บทที่ 23 : รางวัลใหญ่สำหรับการเลื่อนขั้นเป็นกองกำลังระดับห้า
บทที่ 23 : รางวัลใหญ่สำหรับการเลื่อนขั้นเป็นกองกำลังระดับห้า
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวนี่ก็เกือบจะครึ่งเดือนแล้ว
นับตั้งแต่วันนั้น, นี่ก็ผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ลู่ชิงซวนขึ้นครองบัลลังก์ของคฤหาสน์ราชาลู่
ในช่วงเวลานี้อาจกล่าวได้ว่าคฤหาสน์ราชาลู่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
คฤหาสน์ราชาลู่ไม่เพียงแต่ไม่เสื่อมถอยแต่ยังเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเมื่อวันวาน
ภายใต้การนำของลู่ชิงซวน เขาได้กวาดล้างกองกำลังของตระกูลที่ไม่เป็นมิตรในเขตเหนือ
ทั้งยังเป็นที่นับหน้าถือตาในเขตเหนือของคนธรรมดา พร้อมกับพัฒนาตระกูลอย่างเข้มแข็ง
ไม่นานมานี้เจียงซวนหยา เเม่ของลู่ชิงซวนเก็บุกทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำด้วยความช่วยเหลือจากทรัพยากรมากมายที่ลู่ชิงซวนมอบให้
นอกจากนี้ผู้อาวุโสธรรมดาจากสายตรงก็เพิ่งทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำเช่นกัน
ในขณะนี้ คฤหาสน์ราชาลู่มีสมาชิกนับสิบคนที่ฝึกฝนในอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำ
เเละแน่นอนว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือมหาอำนาจของอาณาจักรวังวิญญาณทั้งสาม ซึ่งได้แก่ ลู่ชิงซวนซวน, หลิงซีเยว่, และผู้อาวุโสใหญ่
ช่วงเวลาสั้นๆ ความแข็งแกร่งของตระกูลสามารถมาถึงระดับดังกล่าวได้เป็นภาพที่ไม่มีใครในคฤหาสน์ราชาลู่สามารถจินตนาการได้มาก่อน
เเละในวันนี้, ขณะที่ลู่ชิงซวนกำลังฝึกซ้อมอยู่นั้น
จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงระบบดังขึ้นในใจของเขา
[ติ๊ง! ตรวจพบผู้ฝึกตนอาณาจักรวังวิญญาณสามคนและผู้ฝึกตนอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำสิบคนในตระกูลที่โฮสต์ดูแล, ตระกูลได้รับการเลื่อนขั้นเป็นกองกำลังระดับห้าและได้รับรางวัลพิเศษ]
[โฮสต์ต้องการรับรางวัลเลยหรือไม่?]
“นี่คฤหาสน์ราชาลู่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นกองกำลังระดับห้าแล้วงั้นเหรอ?”
ความประหลาดใจแวบขึ้นมาในใจของลู่ชิงซวน
ข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับการเลื่อนขั้นเป็นระดับห้าคือการมีผู้ฝึกตนอาณาจักรวังวิญญาณสามคนและผู้ฝึกตนอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำสิบคน
คฤหาสน์ราชาลู่ในวันนี้ก็ตรงตามเงื่อนไขนั้น
เเละเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ลู่ชิงซวนก็เลือกที่จะรางวัลมันโดยไม่ลังเลเเต่อย่างใด
[ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับ: คะเเนนโชคลาภของตระกูล 20,000 คะแนน, สายเเร่วิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงสองสาย, การ์ดเลื่อนระดับทักษะการฝึกฝนระดับปฐพีหนึ่งใบ, การ์ดเลื่อนระดับทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีหนึ่งใบ, ยอดยาวิญญาณ, อินทรีเปลวเพลิงสามสิบตัว, ต้นไม้สมบัติทารกวิญญาณหนึ่งต้น, ของเหลวจากไขกระดูกทองคำหมื่นปีหนึ่งร้อยหยด, เวทีศิลปะการต่อสู้, ร่างวิญญาณซวนปิง]
เมื่อเห็นรางวัลที่ที่ใจกว้างขนาดนี้, ดวงตาของลู่ชิงซวนก็อดไม่ได้ที่จะเปล่งประกาย
ก่อนที่เขาจะค่อยๆตรวจสอบรางวัลทีละรายการ
[การ์ดเลื่อนระดับทักษะการฝึกฝนระดับปฐพี, การ์ดเลื่อนระดับทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี: หากใช้การ์ดทั้งสองใบนี้ โฮสต์สามารถอัปเกรดทักษะการฝึกฝนระดับปฐพีและทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีได้หนึ่งระดับ]
เมื่อเห็นอุปกรณ์ดังกล่าว, ใบหน้าของลู่ชิงซวนก็สว่างขึ้นด้วยความดีใจ
ด้วยอุปกรณ์ประเภทนี้, เขาสามารถเลือกทักษะการฝึกฝนและทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีเพื่ออัพเกรดเป็นระดับสวรรค์ได้
ทันใดนั้น, เขาก็นำทักษะขั้นสูงสุดระดับปฐพีออกมาและทดลองใช้กับการ์ดใบนี้
ช่วงเวลาเพียงชั่วครู่ ลู่ชิงซวนก็พอใจกับทักษะการฝึกฝนระดับสวรรค์ขั้นต่ำและทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นต่ำ
……….
[ยอดเขายาวิญญาณ: ยอดเขาสูง 300 ฟุต มียาวิญญาณระดับสีเหลือง, ระดับลึกซึ้ง, ระดับปฐพี, และระดับสวรรค์เล็กน้อย, มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะเกิดยาจิตวิญญาณระดับราชา, เเละหากปลูกยาวิญญาณหลายชนิดที่ต้นไม้สมบัติวิญญาณ จะทำให้อัตราการรอดชีวิตเพิ่มถึง 100% และประสิทธิภาพของยาเพิ่มขึ้น 20%]
เมื่อเห็นยอดเขายาวิญญาณลู่ชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข
ยอดเขายาวิญญาณนี้ไม่เพียงแต่มีชุดยาวิญญาณสำเร็จรูปเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างยาวิญญาณใหม่จำนวนมากได้อีกด้วย
หากเขาใช้จุดสูงสุดนี้ในการฝึกฝนยาวิญญาณ, มันก็น่าจะไม่มีการขาดแคลนยาวิญญาณอีกต่อไปในคฤหาสน์ราชาลู่
อินทรีเปลวเพลิง: อสูรวิญญาณอาณาจักรพระราชวังสีม่วง, มีขนาดสองถึงสามฟุต มีความเร็วสูงมาก ถูกผูกติดอยู่กับการเป็นอสูรวิญญาณของตระกูล]
สำหรับอสูรวิญญาณนี้ ลู่ชิงซวนวางแผนที่จะใช้มันเป็นยานพาหนะ, เพราะอสูรวิญญาณนี้เก่งในการบินด้วยความเร็ว
วิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางของสมาชิกในตระกูลได้มาก
[ต้นไม้สมบัติทารกวิญญาณ: ต้าไม้วิญญาณแห่งสวรรค์และโลก, บานในสามปี มีผลในสามปี สุกในสามปี และสามารถให้ผลทารกวิญญาณได้หกสิบสี่ผลในแต่ละครั้ง, ผลไม้นี้สามารถช่วยให้ผู้ฝึกตนอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำทะลุผ่านอาณาจักรวังวิญญาณได้ นอกจากนี้ยังสามารถเร่งการฝึกฝนของผู้ฝึกตนอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณได้เล็กน้อย]
สำหรับต้นไม้วิญญาณแห่งสวรรค์และโลกนี้ ต้นไม้สมบัติทารกวิญญาณก็หายากมากเช่นกัน
ด้วยต้นไม้วิญญาณแห่งสวรรค์และโลกนี้, คฤหาสน์ราชาลู่จะสามารถปลูกฝังผู้คนในอาณาจักรวังวิญญาณและอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณได้มากขึ้นในอนาคต
แม้ว่าจะใช้เวลาสิบปีกว่าจะได้ผลทารกวิญญาณแต่สำหรับผู้ฝึกตน, สิบปีก็เหมือนกับเวลาชั่วพริบตา
ลู่ชิงซวนวางแผนที่จะย้ายมันไปที่ยอดเขายาวิญญาณและดูแลอยา่างดี
[ของเหลวจากไขกระดูกทองคำหมื่นปี: สามารถทำความสะอาดไขกระดูกปรับปรุงรากฐาน, เพิ่มสมรรถภาพทางกายและผลอัศจรรย์อื่นๆอีกมากมาย, เเต่ยิ่งระดับการฝึกฝนสูง เอฟเฟกต์ก็จะยิ่งน้อยลง]
เมื่อเห็นของเหลวทางจิตวิญญาณชนิดนี้, มันก็ทำให้ลู่ชิงซวนนึกถึงยาชำระล้างไขกระดูกทันที
อย่างไรก็ตาม, ผลทางยาของของเหลวทางจิตวิญญาณนี้ดีกว่ายาชำระล้างไขกระดูกมากกว่าสิบเท่า
นอกจากนี้ยังไม่มีข้อจำกัดที่ชัดเจนและเหมาะสำหรับผู้ฝึกตนทุกคน
ด้วยของเหลวทางจิตวิญญาณนี้ มันเป็นไปได้เช่นกันสำหรับสมาชิกในตระกูลรุ่นเก่าที่มีคุณสมบัติน้อยที่จะล้างไขกระดูกอีกครั้งเพื่อปรับปรุงรากฐานของพวกเขา
[เวทีศิลปะการต่อสู้: สมบัติล้ำค่าพิเศษที่สามารถทนต่อการต่อสู้ระหว่างชายผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าอาณาจักรสวรรค์ได้, การต่อสู้บนเวทีศิลปะการต่อสู้นี้สามารถช่วยให้คู่ต่อสู้ทั้งสองฝั่งเข้าใจข้อบกพร่องของวิชาการต่อสู้ของตนเอง, เมื่อชีวิตอยู่ระหว่างความเป็ตายพวกเขาจะถูกยุติการต่อสู้โดยอัตโนมัติ]
นี่เป็นสมบัติที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อตระกูลอย่างมาก
การมีสมบัติดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้ของสมาชิกในตระกูลเท่านั้น แต่ยังช่วยชดเชยการขาดประสบการณ์ในการต่อสู้จริงของคนในตระกูลด้วย
[กายาวิญญาณซวนปิง: กายาวิญญาณชั้นยอดที่เกิดมาพร้อมกับพลังธาตุุน้ำแข็ง สามารถแข่งขันกับร่างระดับราชาได้, หมายเหตุ: ตรวจพบว่าโฮสต์มีกายาผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์อยู่แล้ว, โฮสต์สามารถกำหนดให้สมาชิกในตระกูลปลุกกายานี้ให้ตื่นได้ภายในสามวัน]
กายาวิญญาณซวนปิง
ลู่ฉิงซวนไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับรางวัลเป็นกายาวิญญาณชั้นยอดเช่นนี้
เเละหลังจากอ่านคำแนะนำของกายาวิญญาณซวนปิงแล้ว, ลู่ชิงซวนก็คิดออกได้ทันทีว่าใครกันที่เขาควรจะมอบกายาวิญญาณนี้ให้
นั่นคือเจียงซวนหยา, แม่ของเขาที่กำลังฝึกฝนทักษะคุณสมบัติน้ำแข็งนั่นเอง
เเม่ของเข่เหมาะสมที่สุดที่จะหลอมรวมกับกายาวิญญาณประเภทน้ำแข็งนี้
โดยไม่ลังเลใจ, ลู่ชิงซวนมอบกายาวิญญาณนี้ให้กับเจียงซวนหยาทันที
หลังจากทำเช่นนี้ ลู่ชิงซวนก็มองดูสิ่งที่เหลืออยู่อย่างระมัดระวัง และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
หลังจากนั้น ลู่ชิงซวนก็จัดเวทีศิลปะการต่อสู้ ยอดเขายาวิญญาณ อสูรวิญญาณ และรางวัลอื่นๆไปทั่วทั้งตระกูลลู่
จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่สถานะการฝึกฝนอีกครั้ง
ณ ตอนนี้
คฤหาสน์ราชาลู่ยังคงเข้าสู่ขั้นตอนของการพัฒนาและปรับปรุงความแข็งแกร่งโดยรวมอย่างรวดเร็ว
แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้, การเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ในคฤหาสน์ราชาลู่ย่อมไม่สามารถหลบเลี่ยงสายตาที่กำลังจับจ้องจากกองกำลังอื่นๆได้
………..
ในเวลาเดียวกันนั้น
ในนิกายหลางหยาเทียนจงซึ่งอยู่ห่างจากคฤหาสน์ราชาลู่อย่างมาก
สถานที่ที่ปรมาจารย์ซ่งหยานอาศัยอยู่
เฝิงหยู, ผู้อาวุโสเก้าที่รับผิดชอบด้านข่าวกรอง กำลังรายงานข่าวกรองล่าสุดเกี่ยวกับคฤหาสน์ราชาลู่ให้เขาทราบ
หลังจากฟังรายงานของผู้อาวุโสแล้ว, ซ่งหยานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“โอ้ คฤหาสน์ราชาลู่เพิ่งมีผู้ฝึกตนอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำเพิ่มอีกสามคน, และผู้ฝึกตนอาณาจักรพระราชวังสีม่วงจำนวนมากงั้นเหรอ?”
“แถมยังมีสมบัติก็ถูกขุดออกมาจากเหมืองแร่วิญญาณอีก?”
“คฤหาสน์ราชาลู่ได้รับมรดกอันทรงพลังหรือพวกเขาซุกซ่อนอะไรไว้กันแน่?”
โดยธรรมชาติแล้วเครือข่ายข่าวกรองของนิกายหลางหยาเทียนจง ก็งุนงงกับการกวาดล้างทั้งสามตระใหญ่ในเขตเหนือของคฤหาสน์ราชาลู่อยู่เเล้ว
เเต่ตอนนี้, คฤหาสน์ราชาลู่ได้ผงาดขึ้นอย่างกะทันหันต่ออีก
ดังนั้น, ตอนเเรกพวกเขาจึงคิดว่าคฤหาสน์ราชาลู่อาจจะได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังพิเศษบางกองกำลัง
แต่หลังจากที่พวกเขากำลังตรวจสอบ, ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น
การเพิ่มความแข็งแกร่งของคฤหาสน์ราชาลู่ได้ในช่วงเวลาสั้นๆนั้นเกิดจากโอกาส
พวกเขาเเค่สงสัยว่าคฤหาสน์ราชาลู่ได้รับโอกาสอันมามากมายมหาศาลนี้จากที่ใด
คุณรู้หรือไหมว่าครั้งหนึ่งนิกายหลางหยาเทียนจง, เคยมีโอกาสอยู่บนเกาะโพ้นทะเลแห่งนั้นมาก่อนคฤหาสน์ราชาลู่
แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่ความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาจะพัฒนาอย่างรวดเร็วเหมือนคฤหาสน์ราชาลู่ในยามนี้!
เมื่อเห็นความแข็งแกร่งโดยรวมของคฤหาสน์ราชาลู่เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
นิกายหลางหยาเทียนจงก็ไม่สามารถนั่งนิ่งนอนใจได้แต่อย่างใด
เพราะเมื่อครั้นพวกเขาแข่งขันเพื่อโอกาสในดินแดนรกร้างว่างเปล่า, ทุกคนในคฤหาสน์ราชาลู่ล้วนถูกสังหารโดยนิกายหลางหยาเทียนจงของพวกเขา
ยามนี้เมื่อเห็นคฤหาสน์ราชาลู่ซึ่งเคยสามารถถูกบดขยี้ได้ตามต้องการในอดีตได้พัฒนาความแข็งแกร่งโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
สิ่งนี้จึงทำให้คนของหลางหยาเทียนจงรู้สึกถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซ่งหยานก็มองไปที่ผู้อาวุโสเก้า เฝิงหยูแล้วถามว่า
"ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสเฝิงจะสามารถส่งคนเข้าไปในคฤหาสน์ราชาลู่เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนได้หรือไม่"
เฝิงหยูคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า
"ท่านผู้นำนิกาย, นิกายของเรามีศิษย์ผู้หนึ่งนามว่าลู่เทียนหมิง”
“เขามาจากคฤหาสน์ราชาลู่, ข้าคิดว่าข้าสามารถควบคุมบุคคลนี้ให้กลับไปที่คฤหาสน์ราชาลู่เพื่อตรวจสอบได้”
เป็นปกติที่ข้อมูลประจำตัวของสาวกทุกคนในนิกายไม่สามารถลอดพ้นสายตาผู้อาวุโสที่มีหน้าที่ข่าวกรองเช่นเขาเป็นแน่
“โอ้ นิกายของข้ามีสาวกที่มาจากคฤหาสน์ราชาลู่ด้วยหรือเนี่ย?”
ตามปกติผู้นำนิกายไม่ได้ให้ความสนใจมากนักกับความจริงที่ว่านิกายมีสาวกของคฤหาสน์ราชาลู่อยู่
ก่อนที่เขาถามอีกครั้ง
"ข้าสงสัยว่าศิษย์ที่มาจากคฤหาสน์ราชาลู่มีพรสวรรค์มากแค่ไหนกัน?”
“เขาได้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสของนิกายเราหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เฝิงหยูก็ตอบว่า
"พรสวรรค์ของลู่เทียนหมิงนั้นอยู่ในระดับปานกลาง, แต่น่าเสียดายที่รากฐานของเขาอ่อนด้อยนัก, ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสคนใดในนิกาย"
เมื่อได้ยินคำตอบของเฝิงหยู, ซ่งหยานก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้น, เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องมองที่เฝิงหยูแล้วพูดว่า
"ผู้อาวุโสเฝิงหยูท่านมั่นใจแน่นะ!?"
"ท่านผู้นำนิกายไม่ต้องกังวล, ลู่เทียนหมิงผู้นี้ยังไม่ได้ทะลุผ่านอาณาจักรรากฐานเต๋าด้วยซ้ำ”
“การควบคุมเขาไม่น่าจะเป็นเรื่องยากมากนัก”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้, ซ่งหยานก็พยักหน้าเล็กน้อย
"เอาล่ะ ข้าจะรบกวนผู้อาวุโสเฝิงสำหรับการจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน, ในยามนี้มีเพียงเจ้าและข้าเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้!"
สำหรับการควบคุมสาวกของนิกายให้เป็นหูเป็นตาแทนนั้น, มันเป็นสิ่งที่อาจจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของนิกายได้
แน่นอนว่าเขาหวังว่าจะมีคนรู้เรื่องนี้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเพิ่มเติมของของคฤหาสน์ราชาลู่
เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยสาวกคนนี้ไป
หลังจากได้ทำข้อตกลงกับซ่งหยาน เฝิงหยูก็ดูมีความสุข
จากนั้นอีกฝ่ายก็โค้งคำนับด้วยความเคารพแล้วถอนตัวออกไป
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเฝิงหยูหายไปจากครรลองสายตา
ซ่งหยานก็หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วเขาก็พึมพำออกมา
"ข้าอยากรู้นัก ว่าคฤหาสน์ราชาลู่ของเจ้ามีความลับอะไรกันแน่, เหตุใดถึงสามารถฟื้นคืนได้รวดเร็วถึงเพียงนี้!"
……………….