ตอนที่ 43 ตัวเอกชายคนใหม่
ตอนที่ 43 ตัวเอกชายคนใหม่
ทั้งสองเดินทางกันแบบสบายๆ ไม่ยุ่งยากนักโดยพาองครักษ์คือถูเซิ่งหนานไปด้วยเท่านั้น
เมืองหลวงมีความเจริญรุ่งเรืองตามธรรมชาติ โดยมีขุนนาง ชนชั้นสูงและพ่อค้าอยู่ตามท้องถนน
ในตอนต้นของการประดับโคม ถนนเส้นยาวเต็มไปด้วยสีสัน อาบไล้ด้วยความงดงามมีชีวิตชีวา ทำให้ผู้คนในเมืองหลวงแห่งนี้มีชีวิตเหมือนภาพวาด
ในตลาดของเมืองหลวงจะสามารถพบเห็นสินค้าพิเศษจากทั่วทุกแห่งในต้าซาง แม้แต่สินค้าพิเศษของเผ่ามังกร เผ่าหงส์และสินค้าจากต่างชาติ เช่น อีกาทองก็มีจำหน่ายเช่นกัน
ในโลกนี้ เมืองหลวงของต้าซางเป็นศูนย์กลางของโลกจริงๆ
ทั้งสองเดินผ่านตลาดที่มีเสียงดัง ถังซืออวิ๋นหันไปมองซูอันโดยอัตโนมัติ นางมองซูอันที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับระลอกคลื่นในใจ
นางและคุณชายเหมือนเป็นคู่รักที่ออกมาเดินเที่ยวด้วยกันเลย
เมื่อเดินผ่านหัวมุมถนนก็มีเสียงดังเกิดขึ้นตรงหน้า
“ดี เป็นกวีที่ดี!”
“อีกบท!”
“คุณชายตู้ไม่ไหวแล้วกระมัง”
หลังจากสอบถามแล้วจึงรู้ว่าตรงหน้ากำลังมีการประชันกวีอยู่
เป็นบุตรชายโง่เขลาของตระกูลเฉินและคุณชายจวนรองเสนาบดีตู้ที่กำลังประชันกวี
ซูอันเริ่มสนใจบ้างเช่นกัน เมื่อถูเซิ่งหนานเปิดทาง ชาวบ้านคนอื่นๆ หลีกทางให้โดยไม่รู้ตัวและทั้งสองเดินตรงไปด้านหน้า
“เฉินเฟิง! ถ้าเจ้าประพันธ์กวีรักในฐานะพระภิกษุได้ ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นผู้ชนะ!”
ใจกลางฝูงชน คุณชายตู้หนึ่งในสองตัวเอกของการประชันกวีกำลังกัดฟันกรอด
“เป็นพระภิกษุแล้วจะประพันธ์กวีรักได้อย่างไร?”
“คุณชายตู้กำลังทำให้คนอื่นลำบากใจหรือเปล่า?”
รอบด้านมีเสียงพูดคุยกันมากมาย พวกเขารู้สึกเขินอายกับหัวข้อนี้และทุกคนตำหนิคุณชายตู้
พุทธศาสนาเป็นที่นิยมในทะเลทรายซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของต้าซาง แม้ว่าพุทธศาสนาจะไม่เป็นที่นิยมในต้าซาง แต่พวกเขายังมีความเข้าใจเรื่องพระภิกษุอยู่บ้าง
พุทธศาสนาเน้นหลักคำสอนที่ว่าสัมผัสทั้งหกบริสุทธิ์และธาตุทั้งสี่นั้นว่างเปล่า
จำเป็นต้องตัดความปรารถนาในสุรา นารี พาชี กีฬาบัตรและไม่มัวเมาในการฝึกตนแบบสุดโต่ง การรับภรรยาถือเป็นการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์อย่างยิ่ง
การให้พระภิกษุประพันธ์กวีรักเท่ากับให้ขันทีเข้าห้องเจ้าสาวไม่ใช่หรือ?
แต่คุณชายตู้กลับยึดมั่นที่จะละทิ้งประเด็นนี้และจ้องมองเฉินเฟิงด้วยความกดดัน
“จะยากแค่ไหนเชียว!” เฉินเฟิงได้ยินหัวข้อนี้แล้วยิ้มเย่อหยิ่ง
“เจ้าอย่าเพิ่งปากเก่ง!” คุณชายตู้ไม่เชื่อว่าจะมีคนประพันธ์กวีรักในฐานะพระภิกษุได้
เฉินเฟิงมองคุณชายตู้ด้วยความดูถูก ก็แค่คนไม่มีความรู้คนหนึ่ง
เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและเริ่มเอื้อนเอ่ย
“ครั้งหนึ่งข้ากังวลหากสักวัน ข้าฉับพลันตกไปในหลุมรัก วิถีแห่งศรัทธาคงแตกหัก ต้องหนีรักเร้นกายในป่าแทน” จากนั้นเขาก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าว คิดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ
“ต้องละทิ้งนางในดวงใจข้า หญิงใบหน้างดงามสุดหวงแหน จักมีทางใดไม่ถูกดูแคลน ในอ้อมแขนอยากศรัทธาพร้อมรักนาง”
เกิดความเงียบขึ้นโดยรอบบริเวณนั้น
เหมือนถูกกดปุ่มแช่แข็งและไม่มีใครพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง
ไม่กี่อึดใจต่อจากนั้น
“ยอดมาก! ยอดเยี่ยมมาก!”
ท่ามกลางฝูงชน ผู้อาวุโสตัวสูงผอมแผ่นหลังตั้งตรงในอาภรณ์สีเขียวเป็นคนแรกที่เอ่ยชื่นชม “ศรัทธาต่อความเชื่อ ยึดมั่นในความรัก ดี ดีมาก!”
“ไม่สนใจแม้ธารน้ำฉินที่ไหลมาจากฟ้า แต่ยึดมั่นในการดำเนินตามศรัทธาและความรัก เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะด้านบทกวีที่แท้จริง”
แม่น้ำฉินเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในต้าซาง มันไหลผ่านหลายมณฑลและไหลผ่านเมืองหลวงด้วย
กลุ่มคนจำได้ว่าอาวุโสคนนี้เป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จากสำนักบัณฑิตไป่ชวนและต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อได้ยินคำชมของเขา
“ประพันธ์กวีได้เพียงสี่ก้าว! แค่สี่ก้าวเท่านั้น!” บางคนถึงขั้นประหลาดใจกับเวลาที่เฉินเฟิงใช้ในการประพันธ์กวี
ราชวงศ์ต้าซางอันยิ่งใหญ่ดำรงอยู่มานานกว่า 100,000 ปีและมีกวีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ถึงกระนั้นบทกวีที่เฉินเฟิงประพันธ์น่าทึ่งยิ่งนัก
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีอายุแค่ยี่สิบเท่านั้น!
อัจฉริยะ อัจฉริยะตัวจริง!
ไอ้หมอนี่ดี เป็นตัวเลือกที่ดี!
ดวงตาของซูอันวาววับเมื่อได้เห็นภาพนี้ เกรงว่าจะได้เก็บเกี่ยวกุยช่ายชุดใหม่แล้ว!
โลกนี้เต็มไปด้วยตัวเอกจริงๆ
เฉินเฟิงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าหมาย เพราะมัวแต่ภูมิใจและเพลิดเพลินกับคำสรรเสริญจากคนรอบข้าง เขามองคุณชายตู้ด้วยความดูแคลน
ในสมองของเขาสะสมบทกวีห้าพันปีไว้ทั้งหมด แล้วคนท้องถิ่นจากอีกโลกนี้จะรู้บทกวีที่เทียบกับกวีของเขาได้อย่างไร
จากหางตาของเขาจึงมองเห็นถังซืออวิ๋นยืนอยู่ข้างหน้าฝูงชน ทันใดนั้นดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้น
อาภรณ์สีเหลืองทำให้นางดูสดใสมาก นางเป็นผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ สวยกว่านักแสดงหญิงในชาติก่อนมาก และการถูกจ้องมองโดยหญิงงามเช่นนี้ยิ่งทำให้เขาภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
“ตู้เปิ่นตู้ เจ้าแพ้แล้ว รีบคุกเข่าลงขอโทษแล้วเห่าเหมือนสุนัขสามครั้งสิ”
“เฉินเฟิง อย่ารังแกกันมากเกินไป!” คุณชายตู้หน้าแดงแล้วหันหลังเดินหนี
ซูอันหยุดประเมินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อ เนื่องจากถูกตัวเอกชายตบหน้ากลางที่สาธารณะเช่นนี้ คุณชายตู้จึงไม่น่าจะมีความสำคัญต่อเขา
สิ่งสำคัญในวันนี้คือการพาถังซืออวิ๋นมาเดินเล่น ส่วนข้อมูลของตัวเอกชายจะถูกส่งไปยังคนของหน่วยบุปผามรณะเพื่อตรวจสอบก่อน
เพราะเขาไม่ต่อสู้หากยังไม่ได้เตรียมตัว
ถ้าเจ้าโง่ตระกูลเฉินเป็นอีกหนึ่งตัวเอกค่อยลงมือ
“คุณชาย ชายที่ชื่อเฉินเฟิงมีอะไรผิดปกติหรือเจ้าคะ?” ถังซืออวิ๋นยังรู้สึกว่าบทกวีมีความไพเราะ แต่นางกังวลกับทัศนคติของคุณชายมากกว่า
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เป็นเวลาของพวกเรา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น” ซูอันจับมือของถังซืออวิ๋นแล้วประสานนิ้วไว้ด้วยกัน
หัวใจดวงน้อยของถังซืออวิ๋นเต้นรัว นางไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว
นางเดินตามซูอันไปข้างหน้าทีละก้าว
หลังจากบังคับให้ตู้เปิ่นตู้ขอโทษและแสร้งทำเป็นว่าตนเย็นชา เฉินเฟิงก็ส่ายหัวด้วยท่าทางหล่อเหลาและมองไปทางฝูงชนอีกครั้ง แต่หญิงสาวที่ดูเหมือนนางฟ้าไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกแล้ว
เขาจึงชะเง้อมองออกไปนอกฝูงชน เพียงเพื่อจะได้เห็นว่าหญิงคนนั้นจากไปแล้ว นางยังมีท่าทางเขินอายเพราะถูกชายคนหนึ่งกุมมือไว้ ประเด็นสำคัญที่สุดคือผู้ชายคนนั้นดูหล่อกว่าเขา
ใบหน้าของเฉินเฟิงมืดลงทันที อารมณ์ดีๆ ที่เสแสร้งนั้นหายไปด้วย
นางดูเป็นผู้หญิงไร้วิสัยทัศน์แม้ว่าจะสวยมาก เพราะแทนที่นางจะเข้ามาเอาใจเขาซึ่งเป็นนักกวีสี่ก้าว นางกลับเดินตามคนท้องถิ่นที่มีหน้าตาหล่อเหลา
ไม่มีวิสัยทัศน์!
……
“ไม่รู้ว่าเจ้าโง่ตระกูลเฉินคิดอะไรอยู่ เขาพ่นแต่คำพูดหยิ่งผยองออกมาจนสุดท้ายลงเอยด้วยกันแข่งขันกับตู้เปิ่นตู้คุณชายตระกูลตู้เพื่อแย่งถุงหอมของหญิงนางโลม”
เมื่อกลับจวนโหวและอ่านข้อมูลที่หน่วยบุปผามรณะรวบรวมไว้ในมือ ซูอันจึงถอนหายใจว่าได้เจอคนที่สมควรเป็นตัวเอกแล้ว
เฉินเฟิงเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากเขาได้รับความกระทบกระเทือนตอนอยู่ในครรภ์ ทำให้จิตวิญญาณของเขาไม่สมบูรณ์ หลังคลอด เขากลายเป็นคนโง่และไม่มีหมอชื่อดังคนใดรักษาได้ เขาจึงกลายเป็นคนโง่ที่โด่งดังในเมืองหลวง จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อนเขากลับมาเป็นปกติและพูดได้ชัดถ้อยชัดคำ
ตัวเอกที่มีภูมิหลังตามแบบพล็อตนิยายทั่วไปคนนี้จัดการได้ง่ายมาก
ทว่าตัวเอกคนนี้ไม่เหมือนนางกำนัลและขันทีในวังคนก่อนๆ ที่ไม่มีภูมิหลัง เพราะบิดาของเขาคือเฉินลี่แม่ทัพแห่งไหวฮว่า ซึ่งมีเกียรติในหมู่ทหารและยากที่จะสังหารเขาโดยตรง
เมื่อพูดถึงเฉินลี่แล้วซูอันยังจดจำได้ว่าคนผู้นี้เหมือนจะเคยเป็นผู้สนับสนุนองค์ชายใหญ่มาก่อน บางทีเขาอาจจะเริ่มจากประเด็นนี้ได้
ซูอันนั่งอยู่ในจวนโหวพลางเพลิดเพลินกับการปรนนิบัติของเยี่ยหลีเอ๋อร์ ขณะเดียวกันเขาก็คิดหาวิธีปั้นตัวเอกคนใหม่นี้ขึ้นมา
……
ความจริงที่ว่าเฉินเฟิงประพันธ์กวีได้ในสี่ก้าว ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง นอกจากนี้ ยังได้รับคำชมจากนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จากสำนักบัณฑิตไป่ชวนว่าเฉินเฟิงมีพรสวรรค์ด้านกวีที่ปรากฏเพียงครั้งเดียวในรอบห้าร้อยปี ซึ่งทำให้เรื่องนี้ยิ่งน่าตกตะลึง
มีบางคนบอกว่าเฉินเฟิงเคยโง่เขลามาก่อน แต่บัดนี้สวรรค์ประทานวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ให้เขาแทน
แต่มีบางคนบอกว่าเมื่อก่อนเฉินเฟิงแค่แกล้งโง่ ความจริงแล้วเขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้
บัดนี้จึงมีแต่คำพูดเกี่ยวกับเฉินเฟิงทั่วเมืองหลวง