บทที่ 225 ต้นไม้สูงใหญ่ย่อมต้องแรงลม
แม้จะเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่ท้องถนนในเมืองหลวงก็ถูกอันแน่นไปด้วยผู้คนที่ทั้งเดินทางเข้าชมแลเข้าร่วมการแข่งขัน
สำหรับผู้คนในอาณาจักรเสินไห่ การแข่งขันระดับสำนักมีความสำคัญกว่าการแข่งขันหลอมโอสถระดับนักปรุงหนึ่งดาวมากนัก ดังนั้น คนจากตระกูลหลักพร้อมศิษย์ของสำนักทั้งหมดในอาณาจักรเสินไห่จึงล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
หยางเสี่ยวเทียนมองไปรอบๆ ซึ่งเห็นเพียงกลุ่มฝูงชนมืดมนทอดยาวไปจนสุดสายถนน
แต่เมื่อหยางเสี่ยวเทียนและกลุ่มคนของเขากำลังจะออกจากลานสำนักเสินเจี้ยนสาขารอง ทหารรักษาการณ์ประจำวังหลวงในชุดเกราะหนักกลุ่มใหญ่ กลับวิ่งมุ่งหน้ามาหาพวกเขาอย่างเป็นระเบียบ
“คุณชายหยางเสิน เมืองหลวงมีผู้คนหนาแน่น ฝ่าบาทจึงสั่งให้ข้าพเจ้านำทหารรักษาการณ์รับรองคุณชายหยางเสินเข้าพระราชวัง” หัวหน้าองครักษ์เดินเข้าหาหยางเสี่ยวเทียนพร้อมโค้งคำนับด้วยเคารพ
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่หัวหน้าองครักษ์กล่าวว่านำบรรดาทหารรักษาการณ์ประจำวังหลวง เพื่อมาต้อนรับหยางเสี่ยวเทียนพร้อมคนอื่นๆ เข้าวังหลวง ผู้คนที่ผ่านไปมารอบตัวพวกเขาก็พานตกตะลึง
บุคคลมีอำนาจในอาณาจักรเสินไห่ทั้งหมด คาดว่ามีเพียงหยางเสี่ยวเทียนเท่านั้นที่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นเกียรติเช่นนี้
หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้า จากนั้น เหล่าทหารรักษาการณ์ประจำวังหลวงจึงเดินนำเปิดเส้นทางให้แก่เขาพร้อมกับคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปยังพระราชวัง
ครั้นมีเหล่าทหารรักษาการณ์ประจำวังหลวงคอยเปิดเส้นทางให้ การเดินทางเข้าพระราชวังที่ดูจะยุ่งยากในตอนแรกจึงราบรื่นไปด้วยดี
ภายในกลุ่มฝูงชน ศิษย์ทุกคนจากสำนักยวินฮุยรู้สึกไม่ชอบใจนัก เมื่อเห็นหยางเสี่ยวเทียนถูกปรนนิบัติรับใช้เช่นนี้ นับเป็นการสนับสนุนให้เขาผยองพองขนได้อย่างมิมีใครกล้าแย้งและวางตัวจองหองจนน่าสะอิดสะเอียนขึ้นไปอีก
เติ้งอี้ชุนเอ่ยขึ้นอย่างริษยา “หากมิใช่เพราะเขามีน้องสาวผู้วิเศษ คิดหรือว่าคนอย่างหยางเสี่ยวเทียนจะได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น”
“เขามันก็แค่คนธรรมดาสามัญในตระกูลหยาง” เติ้งอี้ชุนกล่าวเสริม
ไฉ่ห่าวมองดูท่าทีอันชื่นมื่นของหยางเสี่ยวเทียนตรงหน้า เขาก็แอบลอบส่ายศีรษะและพลางนึกอยู่ในใจ ต้นไม้สูงใหญ่ย่อมต้องแรงลมเป็นธรรมดา* ยิ่งหยางเสี่ยวเทียนหยิ่งผยองมากเท่าไร การเอาชีวิตรอดในพื้นที่ล่าสัตว์อสูรก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
เพราะมีทหารรักษาการณ์ประจำวังหลวงคอยเปิดทางให้ หยางเสี่ยวเทียนและคนอื่นๆ จึงมาถึงจัตุรัสพระราชวังโดยไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น
ซึ่งหลังพวกเขาทำหน้าที่เสร็จ เหล่าทหารรักษาการณ์ประจำวังหลวงก็โค้งคำนับพร้อมจากไป
ภายในจัตุรัส วิญญาจารย์บางตระกูลและศิษย์จากบางสำนักก็ต่างมาถึงกันแล้ว ซึ่งหลายคนที่ได้พบหยางเสี่ยวเทียนก็ออกมาต้อนรับเขาด้วยความยกย่องชื่นชม
บางคนประจบสอพลอยกย่องสรรเสริญด้วยหวังผลประโยชน์จากภายภาคหน้า
บางคนก็เคารพนับถืออย่างบริสุทธิ์ใจ ส่วนบางคนก็ปลาบปลื้มจนหมายได้ครอบครองกายใจ
ซึ่งแน่นอน ว่ามีบางคนหวังให้หยางเสี่ยวเทียนหายไปในพื้นที่ล่าสัตว์อสูรอย่างมิต้องสงสัย
หลังจากนั้นไม่นาน เฉิงหลง หูซิง เฉิงเป้ยเป้ย พร้อมคนอื่นๆ ก็มาถึง
นับตั้งแต่การแข่งขันหลอมโอสถระดับนักปรุงโอสถหนึ่งดาว เฉิงเป่ยเป่ยก็ดูมีท่าทีมาดมั่นเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มักอยู่ในสีหน้าและอากัปกิริยาดื้อรั้น
และตัวนางก็ดูสูงขึ้นมาก หลังจากไม่ได้เจอกันมากว่าสองสามเดือน
แต่เมื่อประสบเห็นหยางเสี่ยวเทียนอีกครั้ง ความรู้สึกที่นางมีกลับพานสับสนซับซ้อน ไม่รู้ต้องปฏิบัติตนเช่นไร
หลินหยงดูไม่ชอบใจนัก ครั้นเห็นหูซิงและเฉิงหลงอยู่ด้วยกัน เขาเคยตำหนิศิษย์เขาอย่างหูซิง โดยปรามให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเฉิงหลง ค่อยๆ ลดการพบปะกันน้อยลงในอนาคต แต่สิ่งที่หูซิงทำ กลับทำหูทวนลมไม่ยอมรับฟังคำกล่าวตักเตือนจากเขา
ซึ่งดูเหมือนหูซิง จะมั่นใจว่าตนต้องชนะสิบอันดับแรกในการแข่งขันระดับสำนักครานี้แน่นอน และเมื่อผ่านการทดสอบจนเข้าร่วมสำนักเทียนโต้วสำเร็จ คำกล่าวตักเตือนจากผู้เป็นอาจารย์ จึงไม่จำเป็นต้องคำนึงอีกต่อไป
“หูซิง มานี่เสีย!” หลินหยงตะโกน
หูซิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และยังคงสนทนาพร้อมหัวเราะกับเฉิงหลงต่อ โดยมิสนใจ
แต่เมื่อหลินหยงเอ่ยเป็นครั้งที่สอง เขาถึงเดินเข้าหาอย่างช้าๆ พร้อมเก็บสีหน้าความไม่สบอารมณ์แม้นจะยังเห็นได้ชัดอยู่ก็ตามที
“ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์ มีสิ่งใดให้ข้าทำหรือขอรับ” หูซิงเอ่ยถามอย่างเอื่อยเฉื่อย
ครั้นหลินหยงเห็นการปรากฏตัวของหูซิงกับเฉิงหลง เขาก็พลันไม่สบายใจพร้อมกล่าวห้ามปรามอีกครั้งด้วยสีหน้าแลน้ำเสียงเคร่งครัด
“ข้าเตือนเจ้าหลายครั้งแล้วมิใช่หรือ ให้อยู่ห่างจากเฉิงหลง”
หูซิงแสร้งยิ้ม ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างลำพอง “ท่านอาจารย์ ข้าจะคบหาผู้ใดมันก็เรื่องของข้า ท่านไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายชีวิตข้า”
จากนั้นทำทีเกาหูอย่างเมินเฉย พร้อมเปลี่ยนเรื่องทันที “ท่านวางใจเถอะ หากข้าเข้าสู่พื้นที่ล่าสัตว์อสูรเมื่อไร ข้าจะคอยปกป้องและดูแลท่านเจ้าตำหนักหยางอย่างดี ครั้นข้าได้พบท่านเจ้าตำหนักหยาง”
“เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายใดเลยแม้แต่รอยขีดข่วน”
ประโยคนี้ หูซิงตั้งใจเปล่งเสียงออกมาเพื่อให้ผู้คนโดยรอบได้รับทราบกันอย่างถ้วนทั่ว ซึ่งหวังสร้างความอับอายแก่หยางเสี่ยวเทียนพร้อมผู้เป็นอาจารย์เช่นหลินหยง
หยางเสี่ยวเทียนมองหลินหยงผู้ขณะนี้ มีท่าทีกระดากอายต่อสิ่งที่หูซิงตั้งใจทำจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ด้วยความจริง เขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยหยางเสี่ยวเทียน หลังทราบว่าเจ้าตำหนักจะเข้าร่วมการแข่งขัน จึงเอ่ยปากร้องขอหูซิงให้คอยปกป้องดูแลเมื่อทั้งคู่เข้าสู่พื้นที่ล่าสัตว์อสูร ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีอันตรายที่ไม่ใช่แค่สัตว์อสูรเท่านั้นคิดทำร้ายเขา