บทที่ 659 กลุ่มมหาคุรุว่านเต้ามาเยือน!
บทที่ 659 กลุ่มมหาคุรุว่านเต้ามาเยือน!
ทิศสิบนาฬิกาเป็นแท่นกลางของห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นที่ที่ราชันย์วายุถูกผนึกไว้
หลี่จื่อฉีเข้าใจว่าซุนม่อหมายถึงอะไร หากนางเปลี่ยนราชันย์วายุให้กลายเป็นสัตว์อสูรวิญญาณและบังคับมันได้สำเร็จ มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้เท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้
แต่เป็นไปได้อย่างไร?
บุคคลที่แข็งแกร่งจะไม่เพียงแค่มีความแข็งแกร่งเท่านั้น พวกเขายังมีเจตจำนงและความภาคภูมิใจที่แข็งแกร่ง และพวกเขายอมตายดีกว่ายอมจำนน เพื่อให้ตัวเองกลายเป็นสัตว์อสูรวิญญาณ?
หลี่จื่อฉีเคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่ไม่สามารถหาวิธีที่จะทำเช่นนั้นได้
“ข้ารู้สึกว่ามันง่ายกว่าสำหรับข้าที่จะขึ้นครองบัลลังก์และกลายเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าถังมากกว่าที่จะสามารถทำให้ราชันย์วายุยอมจำนนต่อข้า”
หลี่จื่อฉียิ้มอย่างขมขื่น
“จื่อฉี มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ป่า ประโยชน์สูงสุดของเราคือเราคิดได้และมีสติปัญญา!”
ซุนม่อสั่นสอน
“และปัญญาคือพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้!”
ในสมัยโบราณ ใครก็ตามที่สามารถต่อสู้กับคน 10,000 คนได้จะเป็นบุคคลที่มีอำนาจเหนือกว่าในสนามรบ หลู่ปู้คนเดียวอยู่ยงคงกระพัน หลังจากนั้นธนูก็ปรากฏขึ้นและผู้อ่อนแอจะสามารถฆ่านายพลที่ดุร้ายได้ด้วยตัวเอง
เมื่ออาวุธเพลิงปรากฏขึ้น อาวุธเย็นก็ถอยห่างไปจากประวัติศาสตร์ เมื่อเครื่องบินและรถถังปรากฏขึ้น ทหารราบไม่ใช่กองกำลังหลักในสนามรบอีกต่อไป
ตอนนี้การป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์เป็นรากฐานสำหรับจุดยืนของประเทศ
หากไม่มีขีปนาวุธนิวเคลียร์ ประเทศนี้คงไม่มีใครพูดอะไรได้
และทั้งหมดนี้เป็นภาพสะท้อนของภูมิปัญญาในฐานะพลังชนิดหนึ่ง
หลี่จื่อฉีส่ายหัว นั่นคือราชันย์วายุที่พวกเขาพูดถึง หนึ่งในราชาที่ยืนอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร แม้แต่ยอดฝีมือในขอบเขตแห่งตำนานก็อาจไม่สามารถเอาชนะได้
“จื่อฉี เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมมีกษัตริย์น้อย”
ซุนม่อถามอีกครั้ง
“เป็นเพราะหนทางสู่การเป็นราชานั้นยากเกินไป”
หลี่จื่อฉีรู้เกี่ยวกับประเด็นนี้ ตั้งแต่สมัยโบราณมีวีรบุรุษเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อ ต่อสู้เพื่อครองโลก และผู้ที่สามารถเดินไปสู่จุดหมายได้ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก
“ใช่ นี่คือสิ่งที่ผู้คนควรเป็น ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเป็นคนธรรมดา เป็นเพราะความยากลำบากที่พวกเขาแก้ไขได้นั้นน้อยเกินไปและธรรมดาเกินไป”
ยกตัวอย่างงาน หากท่านสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้มากกว่าคนอื่นๆ ท่านก็จะได้รับการยกย่องจากเจ้านายของท่านและได้รับเงินเดือนที่สูงขึ้น ท่านอาจจะได้เป็นนายตัวเองก็ได้
หลี่จื่อฉีเข้าสู่ความคิดอย่างลึกซึ้ง
“แม้ว่าใครจะออกไปเล่น ก็จำเป็นต้องแก้ปัญหา”
ซุนม่อมีเพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่มีแผน แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับวีซ่า ภาษา ที่พัก และปัญหาอื่นๆ
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
หลังจากค้นคว้าอย่างถี่ถ้วนและตระหนักถึงปัญหาของอุปสรรคด้านภาษาเมื่อเขาจองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม รวมถึงเวลาที่เขาไปเที่ยวรอบๆ เขาก็รู้สึกตัว
มันไม่มีอะไรช่วยได้ มันลำบากเกินไป เขาไม่สามารถอ่านเมนูที่ร้านอาหารได้ด้วยซ้ำ
“เป็นไปไม่ได้ที่ทุกสิ่งในชีวิตจะราบรื่น มันเป็นเพียงกระบวนการแก้ปัญหาทีละเปลาะ”
ซุนม่อมีประสบการณ์ในด้านเหล่านี้เป็นอย่างดี
“และปัญญาคือกุญแจสำคัญ”
“จำได้ไหมคำกล่าวที่ว่า 'ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครไร้ที่ติ' ในโลกนี้ไม่มีกษัตริย์ที่สมบูรณ์แบบ นับประสาอะไรกับกษัตริย์ที่ถูกผนึก!”
ซุนม่อหัวเราะเบาๆ
“ท่านกำลังจะบอกว่า…”
หลี่จื่อฉีเริ่มเข้าใจเล็กน้อย
“ท่านต้องการให้ข้าจัดการกับจุดอ่อนของมัน?”
“เด็กก็สอนได้!”
ซุนม่อลูบหัวไข่ดาวน้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“จื่อฉี ข้าจะมอบหมายงานแรกให้เจ้า กำจัดราชันย์วายุและทำให้มันกลายเป็นสัตว์อสูรวิญญาณของเจ้า”
“อาจารย์ ท่านคิดหวังข้าสูงเกินไป”
หลี่จื่อฉีฝืนยิ้ม
“ข้าคิดว่าข้าควรจะช่วยท่านปูผ้าปูที่นอนและพับผ้าห่มให้ดีกว่า!”
“จื่อฉี หากเจ้าต้องการก้าวขึ้นเป็นมหาคุรุระดับ 4 ดาว เจ้าจะต้องเข้าใจรัศมีมหาคุรุอย่างน้อย 12 รัศมี และอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญในสี่อาชีพรอง เจ้าต้องมีลูกศิษย์ส่วนตัวในการจัดอันดับนักเรียนวีรบุรุษด้วย!”
ซุนม่อมองดูเด็กสาววัย 14 ปีคนนี้ด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“ตอนนี้ข้าได้รับรัศมี 11อย่างแล้ว และอย่างน้อยข้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหนึ่งในการศึกษาอักขรยันต์วิญญาณ วิชาควบคุมอสูรวิญญาณ ศึกษาการเพาะปลูก และสมุนไพรศาสตร์ เจ้าเข้าใจที่ข้าหมายถึงไหม?”
สีหน้าของหลี่จื่อฉี เคร่งขรึม และทันใดนั้นนางก็รู้สึกกดดันอย่างท่วมท้น
“มันไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับข้าที่จะเข้าใจรัศมีมหาคุรุอีกหนึ่งปีนี้ ถ้าอย่างนั้นอุปสรรคเดียวของข้าที่จะเข้าร่วมการสอบมหาคุรุระดับ 4 ดาวก็คือลูกศิษย์ส่วนตัวของข้า”
ซุนม่อไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วมการทดสอบระดับ 4 ดาว เหตุผลที่เขาพูดเช่นนี้ก็เพื่อสร้างแรงกดดันให้กับหลี่จื่อฉี
“เป็นไปไม่ได้ที่แม้แต่ซวนหยวนพ่อที่พัฒนาเร็วที่สุดจะก้าวขึ้นสู่ขอบเขตจุดอัคคีผลาญโลหิตภายในหนึ่งปี งั้นความหวังเดียวของข้าอยู่ที่เจ้า”
ศึกส่วนตัวของลูกศิษย์ในการสอบคัดเลือกมหาคุรุระดับ 4 ดาวจะไม่แยกตามกลุ่มอายุอีกต่อไป มันจะเป็นการเปิดโอกาสสำหรับทุกคน ผู้ที่จะเข้าสู่การจัดอันดับวีรบุรุษ(สตรี)ได้ต้องเป็นอัจฉริยะทุกคน
ทำไมอันซินฮุ่ยและจินมู่เจี๋ยถึงติดอยู่ที่ 3 ดาว?
พวกนางเองก็แข็งแกร่งพอ แต่ศิษย์ของพวกนางยังด้อยเกินไป
“อาจารย์ ข้าจะปราบราชันย์วายุ!”
หลี่จื่อฉีเม้มริมฝีปากของนาง
การขึ้นระดับสี่ดาวติดต่อกันเป็นความรุ่งโรจน์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประตูเซียน ในฐานะศิษย์คนแรกนางต้องนำเกียรตินี้มาให้อาจารย์ของนาง
การขึ้นสี่ดาวติดต่อกันหมายความว่าต้องเข้าร่วมและประสบความสำเร็จในการสอบอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยโบราณ มีเพียงไม่กี่คนที่ขึ้นไปถึงระดับสามดาวติดต่อกัน แต่ไม่มีพวกเขาคนใดที่สามารถดำเนินการต่อไปได้
ถ้าซุนม่อทำได้ เขาจะเป็นมหาคุรุคนแรกในประวัติศาสตร์
.….
“ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้!”
ซุนม่อตบไหล่ของหลี่จื่อฉี
“ใช่แล้ว ข้ามีวิชาฝึกปรือพลังที่จะมอบให้เจ้า”
ซุนม่อไม่ต้องอธิบายให้ไข่ดาวน้อยอีกต่อไป ประทับวิญญาณเป็นวิธีการสอนที่รวดเร็วที่สุด
ซุนม่อเติมเต็มสมองของเขาด้วยทุกสิ่งเกี่ยวกับวิชาคลื่นวิญญาณนับไม่ถ้วน จากนั้นแสงสีขาวก็สว่างขึ้นที่มือขวาของเขา
หลี่จื่อฉีตั้งสมาธิ
"เจ้าพร้อมหรือยัง?"
หลังจากที่เห็นไข่ดาวน้อยพยักหน้า ซุนม่อก็ปล่อยหมัดออกไป
บูม!
แสงสีขาวพุ่งเข้ามาในจิตของหลี่จื่อฉีพร้อมกับข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับวิชาคลื่นวิญญาณนับไม่ถ้วน
“นี่… นี่…”
หลี่จื่อฉีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก นางเคยเห็นไป๋ส่วงใช้วิทยายุทธ์นี้มาก่อน ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความหมายเบื้องหลัง
สำหรับไข่ดาวน้อยที่มีทักษะการเคลื่อนไหวที่อ่อนแอมาก วิทยายุทธ์นี้เหมาะสมที่สุดสำหรับนาง วิธีการฝึกปรือวิชาคลื่นวิญญาณนับไม่ถ้วนนั้นทำได้ผ่านการทำสมาธิเป็นหลัก
“ใช้มันให้เป็นประโยชน์ ด้วยวิธีนี้เจ้ายังสามารถก้าวขึ้นสู่ขอบเขตอายุวัฒนะได้!”
ซุนม่อให้กำลังใจนาง
"อาจารย์!"
หลี่จื่อฉีอยากจะคุกเข่าลงทันที แต่ซุนม่อก็รั้งนางไว้
“เจ้ายืนพอเป็นพิธีไม่ได้หรือไง?”
ซุนม่อทำอะไรไม่ถูก
"อาจารย์!"
หลี่จื่อฉีกอดซุนม่อ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยน้ำตา ซุนม่อดีกับนางมาก
การเรียนรู้วิทยายุทธ์นี้ได้ก็หมายความว่านางมีโอกาสไปถึงระดับอายุวัฒนะ นี่หมายความว่านางจะมีอายุยืนยาวขึ้นอีกสองสามศตวรรษ
การให้สิทธิ์นี้ทำให้หลี่จื่อฉีไม่สามารถตอบแทนความเมตตาของเขาได้
ติง!
คะแนนประทับใจจากหลี่จื่อฉี +10,000 ความเทิดทูน (53,250/100,000)
“เอาล่ะ ดูสิ ตอนนี้เจ้าดูไม่ได้เลย”
ซุนม่อใช้นิ้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของไข่ดาวน้อย
“ข้าจะไปหาราชันย์วายุ!”
หลี่จื่อฉีหันหลังและเดินไปที่แท่นบูชา ในขณะเดียวกันหัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความกตัญญูและชื่นชมอาจารย์ของนาง
อาจารย์ของนางต้องสังเกตเห็นว่านางไม่มีความสุข ดังนั้นเขาจึงพูดสิ่งเหล่านี้และสอนวิทยายุทธ์ระดับสูงสุดให้กับนาง
นางเป็นหนี้เขามากเกินไป ดังนั้นนางจึงต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยให้เขากลายเป็นมหาคุรุระดับ 4 ดาว
ในเงามืดหยิงไป่อู่ยืนพิงกำแพงรู้สึกไม่พอใจ
(อาจารย์ ข้าก็ทำได้เช่นกันนะ)
.….
ในสำนักงานเกาเฉิงเดินเข้าไปใกล้ตู้เสี่ยว
“อาจารย์ตู้ เจ้าเตรียมของขวัญอะไรให้พี่เซี่ยบ้าง”
“ชุดแป้งเครื่องสำอางและชาดทาปาก!”
ตู้เสี่ยวยิ้ม ในอดีตเกาเฉิงเรียกเซี่ยหยวนว่าอาจารย์เซี่ย แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นพี่เซี่ยแล้ว นี่คือประโยชน์ที่ได้รับจากตำแหน่งมหาคุรุระดับ 2 ดาว
"โอ้? พี่เซี่ยชอบยี่ห้ออะไร”
เกาเฉิงยังคงสอบถามต่อไป เขาสามารถใช้ข้อมูลนี้สำหรับซื้อของขวัญในอนาคต
พานอี้ฟังการสนทนาของพวกเขาด้วยสายตาอิจฉา การสอบในปีนี้ยากมาก แต่เซี่ย หยวนทำสำเร็จ นางโชคดีจริงๆ
เมื่อถึงเวลาแปดโมงเซี่ยหยวนก็มาถึง นางเพิ่งเข้ามาและนั่งลงเมื่อเห็นว่าโต๊ะทำงานของนางสะอาดมากก็รู้ได้ว่าได้รับการทำความสะอาดแล้ว
แม้แต่กระถางต้นไม้บนโต๊ะทำงานของนางก็ยังถูกรดน้ำ
“พี่เซี่ย ข้าวางสื่อการสอนของท่านไว้ตรงนั้นแล้ว ข้าไม่ได้ยุ่งเรื่องของท่านใช่ไหม?”
เกาเฉิงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
มันไม่ได้ถูกทำให้ยุ่งเหยิงจริงๆ เหตุผลที่เขาพูดเช่นนี้ก็เพียงเพื่อใช้โอกาสนี้บอกเซี่ยหยวนว่าเขาคือคนที่จัดโต๊ะทำงานของนาง มิฉะนั้น เขาจะไม่เสียความพยายามไปเปล่าๆ?
“ขอบคุณ อาจารย์เกา”
เซี่ยหยวนกล่าวขอบคุณเขา
“พี่เซี่ย! ขอแสดงความยินดีกับการก้าวขึ้นเป็นมหาคุรุระดับ 2 ดาว”
เกาเฉิงเสนอกล่องของขวัญที่เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการเตรียม
“ข้าจะรับไว้ได้ยังไง?”
เซี่ยหยวนปฏิเสธ
“มันเป็นเพียงของขวัญชิ้นเล็กๆ พี่เซี่ยได้โปรดอย่าเกรงใจ”
เกาเฉิงยิ้ม
“ประจบกันเข้าไป!”
เซียวหงแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา เมื่อคิดว่าตอนนี้เซี่ยหยวนอยู่ในระดับเดียวกับนาง นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“พี่เซี่ย ท่านช่วยแบ่งปันประสบการณ์ของท่านกับเราได้ไหม?”
ตู้เสี่ยววางของขวัญของนางลง ทั้งเซี่ยหยวนและนางต่างก็มาจากฝ่ายของอันซินฮุ่ยและสนิทสนมกันมาก
“เอาใจซุนม่อ!”
เซี่ยหยวนไม่ได้ปิดบังอะไร
"อะไรนะ?"
ตู้เสี่ยวตกตะลึง เกาเฉิงก็แสดงท่าทีตกตะลึงเช่นกัน
“สวะอะไรขนาดนั้น”
เซียวหงขมวดคิ้ว
“เหตุผลที่ข้าผ่านรอบนี้ได้ก็เพราะอาจารย์ซุน”
ขณะที่เซี่ยหยวนพูดสิ่งนี้ เจียงหย่งเหนียนก็ผลักประตูเปิดและเข้ามา เมื่อเขาเห็นว่า เกาเฉิงและตู้เสี่ยวกำลังเบียดเสียดกันรอบๆ เซี่ยหยวนสีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมยิ่งขึ้น
เป็นเพราะสอบแต่สอบไม่ผ่าน
ในแง่ของมาตรฐาน เขาดีกว่าเซี่ยหยวนเล็กน้อย
“อาจารย์ซุนช่วยข้าและเจิ้งฮ่าวมาก ถ้าไม่ใช่เพราะการนวดหัตถ์เทวะของอาจารย์ซุน เขาไม่มีทางที่จะเข้าไปอยู่ใน 100 อันดับแรกในการต่อสู้ของลูกศิษย์ส่วนตัวได้!”
เซี่ยหยวนไม่รู้สึกอาย เป็นเพราะทุกคนรู้ว่าซุนม่อน่าทึ่งเพียงใด
เจียงหย่งเหนียนนั่งลง สีหน้าของเขาอาจจะดูสงบ แต่จริงๆ แล้วเขารู้สึกเสียใจอย่างมาก
(ถ้าข้าลดทิฐิลงและอ้อนวอนซุนม่อ ข้าก็จะได้เป็น 2 ดาวเช่นกัน สายเกินไปที่จะไปตอนนี้หรือไม่)
เฮ้อ!
เมื่อมองไปที่ดาวสองดวงที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายของเครื่องแต่งกายของเซี่ยหยวน เจียงหย่งเหนียนรู้สึกอิจฉาอย่างมาก
“พวกเจ้าจะไม่รับสมัครนักเรียนเหรอ?”
หลังจากจัดโต๊ะเรียบร้อย เซี่ยหยวนก็ลุกขึ้น รู้สึกมีความหวังกับชีวิต มหาคุรุระดับ 2 ดาวจะมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อรับสมัครนักเรียน
เจียงหย่งเหนียนรู้สึกหดหู่ใจมากยิ่งขึ้น เขาอยากไป แต่ระดับดาวของเขาต่ำเกินไป และเขามักจะถูกปฏิเสธ
"เร็วเข้า! ไปที่ประตูโรงเรียน! อาจารย์ใหญ่เฉาของสถาบันว่านเต้าได้นำกลุ่มมหาคุรุของเขามาสร้างปัญหา”
โจวซานอี้รีบเข้าไปในสำนักงาน ตะโกนออกมาในขณะที่มีสีหน้ากระวนกระวาย
ทุกคนลุกขึ้นพร้อมกันและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว อาจารย์ใหญ่ของคู่แข่งได้นำกลุ่มของเขาไปท้าทายพวกเขา เขาเลือกที่จะมาระหว่างการประชุมรับสมัครนักเรียนด้วยซ้ำ นี่เป็นความขัดแย้งที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
โรงเรียนที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งในจินหลิงจะถูกตัดสินในวันนี้!