ตอนที่แล้วบทที่ 228 ช่างบังเอิญกระไรเช่นนี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 230 ภาพสยองของเหล่าศีรษะ

บทที่ 229 เป็นศิษย์สายตรงของตาเฒ่าหลินหยงกระนั้นหรือ


บรรดาศิษย์ของสำนักอื่นหลายสิบคนที่กระโจนเข้าหาพวกมันเมื่อครู่ ถูกฉีกทึ้งร่างออกเป็นชิ้นๆ แล้วกลืนหายไปในปากอันน่าเน่าเหม็นของพวกมันจนหมดสิ้น

จวบกระทั่งบัดนี้ ผู้ที่บุกเข้ามายังถ้ำกลับเหลือเพียงหยางเสี่ยวเทียน หูซิงและหลี่ฉือเท่านั้น

ก่อนหน้านั้น หยางเสี่ยวเทียนพยายามเอ่ยปรามบรรดาศิษย์สำนักอื่นหลายสิบคนมิให้กระทำการบุ่มบ่าม แต่เพลานั้น ไม่มีผู้ใดคงสตินิ่งพอฟังเขาสักคน

ขณะวิ่งตามศิษย์เหล่านี้ลงมาเพื่อเรียกสติ น้ำเสียงยังไม่ทันออกจากปาก พวกเขาเหล่านั้นก็ทะยานเข้าหาพวกมันอย่างกะทันหัน ครั้นจะเอ่ยมันก็สายไปเสียแล้ว

หูซิงและหลี่ฉือมองยังชิ้นส่วนร่างบรรดาศิษย์หลายสิบคนของสำนักอื่นเหล่านั้น ที่กำลังถูกฝูงยักษารุมฉีกทึ้งแล้วกลืนอย่างสำราญ จนพานให้ทั้งสองถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเป็นซีดเซียวดุจเดียวกับกระดาษ

บนท้องฟ้าเหนือขึ้นไปยังปากถ้ำ ยักษาเหินเวหาตนหนึ่งหัวร่อเสียงระคายหู “เจี๊ย เจีย เจีย…”

จากนั้นขยับปากอันน่าเกลียดเอ่ยว่า “โหยวเสวี่ย ดูท่าว่าอุบายของเจ้านั้นยังมิดีพอ มันจึงดึงดูดให้มนุษย์มาได้เพียงเท่านี้”

“มนุษย์ที่เจ้าล่อหลอกมาได้ด้วยอุบาย มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น มันจะเพียงพอให้พวกเราอิ่มหนำสำราญได้อย่างไร”

ยักษาเหินเวหาอีกตนหนึ่งหัวร่อ “นี่เพียงอาหารเรียกน้ำย่อย ข้าไม่เชื่อว่ามนุษย์กลุ่มอื่นจะมิสนใจโสมโลหิตพันปี และสมุนไพรหลอมโอสถอันล้ำค่าในถ้ำ หากพวกมันได้รับรู้ต้องรีบกรูกันมาแน่นอน”

“มิสู้เรารีบกินมนุษย์กลุ่มนี้ให้หมดเสียก่อน ไม่นานเกินรอต้องมีเหล่ามนุษย์ผู้โง่เขลามาเพิ่มอีกหลายกลุ่มเป็นแน่ เจี๋ยเจี๋ย…”

สิ้นสุ้มเสียง มันก็เหลือบเห็นหยางเสี่ยวเทียนเบื้องล่าง “แต่ข้าไม่คิดเลยว่า ครั้งนี้จะมีเด็กมนุษย์กล้าบุกมายังแดนอสูรของเราด้วย”

“เจ้าเด็กนั่น ดูท่าอายุจะยังไม่ถึงสิบขวบ เลือดเนื้อมันคงหอมหวานเป็นที่สุด ช่างเป็นลาบปากของข้ายิ่งนัก เจี๋ยเจี๋ย…” กล่าวจบมันก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น

ทันใดนั้น หูซิงพลันประสานมือกล่าวกับยักษาเหินเวหาที่ลอยอยู่สูงเสียดฟ้า “ท่านอสูรผู้ยิ่งใหญ่ โปรดยั้งมือไว้ชีวิตพวกเราด้วย พวกเรามาจากสำนักเสินเจี้ยน และอาจารย์ของข้าน้อยคือหลินหยง เจ้าสำนักเสินเจี้ยน ท่านอสูรผู้ยิ่งใหญ่โปรดเห็นแก่หน้าข้าน้อยปล่อยพวกเราไปเถิด”

ยักษาเหินเวหานามโหยวเสวี่ย หรี่ตาลงเล็กน้อยเหลือบมองหูซิงแล้วกล่าวว่า “โอ้ นี่เจ้าเป็นศิษย์สายตรงของตาเฒ่าหลินหยงกระนั้นหรือ”

เมื่อได้ยินว่ายักษาตนนั้นรู้จักอาจารย์ตน หูซิงก็รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด รอยยิ้มพลันปรากฏมุมปาก ก่อนยกมือประสานกำหมัดกล่าวว่า “ขอรับ อาจารย์ของข้าคือหลินหยง และข้าเป็นศิษย์สายตรงเพียงคนเดียวของเขา”

หลังได้ยินเช่นนั้น ยักษาเหินเวหาโหยวเสวี่ยก็กล่าวเสียงเยือกเย็น “เป็นเพราะตาเฒ่าหลินหยง พ่อข้าถึงยังสาหัสกระทั่งตอนนี้ ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์สายตรงของมัน ข้าจะปล่อยเจ้าตายง่ายๆ ได้อย่างไร”

จากนั้นมันเหยียดยิ้มอำมหิตกล่าวว่า “ข้าจะฉีกเนื้อของเจ้าออกทีละชิ้นๆ แล้วค่อยๆ ลิ้มลองมันอย่างช้าๆ จนเจ้ารู้สึกว่าอยู่มิสู้ตาย”

สิ้นวาจาของมัน ใบหน้าหูซิงก็ผันเปลี่ยนไปเป็นซีดเผือดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

เดิมทีเขานั้นคิดว่า หากอาศัยนามหลินหยง พวกมันอาจไม่กล้าทำอะไรก็เป็นได้ แต่สิ่งที่เกินความคาดหมายเขานั้น คืออีกฝ่ายดันเป็นบุตรของศัตรูอาจารย์ตนเสียนี่

ท่ามกลางน้ำเสียงของยักษาที่เอ่ยวาจาข่มขู่ ระหว่างนั้นเอง กระบี่ตงเทียนก็ปรากฏขึ้นในมือหยางเสี่ยวเทียนอย่างฉับพลัน

“กระบี่ฟ้าคำราม!” หยางเสี่ยวเทียนเปล่งเสียงคำรามอย่างเย็นชา

ทันใดนั้น ปราณกระบี่นับร้อยเล่มอันน่าอัศจรรย์ ก็ทะยานขึ้นจากพื้นล่างของหุบเขา

ปราณกระบี่เหล่านี้ ก่อตัวกันม้วนหมุนวนดั่งพายุยามมรสุมระเบิดสูงสู่ท้องฟ้า

ด้วยความเร็วและพลังอันมหาศาล พานให้บรรดายักษาที่บินอยู่บนท้องฟ้าทั้งหมด ล้วนตื่นตระหนกในทันที

“รีบหยุดมัน!” โหยวเสวี่ยคำรามด้วยความโกรธ

ในเวลาเดียวกัน มันก็แทงหอกเหล็กสามง่ามสีดำในมือพุ่งเข้าหาปราณกระบี่พายุหมุน พร้อมม้วนปีกทั้งสองข้างป้องกันตัวมันราวเป็นโล่และเกราะ

ยักษาเหินเวหาตนอื่นๆ ก็ไหวตัวตาม พวกมันล้วนแทงหอกสามง่ามเข้าหาปราณกระบี่พายุหมุนกันทีละตน

ซึ่งยักษาเหินเวหาหลายสิบตน พลังแต่ละตนนั้นเทียบได้กับวิญญาจารย์ขั้นราชันยุทธ์ หากพวกมันประสานการโจมตี พลังนั้นย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

ครั้นพวกมันแทงหอกพุ่งเข้าปะทะกับแสงเย็นจากปราณกระบี่ที่กำลังหมุนวนดุจพายุดำทมิฬ ทะยานขึ้นหาพวกมันบนฟากฟ้า

อย่างไรก็ตาม ปราณกระบี่ดั่งมรสุมนั้น มีพลังมากกว่าที่พวกมันคาดคะเนเอาไว้มากทีเดียว

พายุปราณกระบี่หมุนวน พุ่งเข้าถล่มเหล่ายักษาเหินเวหาอย่างต่อเนื่อง ด้วยพลังและความเร็วที่พวกมันนั้นยากจะรับมือได้

เมื่อพายุปราณกระบี่บรรลุถึงหน้าพวกมัน ก็พลันระเบิดแตกกระจายออก ส่งปราณกระบี่หลายร้อยเล่มพุ่งทะลวงเข้าใส่ยักษาเหินเวหาหลายสิบตนในทันที

ด้วยความเร็วและรุนแรงนี้ ทำเอายักษาเหินเวหาหลายสิบตนล้วนมีสีหน้าหวาดกลัว ผิดกับในตอนแรกยิ่งนัก

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ระหว่างนั้น เมื่อปราณกระบี่พุ่งเข้ากระแทกร่างพวกมัน เสียงกระทบที่เหมือนกับเหล็กปะทะกันก็ดังขึ้นหลายครั้ง

ทันทีที่พวกมันเห็นปราณกระบี่ระเบิดพุ่งเข้าใส่ ก็ต่างยกปีกขึ้นมาป้องกันราวเป็นโล่ดังเดิม

โดยทั่วไป ร่างกายยักษาก็ปกคลุมไปด้วยเกล็ดอันแข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้าอยู่แล้ว

ทว่ายักษาเหินเวหานั้นกลับมีการป้องกันที่เหนือชั้นกว่า ซึ่งก็คือปีกอันแข็งดุจเดียวกับเกล็ดบนร่างมัน เพราะสามารถนำมาป้องกันเป็นโล่ได้ เรียกง่ายๆ ว่าการป้องกันสองเท่า

กระนั้นแล้ว ปราณกระบี่นับร้อยก็พุ่งทะลวงเกราะป้องกันสองเท่าของพวกมันได้อย่างง่ายดาย

ต่อหน้าปราณกระบี่นับร้อยเหล่านี้ เกล็ดแกร่งทั่วร่างพวกมันก็มิต่างอันใดจากหนังสัตว์บางๆ เท่านั้นเอง

เมื่อปราณกระบี่จำนวนมากพุ่งเข้าปะทะร่างพวกมัน เหล่ายักษาเหินเวหาก็ราวกับถูกบดเป็นชิ้นๆ จวนแทบไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมให้เห็นเป็นร่างอันน่าพรั่นพรึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด