ความจริงผมเป็นเจ้าของชุมชนคนใหม่เองครับ... (อ่านฟรี 29/08/2567)
“ชุมชนแห่งนี้เป็นยังไงบ้างครับ ? มีปัญหาหรือสิ่งใดที่ไม่ชอบหรืออยากแก้ไขบ้างไหม ?” เย่เซวียนกล่าวถามออกมาทันที เขาคิดว่าหลังจากคุยกับชายกลางคนตรงหน้าเสร็จก็จะไปสำรวจโดยรอบอีกที อย่างน้อยก็จะได้เก็บความคิดเห็นของผู้คนในพื้นที่ไปปรับใช้ได้
“อา.. เรื่องนั้นมันก็บอกยากอยู่เหมือนกันนะ...” เจ้าของร้านวัสดุ-อุปกรณ์ก่อสร้างกล่าวออกมาด้วยท่าทางไม่ค่อยจะอยากพูดถึงนัก เขากลัวว่าถ้าเขาพูดไปแล้วคนนอกได้ยินอาจมีปัญหาได้
“ผมขอร้องบอกผมหน่อยเถอะครับ พอดีว่าอีกประมาณสองถึงสามวันผมก็จะกลายเป็นเจ้าของชุมชนแห่งนี้แล้ว เลยอยากได้ความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัยน่ะครับ” เย่เซวียนบอกเหตุผลของตนเองออกมาให้อีกฝ่ายฟัง
แน่นอนว่าพอชายกลางคนได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าวออกมา เขาก็หัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขัน ก็ลองนึกดูสิ! มีพนักงานส่งของคนหนึ่งเดินมาบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของชุมชนขนาดกลางที่มีมูลค่าหลายล้านหยวน เป็นใครก็คงไม่อยากจะเชื่อทั้งนั้นแหละ
แต่ชายกลางคนที่ได้ยินเรื่องนี้ก็หัวเราะเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงแค่อยากหาเรื่องพูดคุยก็เท่านั้น ทำให้เขาคลายความกังวลกับคำถามที่อีกฝ่ายตั้งใจจะถามไปจนหมด ก่อนจะตัดสินใจเล่าให้ฟัง
“ถ้าให้เล่ามันก็มีเรื่อง......”
ชายกลางคนตัดสินใจเล่าถึงปัญหาต่าง ๆ ให้กับชายหนุ่มฟัง เรื่องหลัก ๆ เลยก็คือเจ้าของชุมชนเก็บค่าที่แพงมาก พื้นที่ทั้งหมดคือพื้นที่ซึ่งปล่อยเช่าเท่านั้น ไม่มีใครได้ซื้อขาดเลยสักคน นอกจากนี้ยังมีการเก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ที่เกินจากอัตราจ่ายตามจริงอีกด้วย รวมไปถึงค่าส่วนกลาง ค่ารักษาความสะอาด ค่าบำรุงทิวทัศน์ทั้ง ๆ ที่โดยรอบชุมชนก็ไม่ได้มีแหล่งท่องเที่ยวอะไร
นอกจากนี้ก็ยังมีค่าที่จอดรถซึ่งเป็นลานกว้างที่ทำไว้ให้ผู้คนในชุมชนนำรถยนต์มาจอดได้ ซึ่งเก็บค่าเช่าเป็นรายวันอีกด้วย ถ้าเกิดเวลาที่กำหนดแม้แต่นาทีเดียวก็ต้องจ่ายในราคาเต็มวันเพิ่มเติมอีกต่างหาก
“โคตรใจดำจริง ๆ นะครับ แบบนี้ยังทนอยู่กันต่อได้เหรอครับ ?” เย่เซวียนกล่าวถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ถ้ามันไม่เป็นธรรมขนาดนี้ทำไมถึงไม่ไปอยู่ที่อื่นกัน ?
“ที่หลายคนยังทนอยู่ก็เพราะทำเลมันดีมากยังไงล่ะ อยู่ติดถนนเส้นหลัก ห่างจากมหาลัยไม่เกินห้ากิโลเมตร โรงพยาบาลสิบกิโลเมตร ห้างสรรพสินค้าสองกิโลเมตร ทำให้ขายอะไรก็ขายดีทุกวันนั่นแหละ คนเลยยังทนอยู่กัน” ชายกลางคนตอบข้อสงสัยของชายหนุ่มกลับไป แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงตึงเครียดอยู่เช่นเดิม
“ถึงค่าที่ ค่านั้นนี่จะเยอะ แต่เพราะขายดีทุกวันก็เลยยังอยู่ได้ใช่ไหมครับ ?” เย่เซวียนลองถามออกมาตามความเข้าใจของตัวเอง
“นั่นก็เป็นเหตุผลหลักที่ยังทนอยู่นั่นแหละ แต่เดี๋ยวอีกไม่นานก็คงทนอยู่กันไม่ไหวแล้ว” ชายกลางคนตอบพลางเหม่อมองไปนอกร้านที่มีสิ่งของวางอยู่เต็มไปหมด พนักงานร้านก็กำลังขายสินค้าให้ลูกค้าจำนวนมากอย่างเต็มที่
“ทำไมล่ะครับ ? หรือยังมีเรื่องอื่นอีก ?” ชายหนุ่มถามต่อด้วยความสงสัย
“ก็เพราะเจ้าขายที่มันไม่รู้จักพอยังไงล่ะ! เดือนหน้ามันจะขึ้นค่าเช่า ค่าทุกอย่างเกือบเท่าตัว! มันให้เหตุผลว่าที่ดินในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้น มีผู้ต้องการเช่าให้ราคามากกว่าเดิมเลยต้องขึ้นราคา ใครทนไม่ได้ก็ให้ย้ายออกไปได้เลย!”
“ทั้ง ๆ ที่พวกเราเหล่าร้านค้าและผู้เช่าเป็นคนทำให้สถานที่นี้เป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ต้นแท้ ๆ ! มันกลับไม่เห็นหัวพวกเราเลยสักนิด!” ชายกลางคนยิ่งเล่าก็ยิ่งเดือดดาล เขาเผลอขึ้นเสียงดังโดยไม่รู้ตัว
“มันสารเลวจริง ๆ นะครับ ไม่เห็นใจผู้เช่าที่เช่ามาตั้งแต่ต้นเลย” เย่เซวียนก็ถูกเรื่องเล่าของอีกฝ่ายดึงให้มีอารมณ์ร่วมเหมือนกัน ถ้าเป็นเขาก็คงไม่ทนเช่ามันต่อหรอก
แต่วันนี้เขานี่แหละคือเจ้าของชุมชนแห่งนี้แล้ว! ถ้าผู้เช่าหน้าเก่าย้ายออกไปกันหมดมีหวังกลายเป็นชุมชนที่เงียบเหงาแน่ ๆ ! แม้เขาจะยังไม่ได้ไปสำรวจชุมชนแห่งนี้อย่างละเอียดแต่ฟังจากสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาก็ไม่น่าจะโกหก ดังนั้นเขาจะต้องดึงอีกฝ่ายไว้ให้ได้!
“ฉันก็ว่าจะย้ายไปตั้งร้านที่ชุมชนอื่นแล้วล่ะ แม้จะไม่ได้มีทำเลดีเท่าที่นี่แต่ก็ยังประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ” ชายกลางคนกล่าวพลางถอนหายใจออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยทำให้เย่เซวียนตกใจไม่น้อย
ครึ่งหลัง
“อย่าเลยครับคุณลุง! อยู่ที่นี่ต่อเถอะ เดี๋ยวผมจะปรับแก้ให้ทุกอย่างดีขึ้นแน่นอนผมสัญญา!” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะกล่าวออกมา ชายกลางคนก็ยิ้มตอบแต่ในใจเขาไม่ได้เชื่อสิ่งที่ชายหนุ่มบอกสักนิด
“เอาเถอะ ๆ กว่าจะตัดสินใจย้ายที่ก็คงอีกสองสามเดือนนั่นแหละ ถ้าที่เธอพูดมาเป็นความจริงยังไงผู้คนในชุมชนเขาก็ไม่ไปไหนหรอก” ชายกลางคนตอบกลับมา
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็พูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนที่ชายกลางคนจะขอตัวไปทำงานต่อ ซึ่งเย่เซวียนก็มองว่าได้เวลาต้องไปแล้วเช่นกัน ชายหนุ่มจึงขี่มอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าของตัวเองสำรวจรอบชุมชนแห่งนี้อย่างคร่าว ๆ
ชายหนุ่มพบว่าร้านค้าแต่ละแห่งล้วนขายดีเป็นอย่างมาก ชุมชนแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าเกือบทั้งหมด มีบ้านคนหรือคอนโดประมาณ 30% เท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังมีโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม รวมถึงคลินิกและร้านขายยาอีกด้วย ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่เพียงแต่เป็นผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเท่านั้น ยังรวมไปถึงผู้คนจากภายนอกก็มีให้เห็นไม่ขาดสาย
“นี่เงินครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ” เย่เซวียนยื่นเงินให้เจ้าของร้านสำหรับข้าวผัดที่เขาเพิ่งกินไปก่อนจะกล่าวออกมา
“ได้สิเจ้าหนู เอ็งสงสัยอะไรล่ะ ?” หญิงชราที่เป็นเจ้าของร้านอาหารตามสั่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร เธอหยิบเงินทอนออกมาให้แต่ชายหนุ่มไม่รับมา เขาบอกว่าให้เป็นทิปพิเศษ
“พื้นที่ว่างข้าง ๆ นี่เป็นที่ของใครเหรอครับ ผมเห็นในชุมชนนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นที่อยู่อาศัยหรือร้านค้ากันหมด มีที่ว่างแค่ไม่กี่ที่เอง” เย่เซวียนถามสิ่งที่สงสัยออกมา
“อ๋อ ที่ดินข้าง ๆ น่ะเหรอ เอ..ก็เป็นของเจ้าของชุมชนนั่นแหละ เพียงแต่เนื่องจากมันมีขนาดค่อนข้างกว้างเลยมีค่าเช่าที่แพง เลยยังไม่มีใครเช่าน่ะ ส่วนที่อื่น ๆ ก็มีสาเหตุเดียวกันนั่นแหละ” หญิงชราตอบกลับมาหลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักนึง
“ยายเองก็ไม่รู้ว่าจะถูกไล่ที่เมื่อไร เห็นเขาว่าเดือนหน้าจะขึ้นค่าเช่าอีกแล้ว ร้านยายก็ขายข้าวราคาไม่ได้แพงอะไร กำไรก็น้อยนิด” หญิงชรากล่าวต่อด้วยความเศร้าสร้อย
เธออาศัยอยู่ในชุมชนนี้มาเกือบยี่สิบปีแล้ว ย่อมมีความผูกพันเป็นธรรมดากับร้านของเธอและชุมชนแห่งนี้
“คุณยายไม่ต้องกังวลนะครับเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง เพราะผมคือเจ้าของชุมชนคนใหม่” ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้หญิงชราอึ้งไปเล็กน้อย
“เอ็งพูดจริงเรอะ ? หลอกยายเล่นรึเปล่า ?” หญิงชรากล่าวถามออกมาด้วยความไม่มั่นใจ
ถ้ามีชายใส่ชุดพนักงานส่งของมาบอกอะไรแบบนี้เป็นใครก็คงไม่เชื่อเป็นธรรมดา แต่ถ้าดูจากหน้าตาอีกฝ่ายถ้าบอกว่าเป็นดาราปลอมตัวมาถ่ายรายการยังน่าเชื่อถือกว่าอีก
“จริงครับ อีกไม่กี่วันคุณยายก็จะรู้เอง แต่ผมรับรองเลยว่าจะไม่มีการขึ้นค่าที่ แล้วก็จะปรับปรุงหลาย ๆ อย่างให้ดีขึ้นด้วยครับ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเดิม
หญิงชราที่ได้ยินก็เริ่มคล้อยตามชายตรงหน้านิดหน่อย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเธอก็จะได้ไม่ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น รวมถึงบรรดาเพื่อนบ้านและคนในชุมชนด้วย
“ถ้างั้นยายขอบคุณเอ็งเอาไว้ล่วงหน้าเลยก็แล้วกัน” หญิงชราตอบกลับพร้อมยิ้มออกมา เธอก็ยังไม่ค่อยจะเชื่ออีกฝ่ายเท่าไรอยู่ดี แต่การเป็นมิตรไว้ก็ไม่เสียหาย
“ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับคุณยาย” เย่เซวียนกล่าวลาก่อนจะขี่มอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าออกจากชุมชนแห่งนี้ไปยังสถานที่ส่งของถัดไป
‘เท่าที่สำรวจดูไม่มีร้านขายข้าวมันไก่และร้านอัญมณี ถ้าเราเอาที่ว่างมาเปิดก็ไม่น่าจะมีปัญหา’ เย่เซวียนทบทวนอยู่ในใจ เขามองว่าทำเลดีแถมมีคนไหลเวียนไปมาเยอะน่าจะเหมาะแก่การเปิดร้าน
ชายหนุ่มตั้งใจที่จะเปิดร้านข้าวมันไก่ หมูกรอบ หมูแดงโดยจะไปคุยกับเถ้าแก่ร้านข้าวมันไก่ก่อนว่าสนใจไหม ถ้าไม่สนใจเขาก็จะไปหาสูตรเอาเอง รวมถึงการเปิดร้านอัญมณีขึ้นมาก็เช่นกัน
ถึงแม้จะไม่ได้มีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่เขาก็สามารถศึกษาได้ รวมถึงสอบถามจากตระกูลฮวาก็น่าจะได้คำปรึกษาที่ดีเช่นกัน เขาไม่กลัวการทำแล้วล้มเหลว เขากลัวแค่จะไม่ได้ลองทำเมื่อมีโอกาสเสียมากกว่า
ต่อให้มันจะล้มเหลวสักกี่ครั้ง เขาก็จะทำมันจนกว่าจะสำเร็จนั่นแหละ!