ตอนที่แล้วบทที่ 32 ความพ่ายแพ้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 สังหารพลังปีศาจ

บทที่ 33 อนุเสาวรีย์ปีศาจ


"ร่างกายไม่สามารถทนต่อพลังนี้ได้ จึงถูกเผาผลาญจนวอดวาย" ฟิลินกล่าวด้วยความเจ็บปวด

"โอ๊ะ!" ซอมบี้ตัวน้อยสลัดยักษ์ลาวาออก วิ่งพรวดพราดเข้ามา โบกมือไปมาพยายามคว้าเถ้าถ่านสีดำเหล่านั้น ยัดใส่โครงกระดูกของโครงกระดูกเทวทูต ราวกับต้องการหยุดยั้งการสลายตัวของมัน

แต่เถ้าถ่านสีดำนั้นถึงจะดูเป็นก้อนๆ พอคว้าก็กลายเป็นผงไปหมด ในที่สุดซอมบี้ตัวน้อยก็ได้แต่กำผงเถ้าไว้เต็มมือ ไม่สามารถเรียกคืนอะไรได้เลย มันร้องโหยหวนด้วยความร้อนใจ จับไหล่ของโครงกระดูกเทวทูตแล้วเขย่าอย่างแรง

โครงกระดูกเทวทูตถูกมันเขย่าจนเกือบแตกกระจาย จึงชกหมัดใส่เบ้าตาของมันอย่างแรง

หลังจากถูกซอมบี้ตัวน้อยเขย่าอย่างหนัก เถ้าถ่านสีดำบนร่างของโครงกระดูกเทวทูตก็หลุดร่วงจนหมด เผยให้เห็นโครงกระดูกที่ยังค่อนข้างสมบูรณ์ ที่แท้สิ่งที่สลายไปก็คือเนื้อหนังและขนของมันเท่านั้น

"โอ๊ะ!" ซอมบี้ตัวน้อยปิดตาแล้วล้มลงนั่งกับพื้น แต่ไม่ได้โกรธ กลับส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ หากยังต่อยมันได้ ก็แสดงว่าไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือ?

อังเกอร์มองโครงกระดูกเทวทูตแวบหนึ่ง พบว่าเนื้อหนังของมันสลายไป แต่โครงกระดูกยังค่อนข้างสมบูรณ์ มีเพียงกระดูกในส่วนปีกที่แตกร้าวเล็กน้อย บวกกับพลังวิญญาณที่อ่อนแอลงเท่านั้น

อังเกอร์เห็นดังนั้นเขาจึงหันมายังปีศาจลาวา เขาพลิกตัวมันโดยเวทสาดฝนสาดใส่ยักษ์ลาวา น้ำที่ไหลไม่ขาดสายทำให้ยักษ์ลาวากลายเป็นยักษ์หินโคลน ยังไม่ทันเดินมาถึงตัวอังเกอร์ก็ละลายไปแล้ว

อังเกอร์ทำให้ยักษ์ลาวาทรุดลงไปจนหมดสภาพ กลุ่มคนทั้งหมดจึงเดินทางไปยังทูรัสที่อยู่ห่างออกไปอีกไม่กี่กิโลเมตร

เมื่อมาถึงจุดที่ทูรัสล้มลง ก็พบว่าร่างของเขาสลายไปแล้ว เหลือเพียงรูปร่างคร่าวๆ เหมือนรูปปั้นหินที่แตกละเอียด

"ไม่น่าเป็นไปได้นะ? เวททุ่งศักดิ์สิทธิ์นี่ไม่น่าจะฆ่าปีศาจชั้นสูงได้หรอก เกิดอะไรขึ้นกันแน่?" ฟิลินสงสัยพลางเตะซากของทูรัส

เวททุ่งศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง แต่ผู้ใช้มันก็เป็นเพียงโครงกระดูกเทวทูต และยังต้องยืมพลังจากอังเกอร์อีก หากคำนวณจากพลังล้วนๆ ก็ไม่เพียงพอที่จะทำลายร่างของปีศาจชั้นสูงได้

ซากศพที่เป็นเหมือนโคลนแตกละเอียด แต่ภายในกลับเหมือนมีของแข็งอะไรบางอย่าง ถูกฟิลินเตะโดนพอดี

ดึงเท้าออกมา พบว่ากระดูกนิ้วหัวแม่เท้าหัก บิดไปทางด้านข้าง ฟิลินไม่สนใจ ออกแรงดัดมันกลับเข้าที่ จากนั้นเปลี่ยนจากการเตะเป็นการเหยียบ เหยียบซากที่กลายเป็นโคลนให้กระจาย เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใต้

นั่นคือหินสีดำก้อนหนึ่ง พื้นผิวมีประกายโลหะเล็กน้อย ดูแล้วแข็งแรงมาก

ฟิลินถึงกับขมวดคิ้ว "อนุสาวรีย์ปีศาจ? เรื่องใหญ่แล้วสิ"

"นี่คืออนุสาวรีย์ปีศาจงั้นเหรอ? อนุสาวรีย์ปีศาจที่เปลี่ยนสายเลือดของตัวเองให้กลายเป็นหิน ผสานเข้ากับแผ่นดิน แข็งแกร่งยากที่จะทำลาย? สกิลการเกิดใหม่ของปีศาจลาวางั้นเหรอ?" อายส์เคร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ

"เฮะๆๆ... ช่างมีความรู้นักนะ รู้จักอนุสาวรีย์แห่งผืนดิน จะเรียกมันว่าอนุสาวรีย์ปีศาจก็ไม่ผิดหรอก ยังไงพวกแกก็ทำลายมันไม่ได้อยู่ดี เฮะๆๆ!!!" เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นพร้อมกับภาพเงาของทูรัสที่ลอยอยู่เหนือก้อนหิน

อายส์เคไม่ได้ใส่ใจเขา แต่ลองไปผลักก้อนหินดู พบว่ามันไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย "ผลักมันออกไปไม่ได้เหรอ?"

"ผลักไม่ออกหรอก มันเชื่อมต่อกับแผ่นดิน โดยพื้นฐานแล้วนี่เป็นผนึกระบบดิน เว้นเสียแต่พลังของเราจะมากพอที่จะยกพื้นดินทั้งแถบนี้ให้เคลื่อนได้ ไม่อย่างนั้นก็ผลักมันไม่ออกแน่" ฟิลินส่ายศีรษะ

"ทุบให้แตกไม่ได้เหรอ? แล้วเวทมนตร์ล่ะ?" อายส์เคยกก้อนหินขึ้นมาทุบ แล้วยังใช้เวทมนตร์ยิงใส่ ก้อนหินไม่ขยับเขยื้อนแม่แต่น้อย ไม่มีรอยแม้แต่รอยขีดข่วน ขุดพื้นดินรอบๆ ก็ยิ่งพบว่ามันรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหินใต้ดิน ขุดไม่ออกเลย

"ไม่ได้หรอก เว้นเสียแต่ข้าจะเรียกสิ่งมีชีวิตอมตะทั้งหมดมารวมตัวกัน หลายพันคนมาช่วยกันออกแรง บางทีอาจจะขยับได้ แต่ว่า..." พูดถึงตรงนี้ ฟิลินเหลือบมองท้องฟ้า

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว อีกไม่นานลมแห่งชีวิตก็จะพัดมา นี่ก็เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทูรัสกล้าใช้อนุสาวรีย์ปีศาจ ถ้ามีเวลาทั้งคืนให้อีกฝ่ายค่อยๆ จัดการ ต่อให้อนุสาวรีย์จะผสานเข้ากับแผ่นดินแน่นหนาแค่ไหน ก็ยากที่จะต้านทานวิธีการต่างๆ ของอีกฝ่ายได้

แต่เมื่อลมแห่งชีวิตพัดมา ทุกคนจะต้องหาที่หลบภัย หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน ตนเองก็ฟื้นฟูร่างกายเสร็จสิ้น ฉวยโอกาสเกิดใหม่แล้ว

พูดแล้วก็มา ลมกรรโชกแรงขึ้นอย่างกะทันหัน

"ไปกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยกลับมาดูใหม่ ถ้าเขายังไม่หนีไป ค่อยหาทางลากตัวเขาออกมา" ฟิลินพูดอย่างอาลัยอาวรณ์

เขาก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ทูรัสไม่ได้โง่มาก พอถึงพรุ่งนี้ลมหยุดพัด ต้องรีบหนีแน่ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ? ในเวลาอันสั้นนี้ลากอนุสาวรีย์ออกไม่ได้ พวกเขาก็ต้องยอมรับความจริงนี้

จังหวะนั้นเอง อังเกอร์กลับชักเคียวออกมา ฟันลงบนแผ่นหินอย่างเต็มแรง

เสียงดังเปรี๊ยะ ตรงจุดที่เคียวฟันถูกมีประกายไฟกระเด็น แผ่นหินไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย แต่กลับกันใบมีดเคียวของแองเจิลยังแตกเป็นชิ้นเล็กๆ

"ฮ่าๆๆ แกคิดจะใช้เครื่องมือเกษตรเก่าๆ ฟันอนุสาวรีย์แห่งผืนดินเนี่ยนะ? ฮ่าๆๆ ตลกชะมัด มา ฟันสิ ลองใช้แรงให้มากกว่านี้ดู" ภาพเงาของทูรัสหัวเราะจนท้องคดท้องแข็ง

อังเกอร์ไม่สนใจเขา ชักเคียวกลับมาฟันลงบนนั้นอีกครั้งอย่างเต็มแรง

คราวนี้แม้แต่ฟิลินยังทนดูไม่ไหว พูดห้ามว่า "นายท่านขอรับ ไม่ไหวหรอก ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าอนุสาวรีย์ปีศาจจะถูกดาบหรือมีดฟันแตกได้ พวกเรากลับไปก่อนเถอะ"

อังเกอร์ไม่ฟังเขา เพราะในวิญญาณมีเสียงที่ยิ่งใหญ่กว่าดังก้องอยู่ "นั่นเพราะเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนต่างหาก ประสบการณ์น้อยไป แบบนี้แหละ ฟันลงไปให้แรง ใช้พลังวิญญาณของเจ้า ใช้แรง ใช้แรงสิ! สิ่งเดียวที่ฟันอนุสาวรีย์แตกได้คือ ใบมีดแห่งวิญญาณ เคียวแห่งความตาย!"

ด้วยแรงกระตุ้นของเนเกริส เปลวไฟแห่งวิญญาณของอังเกอร์ไหลเข้าไปในเคียว เคียวปล่อยรัศมีออกมา เหมือนขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า กรีดผ่านแผ่นหิน

ไม่มีการปะทะกัน ไม่มีเสียงดังเปรี๊ยะ ราวกับว่าแผ่นหินหรือเคียวอย่างใดอย่างหนึ่งกลายเป็นภาพลวงตาไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งสองผ่านเลยกันไป สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงคือ บนใบเคียวเกี่ยวเอาเปลวไฟแห่งวิญญาณติดมาด้วย

บนแผ่นหิน ภาพเงาของทูรัสหายไป แทนที่ด้วยเสียงร้องโหยหวนจากเปลวไฟแห่งวิญญาณ

ฟิลินและอายส์เคตาเบิกกว้าง พูดอย่างไม่อยากเชื่อ "ท่านขอรับ ท่าน... ท่านเกี่ยวดึงวิญญาณของมันออกมาได้?"

เหมือนจะใช่ อังเกอร์เอียงศีรษะเล็กน้อย ยื่นมือไปคว้าเปลวไฟแห่งวิญญาณไว้

เมื่อสูญเสียวิญญาณ แผ่นหินที่แข็งแกร่งก็สูญเสียความเงางามไปในทันที กลายเป็นสีเทาจางลง สุดท้ายก็แตกละเอียดเหมือนหินผุ

ลมแห่งชีวิตยิ่งพัดแรงขึ้นเรื่อยๆพวกเขารีบวิ่งกลับไป และทันเข้าถึงหลุมอุกกาบาตก่อนที่ลมจะกลายเป็นคมกล้า

ระหว่างทาง เปลวไฟแห่งวิญญาณนั้นก็ดิ้นรนไม่ยอมสงบ อายส์เคเป็นมนุษย์ เขารู้สึกได้แค่ว่าเปลวไฟแห่งวิญญาณปล่อยคลื่นความถี่ที่ก่อกวนใจ แต่อังเกอร์ ฟิลิน และสิ่งมีชีวิตอมตะอื่นๆ กลับได้ยินเสียงของเปลวไฟแห่งวิญญาณ

"เกิดอะไรขึ้น? วิญญาณของข้าถูกเจ้าเกี่ยวไปได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้! อนุสาวรีย์แห่งผืนดินแตกสลายได้อย่างไร? เจ้าทำลายการเชื่อมโยงสายโลหิตของข้ากับผืนดินได้ยังไง? ไม่มีทาง! ไม่มีทาง! เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น โกหก โกหก โกหก!!!"

ในวิญญาณของอังเกอร์และ เนเกริสหัวเราะเยาะอย่างดูถูก "ช่างไม่รู้อะไรเลย เคียวแห่งความตายของโครงกระดูกทองคำ และการเสด็จมาของราชันคือสองสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุด ปีศาจตนนี้ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเชียวหรือ? ช่างตายไปอย่างไม่รู้อะไรเลย แต่อังเกอร์เจ้าก็ทำให้ข้าประหลาดใจนะ ครั้งแรกเลย กลับสามารถใช้เคียวแห่งความตายได้แล้ว เจ้าช่างเป็นตัวประหลาดจริงๆ"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด