บทที่ 228 ช่างบังเอิญกระไรเช่นนี้
เหตุการณ์เช่นนี้ ทำหยางเสี่ยวเทียนรู้สึกประหลาดใจแลสงสัยยิ่งนัก เพราะตั้งแต่ครั้งแรกหลังย่างกรายเข้ามาที่นี่จวบใกล้หมดวัน สัตว์อสูรที่เขาพบกลับมีเพียงฝูงยักษา ซึ่งไม่ใช่แค่ยักษาบินได้เท่านั้น
แม้นดินแดนสัตว์อสูรจะมียักษาบินได้อยู่ไม่มากก็จริง แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ เป็นไปได้ยากที่เขาจะพบเจอพวกมันออกมาให้เผชิญในเวลาเพียงวันเดียว
หรือจริงๆ แล้วมียักษาบินได้มากกว่าที่เขาคาด แต่พวกมันอาจกำลังซุ่มซ่อนหมายโจมตีพวกเขาด้วยวิธีใดสักวิธี
ตกกลางคืน
หยางเสี่ยวเทียนนั่งขัดสมาธิบนกิ่งพฤกษาใหญ่ที่มาตรว่ามีอายุเก่าแก่มาตั้งแต่ยุคบรรพกาล ด้วยกิ่งก้านและใบอันหนาทึบจากพวกมัน จึงคอยบดบังภัยระหว่างพักผ่อนได้
กว่าจะสิ้นสุดเวลาของวันนี้ เขาก็ได้สังหารยักษาไปมากถึงเก้าสิบตัวแล้ว
เดิมที ด้วยความเร็วแลแข็งแกร่งของเขา หยางเสี่ยวเทียนสามารถสังหารมันได้มากกว่านี้แน่นอน แต่เพราะเหตุบางอย่าง จำนวนยักษายังหนทางข้างหน้าที่เขามุ่งมา กลับเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ กระทั่งไม่เหลือให้จัดการอีก
ดูเหมือนทั่วทั้งดินแดนปีศาจเพลานี้ จะเกิดความเงียบแปลกๆ ผิดปกติไปจนเห็นได้ชัด
ขณะหยางเสี่ยวเทียนนั่งเข้าฌานบ่มเพาะเงียบๆ เขาก็ได้ยินเสียงของบรรดาศิษย์จากหลายสำนักสนทนากันระหว่างเดินผ่านใต้พฤกษาที่เขาพำนัก
“มีคนเคยพบถ้ำยังหุบเขาเบื้องหน้า ข้าไม่รู้ว่าผู้ใดทิ้งไว้ แต่ในนั้นมีโสมโลหิตอายุหลายพันปี เห็ดหลินจือทองพันปี และสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถขั้นมหาสมบัติอีกมากมาย”
“อะไรนะ มีสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถขั้นมหาสมบัติ คงไม่ใช่อุบายหลอกพวกเราใช่หรือไม่”
“ไม่น่าใช่อุบาย เพราะมีคนเคยเห็นมันเองกับตาจนได้มาครอบครองอยู่มากใช่น้อย”
เมื่อมีผู้ยืนยันเช่นนั้น กลุ่มศิษย์จากสำนักเหล่านี้จึงต่างรีบเร่งไปข้างหน้า หมายเป็นอีกผู้ที่ได้ครอบครองสมบัติล้ำค่า
หยางเสี่ยวเทียนยันตัวลุกมองลงไปยังร่างศิษย์เหล่านั้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด
แม้นถ้ำที่พวกเขากล่าวถึงจะเป็นเรื่องจริง เพราะในอดีต ณ ดินแดนสัตว์อสูรแห่งนี้ มักมีวิญญาจารย์ผู้แข็งแกร่ง เข้ามาฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ รวมถึงบรรดาศิษย์ผู้เข้าร่วมการแข่งขันระดับสำนักเช่นกัน จึงมิแปลกที่จะมีคนบังเอิญพบมันเข้าแล้วนำกลับไปบอกกล่าว
ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นไปได้ที่หุบเขายังทางข้างหน้า จะมีถ้ำซึ่งเกิดจากฝีมือวิญญาจารย์ผู้แข็งแกร่งรุ่นบรรพบุรุษสร้างไว้หลงเหลืออยู่
หลังไตร่ตรองอยู่ครู่ หยางเสี่ยวเทียนจึงตัดสินใจติดตามพวกเขาไป
ถึงเรื่องนี้จะมีข้อมูลบางส่วนบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขา หยางเสี่ยวเทียนสามารถถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยหายห่วง
ข่าวลือนี้ ไม่เพียงหยางเสี่ยวเทียนเท่านั้นที่ทราบ แต่หูซิงและหลี่ฉือก็ได้รับมาจนออกติดตามไปยังถ้ำในหุบเขานั่นเช่นกัน
เวลาเกือบหนึ่งก้านธูป กลุ่มศิษย์จากสำนักเหล่านั้นที่หยางเสี่ยวเทียนลอบติดตามมา ต่างก็หยุดเคลื่อนไหวหลังถึงหุบเขาขนาดใหญ่ลูกหนึ่งเบื้องหน้า
“มันควรอยู่ที่นี่” หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้น
จากนั้น พวกเขาก็มุ่งหน้าขึ้นไปบนหุบเขา หยางเสี่ยวเทียนออกติดตามศิษย์เหล่านี้ กระทั่งได้พบหูซิงและหลี่ฉือโดยบังเอิญ
“หยางเสี่ยวเทียน!” หูซิงกับหลี่ฉือ รู้สึกประหลาดใจที่เห็นหยางเสี่ยวเทียน
หูซิงคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีโอกาสพบเขาเร็วเช่นนี้ แม้นใคร่สงสัยไฉนหยางเสี่ยวเทียนยังรอดกระทั่งตอนนี้ แต่นับว่าประจวบเหมาะ ที่ผู้สนองความตายให้แก่เจ้าตำหนักควรเป็นเขาเอง
เห็นช่องทางอันเหมาะเจาะเช่นนี้ หูซิงระเบิดหัวเราะก่อนเผยยิ้มร่าอย่างสำราญใจ “เป็นเจ้าตำหนักหยางจริงๆ”
“ช่างบังเอิญกระไรเช่นนี้ ข้าไม่คาดมาก่อนเลย ว่าจะมีโอกาสพบเจ้าตำหนักหยางยังถ้ำบนหุบเขา ด้วย”
หูซิงกล่าวน้ำเสียงเนิบนาบ ระหว่างเยื้องกรายเข้าหาหยางเสี่ยวเทียนด้วยรอยยิ้มประหนึ่งเป็นมิตร “วางใจเถิดท่านเจ้าตำหนักหยาง ข้าจะปกป้องท่านเอง”
เขาลอบโคจรปราณแท้ขณะสืบเท้าเข้าใกล้หยางเสี่ยวเทียน หมายใช้จังหวะที่เจ้าตำหนักไม่ทันระวังตัว ลงมือในระยะประชิดด้วยผนึกฝ่ามือ
ขณะหูซิงกำลังเคลื่อนไหวนั้น จู่ๆ เสียงหัวเราะ "เจี๋ย เจี๋ย" ก็ดังขึ้น ครั้นทุกคนเงยหน้าขึ้นมองเหนือท้องนภาอันมืดมิดยามนี้ ถึงปรากฏเห็นยักษาหลายสิบตัวบินมุ่งมายังหุบเขาฝูงใหญ่
ยักษาหลายสิบตัวเหล่านี้ ล้วมมีปีกที่โตเต็มวัย บ่งบอกถึงความแกร่งกล้าอันเหนือกว่าบรรดายักษาบินได้ที่เขาเคยสังหารไปมาก
ซึ่งกลุ่มยักษาจำพวกนี้ เรียกอีกอย่างว่ายักษาเหินเวหา!
และยิ่งกว่านั้น มันยังมามากถึงหกสิบหรือเจ็ดสิบตัว!
เมื่อบรรดาศิษย์ทุกคนในหุบเขา เห็นยักษาเหินเวหาจำนวนมากปรากฏขึ้นบนฟากฟ้าเหนือหุบเขา การแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไปมาก รวมถึงหูซิงและหลี่ฉือเพลานี้เช่นกัน
สีหน้าทุกคนล้วนซีดเผือด บ่งบอกถึงความหวาดกลัวต่อการปรากฏตัวของพวกมัน ซึ่งมากจนผิดปกติ
ครั้นศิษย์บางคนที่ได้สติ พวกเขาก็พร้อมตะเกียกตะกายหลบหนีออกจากหุบเขา แต่เมื่อวิ่งกรูลงจากเขากันอย่างบ้าคลั่งเพื่อเอาชีวิตรอด พวกเขาก็ต้องพบกับความสิ้นหวังอันมืดมน
เพราะนอกจากยักษาเหินเวหาบนหุบเขาแล้ว ยังมียักษาธรรมดาฝูงใหญ่มากถึงสองพันตัว รายล้อมเขาทั้งลูกนี้ ซึ่งนับเป็นการวางกำลังปิดล้อมที่มาตรว่าเหล่ามนุษย์ต้องดับสิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ทุกคนหยุดฝีเท้าชะงักนิ่ง กวาดสายตามองกองกำลังยักษาอันหนาแน่น ทั้งยังหลั่งไหลเข้ามาปิดกั้นทางเข้าหุบเขาจนมิด จากมีความหวังว่าจะหนีรอดในตอนแรก เพลานี้ ทุกคนต่างสิ้นหวังกระทั่งตื่นตระหนกจนบางคนจวนสติหลุด
“ฆ่า!”
“เราต้องสู้ไปด้วยกัน!” ศิษย์หนึ่งในนั้นตะโกน
แต่ทันทีที่ศิษย์หลายสิบคนซึ่งปรี่นำออกไปสู้ก่อน พวกเขาก็ถูกกองกำลังยักษาสองพันตัวพุ่งเข้าหาอย่างท่วมท้นจนกลืนหายไปประหนึ่งจมลงหล่มโคลนดูด
มีเพียงเสียงกรีดร้อง โหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างน่าเวทนาหัวใจ ทำผู้ที่ยังเหลือพานเสียขวัญไปตามๆ กัน
ร่างของศิษย์หลายสิบคนที่บุกเข้าไปเมื่อครู่ ถูกพวกมันแย่งชิงกันฉีก ดึงกระชากออกเป็นชิ้นๆ และกลืนกินกระทั่งไม่เหลือเศษกระดูกจนหายไปอย่างรวดเร็ว