บทที่ 227 ต้องเป็นบุตรสายฟ้าจากสำนักเหล่ยถิง
“เจี๋ยเจี๋ย!”
ครั้นฝูงยักษาพบหยางเสี่ยวเทียนโดยบังเอิญ พวกมันก็ศีรษะเราะชอบใจด้วยหมายจะได้ลิ้มรสเนื้อมนุษย์อย่างเขา
“ยังมีเด็กมนุษย์เป็นๆ กล้าเข้ามาเหยียบในดินแดนสัตว์อสูรเราด้วย!”
“พวกเด็กมนุษย์มักมีหนังที่อ่อนนุ่มและเนื้ออันหอมหวาน เจ้าเด็กนี่ต้องเป็นของข้า ข้าจะกินมัน” หนึ่งในยักษากล่าว
ซึ่งหลังมันกล่าวเช่นนั้น ยักษาตัวอื่นๆ ที่ใคร่ลิ้มลองในเนื้อมนุษย์เช่นกัน ต่างเร่งความเร็ว รีบปรี่เข้าหาหยางเสี่ยวเทียนด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ชั่วพริบตา เจ้ายักษาที่ปรี่ใกล้ถึงตัวหยางเสี่ยวเทียน ก็กางมือทั้งสองพร้อมอ้าปากอันเน่าเหม็น หมายดึงทึ้งระหว่างกัดกระชากกินสดๆ หลังเอาเข้าปาก
หยางเสี่ยวเทียนลอยนิ่ง ขณะสีหน้าที่นึกคิดใคร่สะอิดสะเอียนหลังเห็นภายในปากกว้างใหญ่ ระหว่างมันพุ่งตรงเข้าหา เขาก็ยกกำปั้นน้อยๆ ขึ้นชกใต้คางเจ้ายักษาตรงหน้าทันที
ตูม!
เสียงดังสนั่นประหนึ่งลั่นกลองศึกอันใหญ่โต
ร่างเจ้ายักษาหลังถูกหมัดน้อยๆ ของหยางเสี่ยวเทียนชกตามแรงที่มันพุ่งมา ลอยลิ่วขึ้นไปเหนือฟากฟ้าอีกสูงไกล
ระหว่างร่างมันพุ่งสูงขึ้นเหนือท้องฟ้า เศษชิ้นเนื้อถูกระเบิดออกเรื่อยๆ ตามความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่เพียงแค่เนื้อตัวมันเท่านั้น แต่ยังรวมทั้งคางแลใบหน้าอันน่าเกลียด กระทั่งศีรษะมันด้วยที่แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี
กว่ายักษาตัวนั้นจะตกลงพื้น ศีรษะและเนื้อตัวของมันก็แทบไม่เหลือเค้าโครงร่างเดิมแล้ว
มีเพียงเศษชิ้นเนื้อและเลือดสีเขียวตกกระจายประดุจเม็ดฝนสาดไปทั่วพื้นดินอย่างน่าขยะแขยง ใครเห็นคงไม่สบอารมณ์ด้วยชวนคลื่นไส้
ยักษาตัวอื่นๆ ที่กำลังมุ่งเข้ามาต่างหยุดชะงัก ครั้นประสบเห็นเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ พวกมันเริ่มแสดงอาการตกใจแลหวาดกลัวจนนิ่งแข็ง
ไม่ว่าผู้ใดก็ต่างรู้ดี ว่ายักษาเหล่านี้ ทั้งเนื้อตัวแลกระดูกแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า ร่างกายพวกมันมีการป้องกันที่แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัว ไม่ต้องพูดถึงศีรษะซึ่งเป็นจุดสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเลย เพราะส่วนนี้ ย่อมมีความแกร่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นอีก
แต่ตอนนี้ ยักษาที่เล่าลือมาทั้งหมดนั้น กลับถูกเด็กน้อยตรงหน้าใช้เพียงกำปั้นเล็กๆ ระเบิดจนร่างกระจายออกเป็นชิ้นๆ
ไม่รอช้า หยางเสี่ยวเทียนพุ่งเข้าชกเจ้ายักษาตัวที่สองซึ่งกำลังบินนิ่งอยู่กลางอากาศขณะยังไม่ได้สติ กระทั่งถูกกำปั้นน้อยๆ โถมใส่ใต้คางจนร่างตกลงพื้น มันก็ดับสิ้นไปทั้งสติหลุดลอยเสียอย่างนั้น
ยักษาที่เหลือพลันได้สติ พวกมันพร้อมเคลื่อนตัวหลับหนี แต่ถูกหยางเสี่ยวเทียนเข้าสกัดพร้อมโถมกำปั้นใส่หน้าตัวละหมัด เขาเหินขยับร่างหายักษาอีกตัวและต่อยอีกครั้ง ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่มีเหน็ดเหนื่อย
บางตัวโดนหมัดน้อยๆ ที่พุ่งมาด้วยความเร็วของเขาทะลวงจนศีรษะเป็นโพรงน่าสยดสยอง
ความเร็วดุจสายฟ้านี่ ทำหยางเสี่ยวเทียนสังหารเจ้าพวกยักษามากกว่าสิบตัวภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาเสียด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เขาต่อยออกไป ร่างมันจะลอยกระเด็นตกกระแทกพื้น พร้อมศีรษะแตกละเอียด ไม่ก็ถูกทะลวงจนเป็นรู
พริบตาเดียว หยางเสี่ยวเทียนก็ได้ใช้แรงหมัด ชกออกไปมากกว่าสิบครั้ง ขณะร่างยักษากว่าสิบตัวปลิวว่อนลงพื้นราวกับใบไม้ร่วง
หยางเสี่ยวเทียนเหลือบมองซากศพพวกมันมากกว่าโหลอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็เหินมุ่งหน้าไปสถานที่อื่นต่อ
ดินแดนทะเลทรายเบื้องหน้าเขาทั้งหมดว่างเปล่า จึงไม่มีที่ให้ซ่อนตัวหรือหยุดพักได้ ดังนั้น เขาจึงต้องออกจากสถานที่นี้โดยเร็วที่สุด มิฉะนั้น หากมียักษาบินเข้ามาเป็นฝูงมากกว่านี้อีก แม้เขาใช้กำลังเพื่อฝ่าวงล้อมออกไปได้ มันก็เป็นเรื่องยากนัก
ถึงตอนนี้ เขาจะสามารถจัดการเจ้ายักษาฝูงเมื่อครู่หลายสิบตัวไปได้จริง แต่หากมันมีมากกว่าร้อย เป็นเขาเองก็ไม่อาจมั่นใจว่าจะสังหารพวกมันทั้งหมดได้สำเร็จ
เพราะยักษาจำพวกที่สามารถใช้ปีกบินได้หลายร้อยตัว ก็เทียบเท่าเขาต้องต่อสู้กับวิญญาจารย์ขั้นราชันยุทธ์หลายร้อยคน
ยิ่งไปกว่านั้น ยักษามีปีกบางตัวอาจแข็งแกร่งเท่าขั้นราชันยุทธ์ระดับหก เจ็ดหรือเก้าไม่ก็สิบเสียด้วยซ้ำ
หลังหยางเสี่ยวเทียนจากไปได้สักพัก หูซิงและหลี่ฉือศิษย์ฝ่ายในสำนักเสินเจี้ยน ก็ถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่พร้อมกัน
ทั้งสองคนเบิกตาตกตะลึง เมื่อเห็นซากศพพร้อมเศษชิ้นเนื้อของยักษากลาดเกลื่อนอยู่เต็มพื้น
และสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดหวั่นจนขนลุกกร้าวไปทั้งตัว คือซากศพของยักษาเหล่านี้ ถูกทุบศีรษะแตกกระจายด้วยหมัดเดียวอย่างเห็นชัด
“ช่างเป็นพลังหมัดที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก สามารถทุบศีรษะยักษาจนแตกละเอียดได้ด้วยการชกเพียงครั้งเดียวเช่นนี้” หูซิงกล่าวด้วยความหวั่นเกรง
“ศิษย์สำนักใดกัน ที่มีพลังมหาศาลขนาดนี้” เขาเสริมน้ำเสียงเหือดแห้ง
“อาจเป็นบุตรสายฟ้า จากสำนักเหล่ยถิงที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ใช่หรือไม่” หลี่ฉือถามด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย
สำนักเหล่ยถิง สำนักเสินเจี้ยน สำนักยวินฮุยและสำนักเสินไห่ ล้วนเป็นสำนักหลักอันยิ่งใหญ่ทั้งสี่แห่งอาณาจักรเสินไห่
บุตรสายฟ้าแห่งสำนักเหล่ยถิง ได้รับการยอมรับว่าเป็นศิษย์ผู้แข็งแกร่งที่สุดในการแข่งขันระดับสำนักครั้งนี้
ใครๆ ต่างก็เชื่อว่าบุตรสายฟ้าสามารถคว้าอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเสินไห่ได้
“ต้องเป็นบุตรสายฟ้าแน่” ใบหน้าหูซิงเคร่งขรึม “ข้าไม่คิดเลยว่า บุตรแห่งสายฟ้าจะแข็งแกร่งกว่าที่เราจินตนาการเอาไว้เสียอีก”
แม้เขาจะสามารถสังหารยักษาหลายสิบตัวตรงหน้าเขาลงได้อย่างง่ายดาย แต่บุตรสายฟ้าคงไม่สามารถทุบศีรษะของยักษาเหล่านี้ได้ด้วยหมัดเดียว
หลังทั้งสองออกห่างสถานที่นี้ไปแล้ว บรรดาศิษย์จากสำนักอื่นก็ล้วนทยอยมาถึงกันทีละกลุ่ม แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พวกเขาต่างต้องตื่นตกใจเมื่อเห็นศีรษะยักษาเหล่านี้ถูกเป่ากระจุยจนเป็นชิ้นๆ
ทางฝั่งของหยางเสี่ยวเทียน ที่ออกจากตรงนั้นมาได้ครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ระหว่างทางเขาก็ยังได้พบยักษาเข้ามาโจมตีบ้างทีละตัว
ทว่า เขาก็หาได้ชักกระบี่ออกมาแต่อย่างใด เขาเพียงเค้นพลังปราณไปรวมไว้ที่หมัดแล้วชกพวกมันด้วยกระบวนท่าเดียว
ซึ่งทันทีที่หมัดหยางเสี่ยวเทียนกระแทกเข้าศีรษะของยักษา ศีรษะมันอันขึ้นชื่อว่าแกร่งกล้ากว่าส่วนใดกลับแตกกระจายออกราวพุโรหิตระเบิด
เหล่ายักษ์ษานั้นล้วนตายได้ยากด้วยกายาที่แข็งประดุจเหล็กกล้า แต่ศีรษะของพวกมันนั้นเป็นจุดอ่อนเดียวที่ทำให้มันสิ้นใจตายในทันที
หากศีรษะของพวกมันถูกเป่าแหลกละเอียด ไม่ว่ามันจะทนทานตายยากขนาดไหน สุดท้ายมันก็ไม่อาจมีชีวิตรอดได้