บทที่ 43: 4 คนสุดท้าย
บทที่ 43: 4 คนสุดท้าย
“พิธีเปิดได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนอื่นมาแนะนําประวัติของมหาวิทยาลัยหยานจิ่งกันก่อน มหาวิทยาลัยของพวกเราเป็นมหาวิทยาลัยแรกที่เปิดขึ้นหลังสงคราม มหาวิทยาลัยของเรานั้น...”
โม่ซิ่วคิดว่าพิธีเปิดจะพูดถึงเรื่องที่สําคัญ แต่จริงๆแล้วเป็นเพียงการแนะนําประวัติของมหาวิทยาลัยและกฎเกณฑ์บางอย่างของมหาวิทยาลัยเท่านั้น
หลังจากนั้น พิธีเปิดได้สิ้นสุดลงในเวลาเพียงไม่ถึงสองชั่วโมง หลังจากนั้นนักศึกษาทุกคนก็มารวมตัวกัน
โม่ซิ่วและตงฟางได้ตารางเรียนรูปแบบที่ 6 ดังนั้นทั้งสองคนจึงไปที่สนามในสนามฝึกซ้อมหมายเลข 3
ตรงนั้นมีชายที่ดูขี้เกียจนั่งอยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นว่าเกือบทุกคนมาถึงแล้ว เขาจึงตะโกนว่า “คนที่ได้ตารางเรียนรูปแบบที่ 6 มารวมตัวกันที่นี่!”
โม่ซิ่วมองไปคร่าวๆและเห็นว่ามีทั้งหมด 50 คนในตารางเรียนรูปแบบที่ 6 ซึ่งอันที่จริงมีผู้หญิงมากถึงสามในสี่จากทั้งหมด
“ฉันชื่อเฉาเฟิงหลิน ฉันเป็นอาจารย์ประจําชั้นของพวกเธอ พวกเธอคงได้ยินสิ่งที่ฉันพูดในพิธีเปิดไปแล้วว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยหยานจิ่งนั้นก็เหมือนกับการต่อสู้”
“อะแฮ่ม! ประเภทของการต่อสู้นั้นจะถูกแบ่งออกเป็นการต่อสู้เดี่ยวและการต่อสู้แบบทีม ซึ่งจะมีบางครั้งที่เป็นการต่อสู้แบบคู่ด้วย”
“ซึ่งการต่อสู้จะมีสอบรอบ อย่างแรกคือการต่อสู้อย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยซึ่งจะจัดขึ้นปีละครั้งและแบ่งออกเป็นการต่อสู้เพื่อหาตัวแทนของชั้นเรียน การต่อสู้เพื่อหาตัวแทนวิชาเอก การต่อสู้เพื่อหาตัวแทนมหาวิทยาลัย และการต่อสู้ในระดับชาติ”
“อย่างที่สองคือการต่อสู้แบบกลุ่มของสภานักเรียนซึ่งจะจัดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย หากพวกเธอต้องการเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของพวกเธอ ฉันขอแนะนําให้ไปเข้าชมรมซะ เพราะวิชาเอกด้านการสนับสนุนของพวกเราจัดได้ว่ามีพลังต่อสู้ที่อ่อนแอที่สุดในมหาวิทยาลัย ดังนั้นถ้าหากต้องการได้ผลลัพธ์ในการต่อสู้ที่ดีและต้องการเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัย พวกเธอก็ต้องฝึกฝนให้มากขึ้น”
“ต่อไป ฉันจะพูดถึงลำดับ พวกเธอจะต้องสู้กันในคาบ ซึ่งสองอันดับแรกในคาบจะถูกคัดเลือกให้ไปสู้เพื่อเป็นตัวแทนวิชาเอก”
“มีคําถามอะไรอีกไหม? ถ้าไม่มีก็เริ่มได้เลย!”
เขาพูดออกมาราวกับว่าเขากำลังท่องบท หลังจากที่เขาพูดทุกอย่างจบแล้ว เขาก็ถอนหายใจยาวๆออกมาราวกับว่าเขารู้สึกว่าโล่งใจมากขึ้น
โม่ซิ่วไม่คิดเลยว่าเฉาเฟิงหลินจะพูดง่ายๆแบบนี้เพราะเขาเป็นถึงอาจารย์ในมหาวิทยาลัยหยานจิ่ง แต่ทําไมเขาถึงรู้สึกว่าเฉาเฟิงหลินคนนี้ดูห่วยกว่าเกาฉวนอาจารย์ในสมัยมัธยมปลายของเขามาก
หลังจากที่เฉาเฟิงหลินพูดจบ เขาก็นั่งลงและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นว่ายังไม่มีใครเริ่มทำอะไร
“ทําไมพวกเธอถึงยังไม่เริ่มอีกล่ะ?
เด็กหญิงผมสั้นที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียนพูดว่า “อาจารย์คะ แล้วพวกเราจะสู้กันยังไงคะ? นอกจากนี้พวกเราจะจัดกลุ่มกันยังไง?”
เฉาเฟิงหลินหรี่ตาและพูดอย่างหงุดหงิดว่า "เธอชื่ออะไร?"
"หนูชื่อมูมู่ค่ะ" สาวผมสั้นตอบ
“เอาล่ะ ตอนนี้เธอคือหัวหน้าห้องของเพื่อนๆแล้ว ซึ่งการต่อสู้จะแบ่งกลุ่มตามหอพัก ซึ่งหอพักแต่ละแห่งจะสร้างทีมขึ้นมา”
โม่ซิ่วและตงฟางมองหน้ากัน อาจารย์คนนี้พูดจามักง่ายเกินไปรึเปล่า? ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดจริงๆหรือ?
มูมู่เองก็ทําอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงทําได้เพียงจัดกลุ่มตามคำสั่งเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางที่เธอจะจัดกลุ่มได้ง่ายๆ เพราะเวลาคูลดาวน์ของพลังเลเวล 1 คือสามชั่วโมง และตอนนี้ก็เหลือเวลาน้อยกว่าสองชั่วโมงก่อนจะถึงพักเที่ยง
หรือก็คือคนส่วนใหญ่สามารถใช้พลังของตัวเองได้ในการต่อสู้ครั้งแรกเท่านั้น ซึ่งทำให้เกิดเวลาคูลดาวน์สําหรับการต่อสู้ในครั้งถัดไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถใช้พลังได้อีก
มูมู่ขอให้ทุกคนแบ่งออกเป็นกลุ่มแล้วพูดว่า “มีใครมีข้อเสนออะไรบ้างไหม? แล้วมีวิธีไหนบ้างที่จะเลือกสองกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดภายในสองชั่วโมง?”
ทุกคนเงียบลง เพราะพวกเขาสามารถใช้พลังเพื่อต่อสู้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แล้วพวกเขาจะตัดสินได้อย่างไรว่าสองทีมไหนที่แข็งแกร่งที่สุด?
แม้ว่าจะใช้การคัดออกที่เร็วที่สุด แต่เนื่องจากมีคนในคาบนี้ถึง 50 คนดังนั้นจึงเท่ากับ 25 คู่ ซึ่งหลังจากการต่อสู้รอบแรกก็จะเหลือ 13 คู่ ซึ่งหลังจากนั้นคนส่วนใหญ่จะไม่สามารถใช้พลังของตนต่อไปในการต่อสู้ได้ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเลย
โม่ซิ่วมองไปที่ทุกคนที่กำลังเงียบและยกมือขึ้น
“ไม่ต้องคิดอะไรเยอะหรอก นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีง่ายๆที่ตัดสินได้ด้วยการต่อสู้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
มูมู่ขมวดคิ้วและพูดว่า “พูดน่ะมันง่าย แค่การต่อสู้เพียงรอบเดียวจะหาคู่ที่ดีที่สุดสองคู่ได้ยัง…หรือว่านายจะ?!”
โม่ซิ่วพยักหน้า “ใช่ มีทางเดียวเท่านั้น ซึ่งก็การต่อสู้แบบตะลุมบอนและสองคู่สุดท้ายที่เหลืออยู่จะเป็นผู้ชนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉาเฟิงหลินจึงเหลือบมองไปที่โม่ซิ่ว
ตั้งแต่วินาทีที่โม่ซิ่วเริ่มคิดหาทางออก เฉาเฟิงหลินจึงรู้ว่าโม่ซิ่วนั้นไม่ธรรมดาเลย
หลังจากที่ทุกคนเห็นด้วย มูมู่จึงบอกทุกคนว่าจะใช้วิธีการของโม่ซิ่วในการหาสองคู่ที่แข็งแกร่งที่สุด!
“มีใครคัดค้านอะไรมั้ย? ถ้าไม่มีพวก เราจะได้เริ่มการต่อสู้กันสักที” มูมู่ถาม
"เดี๋ยวก่อน!" โม่ซิ่วยกมือขึ้นแล้วพูดคัดค้าน
มูมู่ตะลึง “อะไรของนายน่ะ? นายเป็นคนบอกว่าให้ใช้วิธีนี้เองไม่ใช่เหรอ? แล้วทําไมนายถึงมาคัดค้านเอาตอนนี้ล่ะ?”
โม่ซิ่วมองไปที่เฉาเฟิงหลินและพูดว่า “อาจารย์ ผมคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้!”
เฉาเฟิงหลินที่ยังคงดูขี้เกียจถามโม่ซิ่ว "อะไรล่ะ?”
“ผมไม่คิดว่ามันยุติธรรมที่แต่ละหอพักจะมีเพียงแค่คู่เดียวที่จะผ่านการคัดเลือกในครั้งนี้
“แล้วนายจะทำยังไงล่ะ?”
“จุดประสงค์ของการคัดเลือกในครั้งนี้คือสี่คนจากสองคู่ใช่ไหมครับ?” โม่ซิ่วถาม
เฉาเฟิงหลินพยักหน้า “ใช่แล้วล่ะ'”
โม่ซิ่วยิ้มและพูดว่า "แล้วทําไมถึงไม่ทำอะไรให้มันตื่นเต้นมากขึ้นไปกว่านี้อีกล่ะครับ?" อย่างเช่นพวกเราจะไม่สู้เป็นคู่แต่ต่อสู้เดี่ยวแล้วคัดเหลือเพียงแค่สี่คนสุดท้าย”
ความสนใจของเฉาเฟิงหลินเริ่มมีมากขึ้นเมื่อเขาได้ยินการเสนอของโม่ซิ่ว เขายืนขึ้นและมองไปที่โม่ซิ่วทันที
“น่าสนใจดีนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จําเป็นต้องแบ่งออกเป็นคู่แล้ว พวกเธอทุกคนจะต้องต่อสู้จนกว่าจะเหลือสี่คนสุดท้ายแทน!”
วิธีนี้ถือว่ายุติธรรมที่สุดสําหรับทุกคน เพราะนี่เป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่งสําหรับการตัดสินใจในสถานการณ์ต่อสู้จริง
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น ทุกคนต่างก็เป็นศัตรูและในขณะเดียวกันทุกคนก็สามารถเป็นเพื่อนร่วมทีมได้
ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนหรือศัตรูก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาตัดสินใจทั้งหมด
นอกจากนี้สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับคนที่อยู่สถานะคอยสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมคือนอกเหนือจากความแข็งแกร่งของพลังแล้ว ยังต้องมีความสามารถในการปรับตัวด้วย!
แม้ว่าคนที่อยู่สถานะคอยสนับสนุนอาจไม่ใช่ผู้นํา แต่พวกเขาจะเป็นคนที่สามารถคอยควบคุมสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน
ความสนใจของเฉาเฟิงหลินจึงเริ่มมีมากขึ้น ขณะที่เขายืนอยู่ที่ด้านข้างของสนามฝึกซ้อมและตะโกนว่า "การต่อสู้เริ่มขึ้นได้!"