ตอนที่ 42 ฝึกควบรวมแทนการนอนหลับ
ตอนที่ 42 ฝึกควบรวมแทนการนอนหลับ
เสียงหยอกล้อของหงเสาดังขึ้นนอกห้อง ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงชักกระบี่ของชิงหลิง
จักรพรรดินีดึงสายตากลับมามองซูอันอีกครั้งพร้อมถามด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวอันจื่อ ได้ยินว่าเจ้าได้รับสิ่งดีๆ มากมายจากการเดินทางครั้งนี้!”
ถ้านางไม่ได้เห็นกระบี่ยาวที่ชิงหลิงถืออยู่ นางคงถูกเสี่ยวอันจื่อหลอกสำเร็จ
กระบี่ยาวซึ่งเป็นอาวุธเต๋าของชิงหลิงนั้นมีค่ามาก ชิงหลิงไม่ต้องการเก็บไว้ในแหวนจัดเก็บด้วยซ้ำ แต่มักจะพกกระบี่ยาวติดตัวไว้ข้างนอกเสมอ แทบไม่เคยวางมือออกห่าง นางจึงรู้ว่ากระบี่เล่มนี้ซูอันเป็นคนให้มา
ระยะนี้เสี่ยวอันจื่อมีเสน่ห์มากขึ้น!
ฟุ่มเฟือยมากด้วย!
สามารถมอบอาวุธเต๋าเป็นของขวัญได้ จักรพรรดินีรู้สึกขมขื่นในใจยิ่งนัก
หลายปีมานี้ เขาไม่เคยให้ของขวัญนางเลย
ซูอันได้ยินแล้วหัวใจสั่นไหว
โชคดีที่เขาเตรียมตัวไว้แล้ว
เขาปล่อยมือข้างหนึ่งด้วยท่าทางใจเย็น แต่มืออีกข้างยังไม่ผละออก
“ฝ่าบาท กระหม่อมโชคดีที่ได้รับมรดกจากผู้อาวุโสหยวนเสินในตงโจว เป็นทรัพย์สมบัติมากมายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจึงเลือกด้วยความระมัดระวัง เลือกด้วยความรอบคอบ คัดสรรมาอย่างดี…”
“ในที่สุด ในที่สุดกระหม่อมก็พบอาวุธวิเศษที่แทบจะไม่คู่ควรกับฝ่าบาทเลย แต่กระหม่อมคิดว่าการให้ของขวัญขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้ให้ กระหม่อมจึงเก็บมันไว้กับตัวและหาโอกาสถวายพ่ะย่ะค่ะ”
“เมื่อครู่กระหม่อมคิดถึงฝ่าบาทจนเกินไป จึงทำให้ลืมเรื่องของขวัญไปเลย”
ขณะที่ซูอันพูดก็มีปิ่นหยกสีแดงล้ำค่าปรากฏบนมือของเขา
ปิ่นปักผมมีสีแดงก่ำและโปร่งแสง แกะสลักลายดอกบัว ดูเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน แต่มีค่าและสง่างาม
สิ่งที่มีค่ามากกว่าคือปิ่นนี้มีพลังวิญญาณอ่อนๆ เพราะเป็นตัวอ่อนของสมบัติวิญญาณ!
ตัวอ่อนของสมบัติวิญญาณเป็นอาวุธเต๋าระดับสูงที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นสมบัติวิญญาณ วัสดุที่ใช้มีความพิเศษ หากขัดเกลาด้วยความเหมาะสมอาจกลายเป็นสมบัติวิญญาณที่แท้จริงได้ในอีกหนึ่งร้อยปีเท่านั้น
เมื่อเทียบกับอาวุธเต๋าทั่วไป มันจึงมีค่ามากกว่าสุดๆ
แม้กระทั่งในมุมมองของเครื่องประดับ ปิ่นปักผมนี้ยังงดงามมากเช่นกัน
“เจ้าคิดรอบคอบจริงๆ” จักรพรรดินีมีความสุขมากจนยิ้มไม่หุบ
ไม่ใช่ว่านางสนใจตัวอ่อนของสมบัติวิญญาณ แต่นางมีความสุขที่ของขวัญของนางมีระดับที่สูงกว่าของชิงหลิง
ไม่จำเป็นต้องหาคำอธิบายให้ความรู้สึกนี้
เพราะแม้แต่จักรพรรดินีของแผ่นดินยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงความอิจฉาได้
“ฝ่าบาท กระหม่อมปักให้พระองค์นะ” ซูอันถือโอกาสพูด
เขาปล่อยมืออีกข้างที่เหลือและลุกขึ้นไปนั่งข้างจักรพรรดินีบนเตียง
ระยะห่างนี้จึงสามารถสัมผัสถึงอุณหภูมิร่างกายของกันและกันได้ชัดขึ้น
“ข้ารู้สึกว่าเจ้าทำตัวเกเรมากขึ้นทุกที!” จักรพรรดินีเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
เขากล้าปีนขึ้นเตียงของนางโดยไม่ได้รับอนุญาต ช่างหน้าด้านไร้ยางอาย!
แม้จะพูดเช่นนี้ นางก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงหรือถีบซูอันออกไป แต่นางกลับรอเงียบๆ ให้ซูอันช่วยปักปิ่นให้
ซูอันใช้มือเกี่ยวเส้นผมนุ่มลื่นของจักรพรรดินี จากนั้นรีบรวบมวยผมของจักรพรรดินีและปักปิ่นให้นาง
ส่วนเหตุผลที่เขาดูเชี่ยวชาญมาก เพราะเขาทำการบ้านล่วงหน้ามาแล้ว
“งามมาก!”
เขาชื่นชมจากก้นบึ้งของหัวใจ
การแสดงออกของนางแข็งแกร่งและตรงไปตรงมา ผิวกายที่ละเอียดอ่อนแม้กระทั่งกระดูก จมูกเชิดรั้น ดวงตาหงส์หรี่ลงเล็กน้อย มีเสน่ห์แบบเด็กสาวในความสง่างาม ราวกับเทพธิดาได้ลงมายังโลก
แม้ว่าเขาจะได้เห็นใบหน้านี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ยังสามารถทำให้เขาประหลาดใจได้เสมอ
มุมปากของจักรพรรดินีโค้งขึ้นเล็กน้อย “เอาล่ะ เก็บคำเหล่านี้ไว้ใช้กับสาวน้อยพวกนั้นดีกว่านะ”
“ไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ เฉพาะเมื่อกระหม่อมได้เห็นฝ่าพระบาทเท่านั้น กระหม่อมถึงได้รู้ว่าหญิงงามที่สุดในโลกหน้าตาเป็นอย่างไร คำว่างดงามเตรียมไว้สำหรับฝ่าบาทเท่านั้น” ซูอันชื่นชมด้วยใจจริง
“เอาล่ะ เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว ข้าจะพักผ่อน” เมื่อได้ยินเช่นนั้นจักรพรรดินีจึงพอใจมาก มันได้ผลมากจริงๆ
แม้มีหลายคนที่ยกยอนาง แต่หลังจากที่นางกลายเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าซาง ไม่มีใครกล้าชมนางด้วยความเปิดเผยเช่นนี้ ซึ่งความจริงนางไม่สนใจคำชมของคนอื่นเลย
แต่ซูอันแตกต่างออกไป
ในอดีต เมื่อซูอันเห็นนางก็เหมือนเห็นผีและเขาหวาดกลัวแทบตาย เขาถึงขั้นแอบเรียกนางว่านางยักษ์ แต่เมื่อนางรู้ก็จะทุบตีเขาอย่างแรง
เขาไม่เคยชมนางว่าดูดีแค่ไหน มีแต่คำพูดที่แข็งกร้าว
ตอนนี้ซูอันซึ่งพูดจาแข็งกร้าวมาโดยตลอด ‘ยอมศิโรราบ’ เขาเอ่ยชื่นชมความงามของนางอย่างตรงไปตรงมา และคงไม่มีใครจินตนาการถึงความภาคภูมิใจที่จักรพรรดินีรู้สึกอยู่ตอนนี้ได้
ถ้าไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ นางอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
……
หลังจากทูลลาจักรพรรดินีแล้วเดินออกจากห้องบรรทม ซูอันจึงพบกับสายตาขุ่นเคืองของหงเสา
ฝ่าบาทและชิงหลิงต่างได้รับของขวัญ แล้วนางเล่า?
อาวุธเต๋าอาวุธเวทก็หายากสำหรับนาง!
“อะแฮ่ม พี่หงเสา แม้ข้าจะลืมใครได้ แต่ไม่สามารถลืมเจ้าได้!”
ซูอันพลิกฝ่ามือของตน ปรากฏกำไลข้อมือวงเล็กในฝ่ามือนั้น
นี่คืออาวุธเวทที่เรียกว่ากำไลข้อมือเฉียนคุน นอกจากนี้ยังเป็นอาวุธเต๋าที่เป็นสิ่งอัศจรรย์ในการดักจับและปราบปรามผู้คน
เมื่อพิจารณาว่าหงเสามักไม่ได้ใช้อาวุธ ซูอันจึงเตรียมสิ่งนี้ไว้ให้นาง
“ฮ่าฮ่า เสี่ยวอันจื่อ ความรักที่พี่สาวมีต่อเจ้าไม่สูญเปล่าจริงๆ” หงเสาหยิบกำไลข้อมือด้วยรอยยิ้มแล้วสวมไว้บนข้อมือเรียวยาวของตนทันที
ปลายนิ้วทั้งสิบเรียวเล็ก ข้อมือเหมือนรากบัวสีขาว มือของพี่หงเสาสมบูรณ์แบบกว่ามือของนางแบบมือเหล่านั้นในชาติที่แล้ว กล่าวอีกนัยคือไร้ที่ติ
เป็นมือที่สามารถจับเล่นได้ไม่รู้เบื่อ
หงเสาใช้มือหยกทั้งสองข้างบีบแก้มของซูอันเบาๆ และขยับหัวของเขาเข้ามาใกล้มากขึ้น
“เสี่ยวอันจื่อ ในอนาคตโปรดมาพบพี่สาวในวังบ่อยๆ นะ”
ลมหายใจอุ่นๆ พัดผ่านใบหน้าของซูอันพร้อมกลิ่นหอมจางๆ ซึ่งนับแต่นั้นมาคำว่า ‘หายใจออกเหมือนกล้วยไม้’ พลันนึกเห็นเป็นภาพอยู่ในใจ
เมื่อเผชิญหน้ากับพี่หงเสาผู้แข็งแกร่ง ซูอันไม่สามารถแข็งแกร่งได้เท่ากับที่เขาปฏิบัติต่อชิงหลิงหรือเยี่ยหลีเอ๋อร์
หลังออกจากตำหนักไท่หยวน ซูอันก็คิดเรื่องหนึ่งได้จึงหันกลับไปที่ตำหนักฉือหนิงเพื่อเข้าเฝ้าหมู่โฮ่วและแสดงความกตัญญู
เพราะครั้งนี้หน่วยบุปผามรณะที่หมู่โฮ่วยกให้นั้นช่วยเขาได้มากจริงๆ
นอกจากนี้ยังมีคำพูดที่เต็มไปด้วยความกังวลว่า ‘นอกเมืองหลวงนั้นอันตรายมาก’ ‘เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี’ ซูอันรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก
เมื่อได้รับของขวัญจากซูอันแล้ว ไท่โฮ่วรู้สึกประทับใจมากและพูดไม่ออกด้วยซ้ำ นางได้แต่พูดซ้ำๆ ว่า “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าเด็กคนนี้...”
แม่ผู้งดงามคนนี้มอบความรักให้กับซูอันมากมายจริงๆ
สุดท้ายซูอันอยู่พูดคุยกับไท่โฮ่วจนถึงกลางดึกแล้วจึงออกจากวังหลวง
หากยังคุยกันต่อไป เกรงว่าจะต้องค้างคืนในวังจริงๆ
……
เมื่อกลับถึงจวนโหว เยี่ยหลีเอ๋อร์ยังไม่เข้านอนและกำลังรอซูอันกลับมา
สำหรับผู้ฝึกตนระดับจื่อฝู่แล้วการนอนนั้นไม่สำคัญ มีผู้ฝึกตนบางคนถึงขั้นฝึกควบรวมแทนการนอนหลับด้วยซ้ำ
ซูอันไม่ได้เลวร้ายไปกว่าผู้ฝึกตนเหล่านั้น เขาจึงฝึกควบรวมอินหยางกับเยี่ยหลีเอ๋อร์จนถึงรุ่งเช้า
……
วันต่อมา
ถังซืออวิ๋นที่เพิ่งมาเยือนจวนโหวได้ไม่กี่วันก็ยังตื่นเช้ามาก
นางรู้ว่าตัวเองเริ่มฝึกฝนช้า ดังนั้นนางต้องทำงานหนักขึ้น มิฉะนั้นแม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ที่ดี แต่นางไม่สามารถตามคุณชายได้ทันหากนางไม่พยายามให้มากขึ้น
ในส่วนของความสนุกสนานนั้นนางสามารถวางมันทั้งหมดได้
“ซืออวิ๋น วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวชมเมืองหลวง” ซูอันเรียกนางมาพบและบอกนาง
“เจ้าค่ะคุณชาย” ถังซืออวิ๋นตอบรับด้วยความดีใจยิ่ง
“ว่าแต่วันนี้เจ้าว่างหรือ?” ซูอันถาม
ถังซืออวิ๋นรีบส่ายหัว “ว่างเจ้าค่ะ วันนี้ข้าน้อยสามารถอยู่กับคุณชายได้ทั้งวัน ตราบใดที่คุณชายต้องการ ซืออวิ๋นมีเวลาเสมอเจ้าค่ะ”
นางสามารถฝึกตนได้ตลอดเวลา แต่โอกาสที่จะได้ติดตามคุณชายนั้นมีไม่มาก!