ครั้นหยางเสี่ยวเทียนร่ายรำเพลงกระบี่ตงเทียนกระบวนท่าที่สี่ ทันใดนั้น ปราณกระบี่ก็ถูกแทง พร้อมพุ่งออกไปทั้งหมดสิบหกครั้งยังสิบหกทิศรอบตัว
ด้วยการฝึกฝนจนเเชี่ยวชาญ ปราณกระบี่ทั้งสิบหก ก็ถูกร่ายรำออกมาอย่างสมบูรณ์ในครั้งเดียว
ท่วงท่าในการร่ำนั้น พริ้วไหวและเรียบเนียนจนไร้ที่ติ
ปราณกระบี่ทั้งสิบหก พุ่งแทงทะลุคอยักษาเหินเวหาสิบหกตัวในเวลาเดียวกัน
แม้ยักษาเหินเวหาทั้งสิบหกตนนั้น จะยกปีกขึ้นปกป้องส่วนสำคัญอย่างศีรษะพวกมันแล้ว แต่ด้วยพละกำลังอันแกร่งมหาศาลจากปราณกระบี่โจมเข้าหา การป้องกันของพวกมันก็ไร้ประโยชน์กระทั่งได้รับบาดเจ็บ
ระหว่างพวกมันกำลังตื่นตะลึงหลังได้รับบาดเจ็บจนไม่มีเวลาคิดหลบหนีนั้น ปราณกระบี่ทั้งสิบหกก็พุ่งทะลวงมันอย่างไร้ซึ่งความปรานีทันที
พวกมันทั้งสิบหกตัว ร่วงตกลงมาจากฟากฟ้าอีกครั้ง
กว่าเจ้าโหยวเสวี่ย ผู้นำฝูงยักษามาในครานี้จะทันโต้ตอบ หยางเสี่ยวเทียนก็จู่โจมด้วยเพลงกระบี่กระบวนท่าที่สาม
“เก้ากระบี่ทะลวงสวรรค์”
สูงขึ้นไปบนท้องนภา ทันใดนั้น ปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกกระหน่ำลงมาราวกับห่าฝนอันแหลมคม
โหยวเสวี่ยพร้อมเหล่ายักษาเหินเวหาหรือสมุนที่เหลือของมัน ต่างตะเกียกตะกายบินหนีด้วยความเกรงกลัวอย่างสุดชีวิต
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมียักษาเหินเวหาหลายตัว ถูกปราณกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียนพุ่งทะลวงจนร่วงกระแทกพื้น พวกมันกลายเป็นร่างไร้วิญญาณเพราะทั่วทั้งตัว ล้วนเต็มไปด้วยรูพรุนจากกระบี่
หลังโจมตีด้วยเพลงกระบี่ทั้งสาม จากเดิมยักษาเหินเวหาหกสิบหรือเจ็ดสิบตัว ตอนนี้ จึงเหลือ เพียงเจ็ดตัวเท่านั้น
ครั้นเจ้าโหยวเสวี่ยเหลี่ยวมองเหล่ายักษาเหินเวหาสองสามตัวที่เหลือรอดรอบตัวมัน จากความกลัวที่เกาะกุมจิตใจผันเปลี่ยนเป็นความแค้นพร้อมคำรามด้วยบันดาลโทสะ
“ฆ่ามัน!” สิ้นเสียง มันก็พุ่งเข้าหาหยางเสี่ยวเทียน พร้อมชี้หอกเหล็กสามง่ามในมือมุ่งไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ
แม้โหยวเสวี่ยจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่การเคลื่อนไหวของมันก็ยังเร็วดุจสายฟ้า มันนำโจมหาหยางเสี่ยวเทียนก่อนยักษาเหินเวหาอีกหกตนจะติดตามมันมาด้วยความเจ็บแค้น
นัยน์ตาหยางเสี่ยวเทียนยังเย็นชา คราวนี้เขาไม่ใช้กระบี่ตงเทียนแต่กลับระเบิดปราณ เปล่งประกายปกคลุ่มไปทั่วสารพางค์กาย โคจรมาหลอมรวมยังหมัดพร้อมซัดเข้าใต้คางโหยวเสวี่ยตามแรงที่มันพุ่งเข้ามาทันที
ปัง!
ความหนักหน่วงจากหมัดหยางเสี่ยวเทียน ทำลายเกล็ดใต้คางอันแกร่งกล้าดุจเหล็กของโหยวเสวี่ยจนแตกละเอียด
ด้วยพลังปราณที่อัดแน่นในกำปั้นหยางเสี่ยวเทียน ทำให้ศีรษะโหยวเสวี่ยแตกกระจุยจนเลือดสีเขียวสาดกระเซ็นด้วยแรงระเบิดจากหมัด
ไม่ช้า ศพโหยวเสวี่ยที่ไร้ซึ่งศีรษะก็ตกลงมาต่อหน้าหูซิงและหลี่ฉือ
ตูม!
ทั้งสองตัวแข็งทื่อทันที เมื่อมองดูศพที่มีเพียงร่าง พร้อมกับเลือดอันน่าสะอิดสะเอียนหลั่งไหลจากลำคอมัน พวกเขาพลันจดจำซากศพเหล่ายักษาหลายสิบตนที่ศีรษะล้วนถูกระเบิดครั้นเข้าสู่ดินแดนอสูรครั้งแรก
ซากศพยักษาหลายสิบตนตายในลักษณะเดียวกับโหยวเสวี่ยตรงหน้ามิมีผิด พวกมันล้วนถูกระเบิดศีรษะด้วยหมัดเดียวทั้งสิ้น
ในเวลานี้เอง ร่างยักษาเหินเวหาอีกหนึ่งร่างก็ตกลงมาจากท้องนภา สภาพเช่นเดียวกับโหยวเสวี่ย เพียงศีรษะถูกอัดจนสะบั้นปลิวหายไป
คราใดที่หยางเสี่ยวเทียนชกออกไป ทุกหมัดล้วนสามารถระเบิดศีรษะของยักษาเหินเวหาได้ทั้งสิ้น
เดิมที หยางเสี่ยวเทียนอยู่ในขั้นราชันยุทธ์ระดับสาม ไม่สามารถเหินในอากาศได้นาน แต่เมื่อเขาออกกระบวนท่า เขาจะรวมปราณไปยังขาแล้วกระโดดขึ้นบนนภากาศ ก่อนปล่อยหมัดทุกครั้ง
หลังชัดหมัดออกไปหกครั้ง ท้ายที่สุด ก็เหลือยักษาเหินเวหาตนเดียวเท่านั้น
ครั้นเหลือเพียงมันตนเดียว ความหวาดกลัวจึงเข้าแทรกความแค้น กระทั่งตัดสินใจบินหนีดีกว่าอยู่ แต่ทว่า หลังมันหันเหลียวมองด้วยหวั่นระแวง แสงวาวเย็นจากคมกระบี่ พลันแล่นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เสี้ยวลมหายใจ ปราณกระบี่ก็สะบั้นศีรษะยักษาเหินเวหาตนสุดท้ายขาดกลางอากาศทันที
ไม่นานนัก หยางเสี่ยวเทียนก็ร่อนลงมา คราที่เท้าเขาสัมผัสพื้น พสุธาก็พลันสั่นสะเทือนพร้อมส่งฝุ่นดินฟุ้งกระจายออกไป ปะทะเข้ากับหูซิงและหลี่ฉือจนสำลัก