ตอนที่แล้วเจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่  18
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่  20

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่  19


เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่  19

พวกเขาตัดสินใจแล้วถึงแผนการที่จะส่งผมเข้าไปที่วิหาร

และก็เห็นกันอยู่ว่าผมไม่มีทางที่จะโดนจับได้ตราบใดที่สวมแหวนอยู่

มันไม่ใช่เวทย์ระดับภาพหลอนลวงตา แต่เป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายของผมไปเลย

ผมเองก็เลยสงสัยเหมือนกันว่า การปรับโครงสร้างด้วยโพลี่มอฟเนี่ยจะส่งผลกับร่างกายทางกายภาพด้วยไหม

มีความเป็นไปได้ไหมที่จะทำให้ประสิทธิภาพทางร่างกายเพิ่มสูงขึ้นด้วยน่ะ?

แบบว่า ถ้าหากผมเปลี่ยนร่างกายของผมให้กลายเป็นคนที่มีค่าสเตตัส ค่าสเตร้จ์ 99 พ้อยท์แล้วเนี่ย ผมจะแข็งแรงเท่ากับเขาไหม ?

ผมถามเรื่องนั้นกับโลย่าแล้วก็ได้คำตอบจริงจังกลับมาว่า :

“….…โพลีมอฟระดับนั้น มีได้เฉพาะคนที่มีมานาระดับเดียวกันกับมังกรเท่านั้น”

“ไม่ใช่ว่า เผ่าอาร์คเดม่อนนี่ก็เหมือนมังกรอะไรอย่างนั้นเหรอ ?”

“มังกรน่ะเป็นสัตว์มายา

จะมีใครในโลกนี้บ้างล่ะที่จะสามารถใช้เวทย์โดยไม่ต้องร่ายบ้าง ?”

ฟังแล้วก็เป็นตำนานที่น่าเศร้า

อันที่จริงผมก็ไม่เชื่อพวกตำนานนักหรอก มันก็ไม่ต่างกับเรื่องโกหกเลย

“สิ่งที่ท่านใช้น่ะไม่ใช่โพลีมอฟของจริง

เป็นแค่เวอชั่นที่เผ่าของกระผมสร้างขึ้น ท่านจะต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยตัวของท่านเอง ความแข็งแกร่งที่ได้มาจากการแปลงกายนั้นมิใช่ความแข็งแกร่งของท่าน

ท่านไม่สามารถพึ่งพากลโกงเช่นนั้นได้ ”

โอ้ ผมก็ดีใจนะที่นายน่ะยืนยันว่า ผมไม่สามารถใช้สูตรโกงแบบนั้นได้ถึงอย่างนั้นก็เถอะการที่ผมได้รับความสามารถของเผ่าเดร็ดเฟียนมา ผมก็เลยสามารถเปลี่ยนร่างกายตัวเองได้ ไม่แค่เพียงปลอมตัว

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ยังมีคำถาม”

ผมรู้แล้วว่าการที่ผมทำให้ตัวเองมีกล้ามโตด้วยโพลีมอฟน่ะไม่ได้ทำให้ผมมีกล้ามขึ้นมาจริงๆ

“ตัวอย่างก็เช่น มีข้อจำกัดไหมว่า ผมจะทำให้เส้นผมของผมเนี่ยแน่นแค่ไหน?”

“ขอรับ ? ท่านหมายความว่าอย่างไร ?”

ซาร์เคการ์ดูเหมือนจะไม่เข้าใจเรื่องที่ผมกำลังพูดถึงอยู่

เรื่องนี้ผมจริงจังนะ

“ก็หมายความว่า เกิดผมหัวล้านขึ้นมา ผมจะสามารถแปลงกายให้มีเส้นผมอยู่เต็มหัวได้ไหม ?

นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังพูดถึงอยู่ ”

“ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ครับ? ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย”

อ๊า

“ซาร์เคการ์! นายนี่ช่างเป็นผู้ภักดีที่ยอดเยี่ยมที่สุดไปเลย สุดยอด! สุดยอดไปเลย !”

นายนี่มันคนดีจริงๆ

ผมสงวนท่าทีไม่ไหว แล้วกระโดดกอดเขา

ผมสามารถแก้ปัญหาผมร่วงเป็นวงๆดวงๆบนหัวได้แล้ว !

“หากท่านปรารถนา กระผมก็ยินดีถวายชีวิตให้ท่านนนน !”

เอเลริสกับโลย่านั้นมอง ผมกอดกับซาร์เคการ์แน่นชิด ด้วยแววตากลวงเปล่า

วิหารการ์เดียส(Gardias Temple)

สถานที่ที่ดำเนินเรื่องหลัก

ว่ากันตามตรงนะ ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปที่นั่นด้วยซ้ำ

หากจะให้ซาร์เคการ์ช่วยปิดบังตัวตนของผมก็ไม่เป็นอะไรหรอก

แต่ผมน่ะไม่อยากที่จะไปแทรกแซงเนื้อเรื่องที่มันดำเนินไป ปล่อยให้มันไหลไปถึงตอนจบด้วยตัวเองเถอะ

หรือพูดอีกนัยก็คือ ยิ่งผมยุ่งเกี่ยวกับมันน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

การที่เข้าไปแทรกแซงเพียงเล็กน้อยก็ตาม ก็จะเกิดความผันแปร ความเปลี่ยนแปลงตามมา

เอาแค่เนื้อเรื่องตอนนี้ก็เปลี่ยนไปมากเพราะการที่ ชาร์ล็อต เดอ การ์เดียสมีชีวิตรอด  ผมเลยไม่อยากที่จะไปวุ่นวายอะไรกับเนื้อเรื่องหลักที่มีจุดจบแน่ชัดอยู่แล้ว

ก็เลยไม่มีเหตุจำเป็นใดที่ผมต้องไปโรงเรียนพร้อมเจ้าเด็กพวกนั้นนี่นา ผมจะทำแบบนั้นไปทำไมฟะ ?

แต่ถึงอย่างนั้นหากซาร์เคการ์รู้ว่า ผมไม่ได้มีความตั้งใจจะรื้อฟื้นดินแดนปีศาจขึ้นมาใหม่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาจะทำอะไรลงไปบ้าง

ส่วนโลย่าเองผมก็ไม่แน่ใจว่าเธอคิดยังไง

หากบอกว่าซาร์เคการ์ผู้จงรักภักดีของแท้แน่นอนแต่ในที่สุดแล้วเขาอาจเป็นตัวตนที่อันตรายที่สุดสำหรับผมก็ได้

ไม่ว่าจะยังไงซาร์เคการ์ดูเหมือนอยากให้ผมแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ว่ากันตรงๆนะผมไม่ได้คลั่งไคล้การต่อสู้และก็ไม่ได้มีมันเป็นงานอดิเรกด้วย

ก็เหมือนคนอื่นๆที่ไม่อยากเจ็บปวดนั่นแหละ ,ผมก็อยากจะหนีไปที่ไกลๆ เอาชีวิตรอดมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย

แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าผมจะอยากไปวิหารหรือไม่ ผมก็ต้องหาวิธีทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นอยู่ดี

นั่นก็เพื่อจะหลบหนีให้พ้นจากเงื้อมือของ ซาร์เคการ, ผมเองก็ต้องแข็งแกร่งระดับหนึ่งเลยล่ะ ไม่สำคัญว่าผมจะอยู่ฝั่งเอเลริสหรือฝั่งซาร์เคการ์

ผมเลยต้องไปที่วิหารการ์เดียส

“ว่าแต่ด้วยวิธีไหนกันล่ะ ?”

“หากกระผมรับท่านเป็นบุตรบุญธรรม ท่านจะสามารถเข้าวิหารได้”

ด้วยการใช้ฐานะและตำแหน่งของเค้าท์พอนธีอุส เขาสามารถรับผมเป็นบุตรบุญธรรมได้ส่งตัวให้ผมเข้าวิหารได้เลย

นี่ผมกำลังจะกลายเป็นลูกชายของชนชั้นสูงสินะ  แปลว่า ผมจะใช้ชีวิตสุขสบายกว่าที่เคยเป็นมากสินะ ?

“แบบนั้นอันตรายเกินไปค่ะ”

ถึงอย่างไรก็ดี เอเลริสกลับส่ายหน้า  ซาร์เคการ์ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

“เธอพูดอะไรของเธอน่ะ ,เอเลริส ?”

“ซาร์เคการ์, นายน่ะเป็นคนที่ลักพาตัวเจ้าหญิง

แล้วตอนนี้เธอกลับมาแล้ว  , พวกนั้นจะดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้ลักพาตัวเจ้าหญิงไป

แถมพวกนั้นยังมีเจ้าหญิงเป็นพยานอีกด้วย

มันมีโอกาสที่พวกนั้นจะเจอเบาะแสของนาย ”

“ข้าไม่เคยทิ้งร่องรอย”

“ก็แค่เผื่อไว้ก่อน”

“……เข้าใจแล้ว”

เมื่อมีการสืบสวนครั้งอีกครั้งเรื่องการลักพาตัวของเจ้าหญิงย่อมมีโอกาสที่จะมุ่งความสงสัยมาที่ซาร์เคการ์

ถึงจะเป็นการระวังตัวไว้ก่อน แต่ดูเหมือนเอเลริสคิดว่า ไม่สมควรจะเสี่ยงโดยไม่จำเป็นแบบนั้น

สิ่งที่ผมคิดไว้ก็คือ

“ถ้าอย่างนั้นก็คิดไว้แล้วเชียว เอเลริสสมควรเป็นผู้ปกครองของผม ……?”

“ไม่ใช่ค่ะ , ฝ่าบาท”

“……เอ้ะ ?”

ผมคิดว่า เธอรับหน้าที่นั้นไปเสียอีก แต่เอเลริสนั้นกลับส่ายหัว

“ฉันเป็นแวมไพร์ค่ะ หากความแตกเรื่องที่ฉันเป็นแวมไพร์ ฉันแน่ใจเลยว่าฝ่าบาทที่ฉันดูแลอยู่นั้นจะถูกสงสัยไปด้วย

ถึงปกติฉันจะระวังตัวอยู่เสมอแต่เราไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง ”

ถึงเอเลริสจะเป็นหนึ่งเดียวไปกับสังคมมนุษย์แล้ว แต่เธอก็ยังทดความเป็นไปได้ที่ตัวเองจะโดนล่วงรู้ว่าเป็นแวมไพร์ไว้เสมอ

“อะไรเนี่ย ? แล้วผมจะไปวิหารโดยที่ไม่มีซาร์เคการ์กับเอเลริสเป็นผู้ปกครองได้ยังไงกัน ?”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ ?”

เอเลริสชี้ไปยังบุคคลสุดท้าย เหมือนกับว่า ก็เห็นๆกันอยู่

“…อะไร? ข้าเรอะ ?”

“อะไรนะ ?”

นี่เธออยากให้ราชาขอทานเป็นผู้ปกครองผมเหรอ ?

นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ?

ทั้งผมทั้งโลย่าถึงกับอึ้งทึ่งงง แต่เอเลริสส่ายหัว

“การที่ท่านเป็นเด็กกำพร้าถือว่าเป็นประโยชน์กับท่านที่สุดค่ะ”

ผมเข้าใจดีว่าเธอหมายความว่าอย่างไร

“เธอท่านถูก ซาร์เคการ์รับเลี้ยง เมื่อเขาถูกจับได้ ท่านจะตกอยู่ในอันตราย หากท่านเลือกฉันเป็นผู้ปกครอง เมื่อฉันถูกเปิดเผยตัวจริง ท่านก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน”

“…ข้าเข้าใจว่าเธอหมายความว่ายังไง ต่อให้ข้าโดนจับได้

พวกสมาชิกแก๊งข้าก็ไม่รู้ว่า ข้าเป็นไลแคนโทรป แล้วก็บอกได้แต่ว่า ไม่รู้ ไม่รู้สินะ ?”

“ถูกต้องแล้วค่ะ”

พวกลูกน้องของโลย่านั้นไม่มีใครสักคนเลยที่รู้ว่าเธอเป็นไลแคนโทรป ต่อให้เรื่องนั้นโดนรู้เข้า แล้วโดนสอบสวนพวกนั้นก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอยู่ดี

แถมยังมีสมาชิกเยอะแยะด้วย

แถมเป็นไปได้ต่ำมากที่ผมจะโดนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากผมเข้าไปในวิหารในฐานะลูกกำพร้าที่ไม่ได้มีสายสัมพันธ์กับใคร

ใช่แล้วล่ะ ,เอเลริสพูดถูกเลย

“……แล้ว ต่อจากนี้ก็อยากให้ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สินะ?”

“กระนผมไม่อยากเชื่อเลยว่าฝ่าบาทจะต้องอยู่ในที่โสมมเช่นนี้ ! มันไม่สมเหตุสมผลเลยยยยยย !”

“เมื่อกี้แกเรียกที่อยู่ข้าว่าที่โสมมสินะ ? หาเรื่องกันเรอะ ?”

ดวงตาของโลย่าลุกโขนขึ้นมา

“แสดงว่า อยากให้ข้าแสดงให้เห็นสินะว่า การที่ต้องจ่ายเงินตัวเองซื้อขนมปังเองเนี่ยมันเป็นยังไง? หา?”

“มะ,ไม่ๆ. กระ ,กระผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ……มันก็แค่แบบเอ่อ … คุณก็ทราบดีใช่ไหม? ว่ากระผมน่ะ ……”

“มันไม่มากเกินไปรึไงห้ะ ? ตอนนี้น่ะข้าเป็นผู้สนับสนุนหลักเป็นสุดยอด VIPเลยไม่ใช่เรอะ, แล้วรู้ไหมว่า เด็กๆของข้าต้องทำอะไรบ้างน่ะ หา?”

โลย่าน่ะเป็นผู้คุมการเงินคนสำคัญดังนั้นเธอมีสิทธิ์ที่จะพูดได้

โลย่าเลยข่มขู่ ซาร์เคการ์ด้วยอำนาจที่เหนือกว่า , ทำให้ ซาร์เคการ์ต้องหน้าซีดตอนที่ได้ยินว่า เธอจะหยุดการส่งเงินให้เขา

เอเลริสถอนใจขณะที่เห็นทั้งสองทะเลาะกัน

“ท่านไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่นค่ะ หลังจากท่านเข้าวิหารได้แล้ว ท่านก็สามารถไปพักอยู่ในหอพักได้ แค่ท่านอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่วัน”

เธอมองมาที่ผมเหมือนจะบอกประมาณว่า : “คิดว่า ฉันจะยอมให้ท่านอยู่ที่สกปรกแบบนี้ได้ยังไงกันคะ ?”

เอาล่ะ จริงๆผมเองก็ไม่ได้หลงผิดคิดว่าตัวเองเป็นลูกชายชนชั้นสูงหรอกนะแต่ว่า ….หากผมไปโรงเรียนแล้วเนี่ย เด็กคนอื่นมันไม่ล้อว่าผมเป็นพวกขอทานรึไง ?

แถมรวมๆแล้วผมก็อายุเกิน 30 แล้วด้วย แต่ไม่รู้ว่า จิตใจผมจะอายุเท่าไหร่ก็เถอะนะ….

ไม่สิๆ ผมแค่อยากจะบอกว่า ถ้าไอ้เด็กเวรนั่นมันรู้ว่า ผมเป็นขอทานจนถึงอายุเท่านี้ มันจะไม่รุมซัดผมหรือทำอะไรสักอย่างหรอกเรอะ ?

ถึงอย่างนั้นผมก็หาความคิดที่ดีไปกว่าสิ่งที่เอเลริสแนะนำได้

แค่เพียงไม่กี่วัน แค่เพียงไม่กี่วัน ….ผมแค่อยู่ในที่แบบนี้แค่เพียงไม่กี่วัน ….ตอนที่ผมถามเอเลริสว่า ผมจำเป็นที่ต้องอยู่ที่นี่จริงๆหรือ เธอก็ตอบว่า ผมจำเป็นต้องอยู่ที่นี่

ผมที่เป็นเด็กกำพร้าไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันตัวตน และเพื่อที่จะได้รับการยืนยันตัวตนใหม่ ผมต้องหาทางพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นเด็กกำพร้า แล้ววิธีการก็คือ ให้คนใน กลุ่มของโลย่าเป็นคนยืนยัน ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ตัวเองจะได้รับตัวตนใหม่ด้วยการรับรองของขอแทน นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ?

“มีน้องชายข้ามากมายที่ไม่มีบันทึกไว้น่ะข้ารู้ดีว่าต้องทำยังไง,เพราะบางคนที่อยู่ที่นี่บางคงก็ต้องมีบัตรประชาชน”

มันก็ปรกติแหละที่เธอจะเรียก พวกเขาว่าเป็นน้องชายก็ในเมื่อเธอเป็นหัวหน้าองค์กรแต่พูดก็พูดเถอะ พอได้ยินจากปากเธอแล้วมันแปลกๆ

ไม่อยากเชื่อเลยว่า ไลแคนโทรปจะมีน้องชายเป็นมนุษย์

นี่มันนิทานเรื่อง พี่ชายหมาป่าฉบับคนแสดงรึไง ?

(TTL : นิทานเกาหลี เรื่องพี่ชายเป็นเสือ (Tiger Brother) (호랑이 형님)  เรื่องย่อคือ ชายตัดไม้คนหนึ่งไปเจอเสือตัวใหญ่มาก กลัวเสือทำร้ายเลยหลอกว่า ตัวเองเคยมีพี่ชายแล้วพี่ชายตายไปแม่เสียใจมากและเสือน่าจะเป็นพี่ชายกลับชาติมาเกิด เสือเชื่อเรื่องนั้น ไม่อยากกลับไปพบแม่ในสภาพที่เป็นเสือเลยล่าวัวมาทิ้งไว้หน้าบ้านให้ ตอนหลังแม่ของชายตัดไม้ เสือก็เลยเฝ้าสุสานด้วยความเศร้าตรอมใจตาย ชายตัดไม้เลยสร้างหลุมศพให้เสือข้างๆแม่และหวังว่าชาติหน้าจะได้เกิดเป็นลูกแม่จริงๆ  )

แล้วหมาจรจัดตัวนั้นก็จะกลายเป็นพี่ชายของผม ? ไม่สิ  พี่สาวมากกว่า

คำพูดของซาร์เคการ์ทำให้โลย่าโมโห แต่เธอก็คิดว่า การอยู่ที่นี่นานเกินไปมันก็ไม่ดีต่อผมด้วยเช่นกัน

“เอเลริสพูดถูกแล้วล่ะ ดังนั้นพวกเราควรจะทำแบบนั้นแหละ”

โลย่าเองก็ไม่ซีเรียสอะไร ส่วนเอเลริสเองก็ครุ่นคิดหาวิธีที่จะพาผมออกไปจากที่นี่ โดยให้เข้ากับวิหารให้เร็วที่สุด

ซาร์เคการ์และเอเลริสนั้นกลับไป เหลือไว้แต่ผมกับโลย่า

พวกเขาบอกไว้แล้วว่า ผมควรทำอะไรบ้าง

โลย่าเองก็บอกผมว่า อย่าห่วงไปเลยไม่มีใครกล้าทำอะไรผม แต่ปัญหามันไม่ใช่เรื่องนั้น ….

มันไม่มีอะไรง่ายเลย

อันที่จริงผมไม่อยากไปวิหาร แต่ผมต้องไปด้วยการสวมฐานะเป็นสมาชิกในกลุ่มขอทาน

มันยิ่งทำให้ผมอยากไปน้อยลงไปอีก แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะ ? ในเมื่อทางนี้ปลอดภัยที่สุด

โลย่าพาผมลงไปใต้ทางระบายน้ำแล้วพาผมไปย่านสลัม

-วี๊ดวี๊ด(เสียงผิวปาก)!

พอโลย่าผิวปาก พวกขอทานที่กระจัดกระจายตัวกันอยู่ก็ค่อยๆมารวมอยู่ในที่เดียวกัน

ทุกคนต่างพิการแขนขาขาด แต่ก็ยังได้ยินเสียงอยู่

นี่คงเป็นด้านมืดของการ์เดียม

“พี่สาว , เจ้าเด็กนี่ใคร ?”

หากเอเลริสหรือซาร์เคการ์มาได้ยินเข้าคงโมโหกับคำพูดนี้แน่ แต่โลย่าไม่ได้แสดงอาการอะไร

เธอไม่ใช่คนภักดีอะไรแต่เธอแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเสมอ เป็นคนประหลาดแบบนั้นแหละ

“เขาเป็นสมาชิกใหม่ เขาชื่อไรฮาร์ด(Reinhardt)”

มันเป็นชื่อใหม่ของผม ไม่ใช่ชื่อจริงอย่าง วาเลียร์(Valier)

ไรฮาร์ด

ไม่สิ , ผมหมายถึง วาเลียร์เองก็ไม่ใช่ชื่อจริงของผมเหมือนกันถูกมะ ?

ยังไงก็เถอะ มันก็คือนามแฝง นามแฝงก็คือ นามแฝง ไม่มีอะไรมากเกินกว่านั้น

ซาร์เคการ์ แนะนว่า ให้ผมเลือกชื่ออื่นที่ไม่ใช่วาเลียร์เป็นนามแฝงของผมแล้วก็ถามถึงชื่ออื่น

ผมมีไว้ในใจอยู่แล้ว

'กรอม เฮล สครีม (Gromm Hellscream)'

'……เฮล สตรีม ? ชื่อนั่นไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอคะ?'

ความเห็นของผมโดนเอเลริสตีตกทั้งคู่

‘แล้วลิชคิงล่ะ ?'

'ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ! เป็นนามที่เหมาะสมกับจอมมารเหลือเกิน!

หากเป็นฝ่าบาทแล้วย่อมมีพลังเวทย์สูงส่งเหนือยิ่งกว่าพวกลิชไปได้แน่นอน!'

'ฝ่าบาท , ชื่อจริงของท่านไม่ควรจะโดดเด่นขนาดนั้น '

ซาร์เคการ์เห็นด้วยแต่ โลย่าไม่เห็นด้วย

เธอพูดประมาณว่า : “หากท่านเลือกชื่อน่าเกลียดแบบนั้น สู้ใช้ชื่อจริงไปเลยดีกว่า”

อันที่จริงมันก็เหมือนกับชื่อ คิม ฮุน ดูม ภาษาเกาหลี

'ถ้าอย่างนั้นก็ทร่อล(Thrall)'

'……ฝ่าบาทคะ , เราไม่ควรล้อเล่นกับเรื่องนี้ค่ะ '

เอเลริสคิดจริงคิดจังว่า ชื่อ ทร่อลนั้นเป็น คำพ้องเสียงใกล้เคียงกับคำว่า   'ให้ตายเถอะ '.

(T/N: ภาษาเกาหลีจะเขียนคำว่า ทร่อล(Thrall) = ssral, ให้ตายเถอะ= แจ-กิ-ร่อล หรือเขียนอีกแบบได้ว่า   X-ral (เอ้กร่อล ) )

นี่เธอไม่รู้จักซีรี่ย์วอร์คราฟรึไง?!

หลังจากถกเถียงกันมาสักพักก็ตัดสินใจได้

'แล้ว ชื่อ ไรฮาร์ดว่าไง ?'

'……ก็แปลกๆดี มันออกจะเป็นชื่อเหมือนตัวละครหลักมากไปแต่ …..'

'ฉันว่ามันก็เป็นชื่อที่ดีกว่า เฮล สครีม '

'ควรที่จะมีเสียงสะกดมากกว่านี้สักหน่อย ชื่อของราชาไม่สมควรจะเรียบง่ายเกินไป ….'

'ก็ถ้าชื่อมันยาวกว่านี้ก็เรียกลำบาก ผมเองก็ไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชนชั้นสูงหรืออะไรแบบนั้น '

สุดท้ายก็ตกลงกันแบบนั้นได้แหละ ถึงจะไม่ได้ชื่อโดดเด่นเป็นพิเศษหรือมีอะไรแปลกๆมันก็แค่ชื่อนั่นแหละ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด