บทที่ 226 เจ้าปกป้องตัวเองเถิด
การร้องขอนี้ หลินหยงบอกศิษย์เขาเป็นการส่วนตัว แต่ไม่คาดคิดว่าหูซิงจะป่าวประกาศและเผยความตั้งใจเขาในเวลาเช่นนี้ ซึ่งมันอาจทำให้เขาและหยางเสี่ยวเทียนอยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัดใจ
“วางใจเถอะท่านเจ้าตำหนักหยาง ข้าจะปกป้องท่านเมื่อเข้าสู่พื้นที่ล่าสัตว์อสูร และจะไม่ปล่อยท่านได้รับบาดเจ็บแน่นอน” หูซิงหันกล่าวกับหยางเสี่ยวเทียนขณะเผยยิ้ม
หยางเสี่ยวเทียนมองไปเบื้องหน้าด้วยความเรียบเฉย ก่อนกล่าวกับหูซิง “ไม่จำเป็นต้องปกป้องข้า เมื่อถึงเวลาเจ้าปกป้องตัวเองเถิด”
“ตกลง” หูซิงหัวเราะ จากนั้นหันหลังกลับและเดินหลบไป
จากระยะไกล หลัวจวิ้นเผิงรองเจ้าสำนักหยิวฮุย มองดูฉากนี้แล้วหันส่งยิ้มให้ไฉ่ห่าวพร้อมส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา
“หึ! ข้าไม่คิดจริงๆ ว่าหลินหยงจะสั่งกำชับศิษย์ตนให้ปกป้องหยางเสี่ยวเทียนในพื้นที่ล่าสัตว์อสูรเป็นพิเศษ”
“หยางเสี่ยวเทียนถือเป็นสมบัติสำนักเสินเจี้ยน แน่นอนว่าหลินหยงและคนอื่นๆ ต้องกลัวเขาจะไม่มีชีวิตรอดกลับออกมาจากป่าล่าสัตว์อสูรเป็นธรรมดา” ไฉ่ห่าวกล่าวขณะยิ้มเยาะ
“หูซิงเองก็มีความขัดแย้งกับหยางเสี่ยวเทียน และยิ่งดูสนิทชิดเชื้อกับเฉิงหลง มีหรือที่เขาจะเชื่อฟังหลินหยง ปกป้องหยางเสี่ยวเทียนตามคำสั่งผู้เป็นอาจารย์”
“แต่ถึงอย่างไร ในพื้นที่ล่าสัตว์อสูรก็ขึ้นชื่อว่าอันตราย แม้หูซิงใคร่ปกป้องเขา หยางเสี่ยวเทียนก็ไม่สามารถรอดออกมาอย่างมีชีวิตได้” เขากล่าวเสริม
เมื่อเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนโดยรอบ ทำหลินหยงรู้สึกสำนึกผิดเขาจึงหันกล่าวกับหยางเสี่ยวเทียนด้วยความเสียใจ ที่ทำให้เจ้าตำหนักต้องมาถูกดูหมิ่นแลปรามาสไปด้วย
“ท่านเจ้าตำหนักหยาง ที่ข้าทำลงไปไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ข้าแค่…” สีหน้าหมองหม่นของหลินหยงระหว่างกล่าวด้วยน้ำเสียงละอายใจต่อหยางเสี่ยวเทียน
“ข้าเข้าใจขอรับ” หยางเสี่ยวเทียนยิ้มพร้อมกล่าวบอกเขาด้วยไม่ถือสา
เขารู้ดีว่าความตั้งใจของหลินหยงนั้น มีไว้เพื่อประโยชน์เขาเอง
ครั้นเวลาสำหรับการแข่งขันระดับสำนักใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จำนวนศิษย์จากสำนักอื่นก็เริ่มทยอยเพิ่มขึ้นมาก
หลังจากนั้นไม่นาน เฉิงไค ราชาแห่งอาณาจักรเสินไห่ในชุดคลุมมังกรก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ท่วงท่าการเดินระหว่างเข้ามายังจัตุรัสพระราชวังก็ดูสง่าผ่าเผยดุจมังกรและเสือ คู่ควรแก่ฐานะราชาผู้ยิ่งใหญ่ ที่ราษฎรต่างให้ความเคารพนับถือ
เฉิงไคนั่งลงบนแท่นปะรำพิธีมังกร ก่อนพยักหน้าส่งสัญญาณให้ขันทีระดับสูงเริ่มประกาศกฎและรางวัลสำหรับการแข่งขันระดับสำนักครั้งนี้
เมื่อทุกคนภายในจัตุรัสพระราชวัง ได้ทราบถึงของรางวัลสำหรับอันดับหนึ่งในการแข่งขันระดับสำนักว่ามีสิ่งใดบ้าง พวกเขาก็ต่างตื่นตะลึงครั้นผู้ชนะจะได้รับตำแหน่งเจ้าเมือง ซึ่งนับเป็นรางวัลที่มาตรว่าจะยิ่งใหญ่สุด ตั้งแต่เคยจัดแข่งขันมา
รางวัลตำแหน่งเจ้าเมือง ทำศิษย์ทุกคนของอาณาจักรเสินไห่ล้วนตื่นเต้นกระทั่งดวงตาลุกวาวใคร่ปรารถนาในตำแหน่งนี้อย่างมิต้องสงสัย
“เอาล่ะ ศิษย์ผู้เข้าร่วมแข่งขันระดับสำนักนี้โปรดเตรียมพร้อม หลังข้าเปิดค่ายกลเข้าสู่พื้นที่ล่าสัตว์อสูรแล้ว ทุกคนเข้าไปได้ทันที” ขันทีระดับสูงตะโกนสุดเสียง
เขาเดินลงไปยังใจกลางจัตุรัสที่มีค่ายกลผนึกไว้ จากนั้นเริ่มร่ายเวทย์ปลดผลึกค่ายกลสู่อีกโลกหนึ่ง
ทันใดนั้น ใจกลางจัตุรัสอันกว้างใหญ่ก็ส่องแสงสว่าง ก่อนประตูการเคลื่อนย้ายสสารขนาดมหึมาจะปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
ครั้นประตูเคลื่อนย้ายปรากฏขึ้น ก็หมายถึงการแข่งขันล่าสัตว์อสูรเริ่ม เหล่าศิษย์ผู้เข้าร่วมทุกคนต่างปรี่ยืนประจำที่ของตน ก่อนก้าวเข้าสู่ประตูแล้ววาบหายไป
“ท่านเจ้าตำหนัก รักษาตัวด้วย” หลินหยงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นด้วยเป็นห่วง ครั้นเห็นว่าหยาง เสี่ยวเทียนกำลังจะเดินไปยังประตูเคลื่อนย้าย
หยางเฉาและหวงอิ๋งก็เป็นกังวลไม่น้อยเช่นกัน ทั้งคู่กล่าวกำชับหยางเสี่ยวเทียนให้คอยระมัดระวังตน แลอย่าได้ประมาทจนชะล่าใจหลังเข้าสู่พื้นที่ล่าสัตว์อสูร
หยางเสี่ยวเทียนเผยยิ้มให้ทุกคนมั่นใจ พร้อมบอกกล่าวให้คลายกังวลเสีย ก่อนจากนั้น เขาจะสืบเท้าเข้ายืนภายในอาณาเขตประตูเคลื่อนย้าย แล้วหายลับไปจากสายตาคนทุกผู้
เมื่อเฉิงหลง หูซิง เติ้งอี้ชุน เฉินจื่อหาน และศิษย์คนอื่นๆ เห็นหยางเสี่ยวเทียนหายเข้าไปในพื้นที่ล่าสัตว์อสูรแล้ว พวกเขาก็พร้อมก้าวไปข้างหน้าหาประตูเคลื่อนย้ายทีละคนเช่นกัน
หลังหยางเสี่ยวเทียนเข้าสู่ประตูเคลื่อนย้าย โลกก็หมุนไปรอบๆ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนเขาถูกส่งตัวมายังพื้นที่ล่าสัตว์ ซึ่งเต็มไปด้วยทะเลทรายอันมืดมิด
ดินแดนทะเลทรายโล่งเตียนว่างเปล่า ไร้ซึ่งสีสันอย่างพืชพันธุ์พฤกษาอันมีชีวิตชีวา มีเพียงความร้อนระอุแลเงียบสงบ
ดูเหมือนว่านี่คือพื้นที่ล่าสัตว์อสูร หยางเสี่ยวเทียนคิดกับตนเอง เขาเหลือบมองดินแดนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่ยิ่งมองออกไปเบื้องหน้าไกลเท่าไร ยิ่งไร้ที่สิ้นสุด
การแข่งขันระดับสำนักแบ่งออกเป็นสองรอบ รอบแรกคือการล่าสัตว์อสูรหลังเข้าสู่พื้นที่ล่าสัตว์ ตราบใดที่เจ้าอยู่ในพื้นที่ล่าสัตว์จนรอดชีวิตเป็นเวลาสิบวัน และฆ่าสัตว์อสูรได้ครบร้อยตัว เจ้าจะผ่านรอบแรก
รอบนี้ดูเหมือนง่าย แต่จริงๆ แล้วมันอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากในพื้นที่ล่าสัตว์มีสัตว์อสูรอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งโชคร้ายอาจพบกับสัตว์อสูรที่มักมากันเป็นกลุ่ม หรืออยู่รวมกันเป็นฝูงได้ตลอด
ซึ่งหากเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรจำนวนมากเช่นนั้น แม้แต่ศิษย์ผู้แข็งแกร่งในขั้นราชันยุทธ์ ก็ยากจะหลบหนีเอาตัวรอดไปได้ง่ายๆ
หยางเสี่ยวเทียนเงยหน้ามองท้องนภาอันอึมครึมขณะตรวจสอบทิศทางของลม หลังตัดสินใจได้เขาก็กระโจนขึ้นเหนือฟากฟ้าแล้วเหินมุ่งไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่เขากำลังเหินไปข้างหน้าแต่ได้เพียงไม่นาน หยางเสี่ยวเทียนก็ปรากฏเห็นสัตว์อสูรตัวหนึ่งบินมุ่งตรงมายังเขา
ด้วยการปรากฏตัวของมันอย่างกะทันหันเช่นนี้ มาตรว่าคงหาที่ซ่อนตัวไม่ทันการ เขาจึงตัดสินใจมุ่งหน้าจัดการมันอย่างมิคิดรั้งรอ
สัตว์อสูรตัวนี้ มีความสูงหลายฉื่อ มีเกล็ดอยู่ทั่วทั้งตัวและมีเขาบนหัวดูน่าเกลียดมาก
ในพื้นที่ล่าสัตว์อสูร แน่นอนว่าต้องพบกับกลุ่มปีศาจเช่นเจ้าสัตว์อสูรนี้ ซึ่งถูกเรียกว่ายักษา หรือคืออสูรกึ่งเทพ
ยักษานั้นมีพละกำลังมหาศาล กระดูกเป็นเหล็กและยากต่อการสังหาร ความแข็งแกร่งของพวกมันแต่ละตัว เทียบเท่ากับวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์
แต่เมื่อมันมีปีกงอกขึ้นมา เหมือนยักษาที่กำลังบินเข้าหาหยางเสี่ยวเทียนอยู่นี้ นั่นแสดงให้เห็นว่ามัน มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับวิญญาจารย์ขั้นราชันยุทธ์
ขณะเจ้ายักษาตัวนั้นกับหยางเสี่ยวเทียนกำลังเข้าประจัญหน้ากันกลางอากาศ จู่ๆ ยักษาอีกสิบสี่ตัวกลับมาปรากฏขึ้นพร้อมปรี่เข้าหาเขาแต่ไกล