ตอนที่แล้วตอนที่ 44 เป้าหมายคือเซียนกวีแห่งต้าซาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 46 จักรพรรดิผลัดกันเป็น

ตอนที่ 45 งานชุมนุมกวี


ตอนที่ 45 งานชุมนุมกวี

เขาอึดอัดใจมากและดื่มสุราต่อไป เหตุใดเขาไม่สามารถประพันธ์กวีในงานชุมนุมกวีได้ เพราะเหนือสิ่งอื่นใดคือคนเหล่านี้เป็นแค่ปัญญาชนเน่าๆ กลุ่มหนึ่ง

เขาคิดว่าจะกลายเป็นจุดเด่นในงานชุมนุมกวีครั้งนี้และสามารถดึงดูดความสนใจของสตรีน้อยใหญ่ได้นับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายกลับต้องนั่งหงอย

เขามองไปที่ซูอันซึ่งนั่งบนตำแหน่งสูงสุด เห็นได้ชัดว่าบุคคลนี้ไม่ได้ประพันธ์กวีสักบทและไม่ได้แสดงความสามารถใดๆ เลย แต่กลับดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมากได้ เป็นบุคคลที่ผู้ชายชื่นชมและสตรีแอบมองด้วยสายตายั่วยวนซึ่งทำให้เฉินเฟิงรู้สึกอิจฉามาก

หล่อเหลาและมีสถานะสูงส่ง! แต่ก็แค่หล่อกว่าเขานิดหน่อยและมีสถานะสูงกว่าเขาไม่ใช่หรือ?

ผู้หญิงพวกนี้ไม่มีเหตุผลเลย

แสงสปอร์ตไลท์ควรจะเป็นของเขา!

เขาไม่รู้ว่าซูอันคือหนุ่มหน้าอ่อนที่เขาเพิ่งนินทาไปเมื่อไม่นานนี้

“พี่เฉิน ไม่แสดงฝีมือด้านกวีของท่านบ้างล่ะ” ในเวลานี้มีคนสังเกตเห็นว่าเฉินเฟิงกำลังดื่มอยู่ จึงอดพูดไม่ได้ว่า “ข้ายังอยากเห็นพี่เฉินประพันธ์กวีในสี่ก้าวเหมือนกัน”

เฉินเฟิงฝืนยิ้มและปฏิเสธ “ไม่ดีกว่า เพราะการประพันธ์กวีภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวดน่าเบื่อเกินไป”

ชายคนนั้นถูกเฉินเฟิงทำให้สะอึก เขาคิดได้เพียงว่าเฉินเฟิงมีนิสัยหยิ่งผยองและไม่ยอมเล่นกับพวกเขา

จึงทำแค่ไม่สนใจอีก

หลังจากนั้นเฉินเฟิงรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่ตรงมุมห้องเกือบทั้งวัน เขานั่งจนปวดบั้นท้าย

ในที่สุด

“ทุกคน การประชันกวีเช่นนี้น่าเบื่อเกินไป เช่นนั้นข้าจะกำหนดหัวข้อแล้วให้พวกท่านประพันธ์กวีจากหัวข้อดีหรือไม่?” หลี่จื่อซวงกล่าวในฐานะผู้จัดงานชุมนุมกวี

“ดี! ทำตามที่คุณหนูหลี่พูดเลย!” เฉินเฟิงส่งเสียงสนับสนุนทันที ในเวลานี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำและเขาเมาจากการดื่ม

คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้แล้วรู้สึกแปลก เหตุใดเฉินเฟิงถึงมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้

หลี่จื่อซวงยังคงรักษารอยยิ้มอ่อนโยน “ตอนนี้เป็นช่วงที่ดอกเบญจมาศฤดูหนาวบานสะพรั่ง เหตุใดเราไม่ประพันธ์กวีในหัวข้อดอกเบญจมาศล่ะ”

เหล่าปัญญาชนทั้งชายและหญิงเริ่มให้ความสนใจทันที

“ดอกเบญจมาศ หัวข้อนี้ดีมาก”

“ข้าขอเริ่มก่อน!”

“หมู่บุปผาไม่กล้าประชันแข่ง ดอกตูมแย่งส่งกลิ่นหอมยามราตรี...”

“พี่กงหยางยอดเยี่ยมมาก!”

“...”

“กลิ่นหอมลับแอบลอยเข้าห้องหับ สัมผัสลับได้ถึงยามวสันต์ ผลิบานกลางหิมะน้ำค้างใส ไม่ปล่อยให้ร้อยบุปผาได้แย่งชิง...”

“กวีดี กวีเยี่ยม!”

บทกวีที่สื่อถึงความเป็นดอกเบญจมาศปรากฏในงานชุมนุมกวี ทำให้บรรยากาศของงานชุมนุมกวีถึงจุดที่มีสีสันที่สุด

“กวีนี้ไร้สาระ ไม่ต่างจากขยะ!” ในที่สุดเฉินเฟิงก็เรียกความมั่นใจ เขาเหลือบมองพวกปัญญาชนที่กำลังเค้นสมองอย่างหนักด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามและพูดเสียงดังว่า “ข้าเอง!”

“ข้ามีบทกวีชื่อร่ำสุรา โปรดลิ้มรสมันด้วย”

เขายืนขึ้นด้วยความไม่มั่นคงเพราะความเมาและมองไปยังตำแหน่งของหลี่จื่อซวงด้วยแววตาที่ลุกเป็นไฟ

หญิงงามขนาดนี้ สมควรเป็นของพระเอกเช่นเขา

แต่หลี่จื่อซวงไม่ได้มองเขาเลยสักนิด นางกลับมองไปที่ซูอันซึ่งนั่งอยู่บนตำแหน่งหลักด้วยสายตาหลงใหล

“อะแฮ่ม”

ใบหน้าของเฉินเฟิงมืดลงโดยสิ้นเชิง เขาจงใจกระแอมเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน

งานชุมนุมกวีเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะทุกคนกำลังรอคอยผลงานชิ้นเอกของเฉินเฟิงด้วยใจจดจ่อ

เฉินเฟิงสูดหายใจเข้าลึก เขามองซูอันด้วยสายตายั่วยุเพราะสามารถแย่งจุดเด่นมาได้แล้ว

รอก่อนเถอะ รอให้เขาทำผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง คุณหนูหลี่จะต้องประทับใจในตัวเขาแน่นอน!

        จากนั้นเขาหยิบไหสุราบนโต๊ะขึ้นมาและทำตามยอดกวีหลี่ไป๋โดยเทสุราใส่ปากโดยตรง แต่เขากลับสำลักและไอหลายครั้ง

เขาทุบหน้าอกแล้วถอนหายใจ จากนั้นเปิดปากพร้อมใบหน้าสีแดงก่ำ

“สร้างกระท่อมกลางฝูงชนสับสนสิ้น โสตมิยินเสียงล้อรถม้าที่หมุน หยุดถามข้าถึงเหตุผลเป็นไฉน...เด็ดเบญจมาศริมรั้วบูรพา แล้วแหงนหน้าเหม่อมองทักษิณไกล...อยากเอื้อนเอ่ยบอกความนัยให้ใครฟัง กลับลืมสิ้นทุกถ้อยกระทงความ”

สิ้นเสียงนี้ บรรยากาศในงานชุมนุมกวีก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง

“สร้างกระท่อมกลางฝูงชนสับสนสิ้น โสตมิยินเสียงล้อรถม้าที่หมุน นี่คือจินตภาพ”

“บทกวีนี้วิเศษมาก! วิเศษมาก!”

“เด็ดเบญจมาศริมรั้วบูรพา แล้วแหงนหน้าเหม่อมองทักษิณไกล ช่างเป็นฉากที่ผ่อนคลายจริงๆ”

“ข้ารู้สึกว่าน้ำเสียงของคุณชายเฉินเวลาท่องบทกวีนี้แปลกไปด้วยล่ะ”

“ความรู้สึกหลุดพ้นจากโลกในบทกวีนี้ราวกับผู้เร้นกาย แค่ฟังกวีก็รู้สึกเหมือนเป็นผู้เร้นกายจริงๆ ข้าคิดว่าเป็นเสียงของชายชราด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเฉินเฟิงที่อายุเท่านี้ทำได้อย่างไร”

“แต่ ‘ร่ำสุรา’ นี้ สมควรจะมีอีกสี่บทข้างหน้าไม่ใช่หรือ?” มีบางคนตระหนักถึงปัญหา

“สงสัยว่าพี่เฉินจะท่องบทกวีสี่บทแรกให้ฟังได้หรือไม่ มันต้องเป็นผลงานที่น่าทึ่งเช่นกัน เหตุใดไม่สร้างความสนุกให้เต็มที่ล่ะ!”

นอกจากคำชมแล้ว หลายคนยังอยากรู้อยากเห็นอีกด้วย

ทันใดนั้นเหงื่อเย็นไหลอาบหน้าผากของเฉินเฟิง เขาแค่ท่องจำมันได้ แต่ไม่ได้คิดว่ามันมีมากกว่านี้

จะถามเพื่อ!

ในใจของเขานึกดุด่าผู้ที่ตั้งคำถามไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสี่บทแรกของ ‘ร่ำสุรา’ คืออะไร

ในหนังสือเรียนไม่ได้สอน!

เขาใช้มือยันโต๊ะไว้และบังคับตัวเองให้อธิบายว่า “บทกวีนี้เป็นภาพสะท้อนของข้าในเวลาว่าง ส่วนสี่บทแรกนั้นทำได้ไม่ดีพอ ข้าจึงไม่พูดถึงที่นี่”

หลายคนไม่เต็มใจที่จะเชื่อคำอธิบายนี้

“ใครจะรู้ว่าเจ้าลอกมาหรือเปล่า!” ในขณะนี้มีเสียงที่ไม่ลงรอยกันเสียงหนึ่งดังขึ้น

ทุกคนหันมองไปรอบๆ และเห็นว่าเป็นตู้เปิ่นตู้ที่ถูกเฉินเฟิงหักหน้าเมื่อไม่นานมานี้ เขามาร่วมงานชุมนุมกวีด้วยเช่นกัน

หัวใจของเฉินเฟิงเต้นรัว เพราะผู้ชายคนนี้พูดถูก

“ก็มีเหตุผลนะ!”

“ใช่แล้ว เพราะเห็นได้ชัดว่าเฉินเฟิงเป็นคนโง่มาโดยตลอด อยู่ๆ เขาจะกลายเป็นอัจฉริยะด้านกวีได้อย่างไร”

มีอีกหลายเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ราวกับว่าถูกตั้งเวลาไว้แล้ว

เสียงแห่งความสงสัยเหล่านี้ทำให้เฉินเฟิงวิตกกังวลและอับอาย

“นี่คืองานประพันธ์ของข้าเอง ข้าไม่ได้ลอกใครมา!”

นักปราชญ์จะทำสิ่งที่เรียกว่าการลอกเลียนผลงานได้อย่างไร เขาแค่อยากจะสืบทอดวัฒนธรรมห้าพันปีในโลกอื่นเท่านั้น

“เฮอะ เฮอะ ถ้าเจ้าไม่ได้ลอกมา เช่นนั้นก็ประพันธ์บทกวีเกี่ยวกับดอกเบญจมาศอีกสองสามบทสิ” ตู้เปิ่นตู้หัวเราะเยาะ

คำพูดเช่นนี้มีอิทธิพลมาก ทันทีที่เขากล่าวถึงการลอกเลียนผลงาน เฉินเฟิงก็เริ่มวิตกกังวล

ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะกัดเขาไม่ปล่อย เพราะครั้งนั้นเขาทำกับไอ้เด็กนี่ไว้แรงมากเช่นกัน

เขาบังคับให้ตู้เปิ่นตู้คุกเข่าและเลียนแบบเสียงเห่าของสุนัข เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความปรารถนาของตู้เปิ่นตู้ที่จะฆ่าเฉินเฟิงยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

“มันยากขนาดนั้นหรือ” เฉินเฟิงซึ่งเมามายยกมือลูบคอและโอ้อวด “อย่าพูดถึงกวีสองสามบท ข้าทำได้เป็นสิบหรือหลายร้อยบทด้วยซ้ำ!”

“ดี เช่นนั้นก็ร้อยบท!” เมื่อตู้เปิ่นตู้ได้ยินดังนั้น เขาได้กำหนดทันที!

วันนี้เขาจะเปิดโปงคนลอกผลงานที่ไร้ยางอายคนนี้ และกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองคืนมา!

เฉินเฟิงตกตะลึง

ไอ้บ้านี่ เขาแค่พูดไปด้วยโทสะ ต้องจริงจังเพื่ออะไร

“เจ้าไม่กล้าหรือ? ถ้าไม่กล้าก็แค่คุกเข่าลงและเห่าสามครั้ง” ตู้เปิ่นตู้กล่าวด้วยความเหยียดหยาม

“ใคร...ใครไม่กล้า!”

เฉินเฟิงผู้เมามายไปโดยสมบูรณ์ไม่มีพื้นที่ให้คิดมากนัก และแอลกอฮอล์กัดกร่อนสติส่วนใหญ่ของเขา ทำให้เขาไม่สามารถตระหนักได้อีกต่อไปว่านี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมเลย

***

ท่านใดชอบอ่านนิยายแนวฟีลกู๊ด Esport สร้างแรงบันดาลใจ อ่านง่ายย่อยง่ายเชิญที่

ลิขิตฟ้าท้าตี HON

https://shorturl.asia/ziCv8