ตอนที่แล้วตอนที่ 39 ลางร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41 พี่เฟย

ตอนที่ 40 ลุงอู๋


"อย่า! นั่นสําหรับคนตาย!"

ด้วยความตื่นตระหนก เกาหมิงรับพุ่งตัวเข้าหาว่านหยูตั้งใจที่จะหยุดเขาไว้ แต่ซวนเหวินกลับรั้งตัวเขาไว้ก่อน

ริมฝีปากว่านหยูถูกย้อมด้วยสีแดงที่ดูหลอกหลอน เขาค่อยๆขยับร่างกายช้าๆ ใบหน้าย่นเข้าหากัน ความเจ็บปวดฝั่งอยู่ทั่วใบหน้าของเขา คอกระตุกอย่างรุนแรง ข้าวที่เคี้ยวอยู่ผสมเลือกทะลักออกมาจากปาก "คะ-คุณ... พ-วกคุณ...."

เสียงอูุ้อี้ดังขึ้น ว่านหยูแสดงออกถึงความสับสนและเจ็บปวด สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ผ้าม่านถูกลมหนาวกระพือขึ้น! เศษกระดาษกงเต็กลอยกระจายไปทั่วห้องก่อนจางหายไป ทั้งผนังและเพดานดูเหมือนจะมีแมลงจำนวนมากคลานไปทั่วรอยแตก

ท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเหน็บนี้ ว่านหยูเปิดปากอีกครั้ง น้ำเสียงที่เปร่งออกมาเหมือนชายชราที่กำลังหลั่งน้ำตา "เสืออยู่ข้างหน้า หมาป่าอยู่ข้างหลัง ท้องฟ้าไม่ตอบ พื้นดินไม่ตอบ..."

มีบางอย่างพยายามสื่อสารบางสิ่งต่อเกาหมิงและซวนเหวิน ผ่านปากของว่านหยู

"ผีกินคน คนกินเนื้อ เนื้อกินผี!"

ริมฝีปากของว่านหยูเริ่มฉีกขาดและเลือดไหล แม้จะมีอาการบาดเจ็บที่น่าสยดสยอง แต่ว่านหยูก็ยังคนพูดวลีที่ไร้สาระต่อไป ฉากที่น่าขนลุกนี้เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โต๊ะกลมเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ชามข้าวตกลงมากระแทกพื้น

"กิน กิน อยู่ได้......" คำพูดที่คลุมเครือนี้เป็นคําพูดสุดท้ายที่ว่านหยูพูดก่อนที่จะทรุดตัวลง เกาหมิงไม่รั้งรออีกต่อไป รีบพุ่งตัวไปหาทันที

ในเวลาเดียวกัน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซวนเหวินได้เปิดประตูอีกบานที่อยู่ภายในห้อง ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นห้องไว้ทุกข์ มีรูปถ่ายคนตายและป้ายวิญญาณทั้งแปดตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย

ในภาพถ่ายขาวดำ สายตาทั้งแปดคู่กำลังจ้องมองไปที่โต๊ะกลมนอกห้อง

'ทั้งหมดคือเหยื่อในคดีฆ่ายกครัว?' ซวนเหวินสังเกตรอบๆ 'ธูปยังไหม้อยู่ มีคนมาไหว้พวกเขา?'

"เพล้ง!" เสียงชามแตกดังขึ้น เกาหมิงเริ่มกังวลว่าจะดึงดูดความสนใจจากบางสิ่ง จึงอุ้มว่านหยูพาดบ่า รีบออกจากห้อง

ขณะที่เกาหมิงกระแทกประตูออกไป แผงประตูเหล็กก็กระแทกกับใครบางคนเข้า

"อย่าเข้าใจฉันผิด! อย่าเข้าใจฉันผิด!" ลุงอู๋จับหน้าผาก แรงกระแทกทำให้เครื่องรางของขลังจำนวนมากหลุดออกจากเสื้อคลุมหนาที่ขาดรุงริ่ง กระจายไปทั่วพื้น

"ทําไมลุงถึงมาอยู่ที่นี่!" เกาหมิงผงะเล็กน้อยกับกการปรากฏตัวกระทันหัน

"อย่าเพิ่งถามอะไร รีบตามมา!" ลุงอู๋ไม่สนใจของที่ร่วงลงมา รีบกระตุ้นพวกเขาอย่างเร่งรีบ นำเกาหมิงตรงไปยังทางเชื่อมอย่างชำนาญ

เมื่อถึงอาคารบี ลุงอู๋อ้าปากสูดหายใจอย่างแรง "พวกแกกล้าหาญมาก!" เขาทรุดตัวลงกับพื้น "พวกแกรู้ไหมว่ามีฆาตกรรมเกิดขึ้นกี่ครั้งบนตึกนั้น มันเป็นอาคารห่าผี"

"ไม่ใช่ว่าลุงก็เข้าออกที่นั่นอยู่เป็นประจำ?" เกาหมิงคุกเข่าข้างลุงอู๋ "ในห้องนั้นอีก เป็นลุงใช่ไหมที่จัดพีธีไหว้ให้พวกเขา สรุปแล้วลุงเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา?!"

"ถ้าแกยอมซื้อของ แล้วฉันจะยอมบอก" ลุงอู๋ชะลอตัวลงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดอย่างจริงจัง "เชื่อฉันสิ ฉันไม่โกงแกหรอก ของพวกนี้ดีๆทั้งนั้น"

"ผมขอติดเงินลุงก่อน หลังจากออกไปจากที่นี่ผมจะจ่ายให้" ด้วยเหตุนี้เกาหมิงจึง'ยืม'เครื่องรางของขลังที่สร้างขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์สามชิ้นจากลุงอู๋ ยันต์แต่ละชิ้นถูกพับอย่างประณีตเป็นรูปสามเหลี่ยม เจาะทะลุด้วยด้ายสีแดง ห่อด้วยรูปถ่ายหั่นฝอย

"อย่าลืมจ่ายเงินล่ะ" ลุงอู๋ตบเสื้อแจ็คเก็ตที่ขาดแล้วลุกขึ้นจากพื้น "ฉันเคยเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอาคารเอ วันนั้นเอง วันที่เกิดเหตุฆาตกรรมเป็นวันที่ฉันเข้ากะพอดี"

ความอยากรู้อยากเห็นทําให้เกาหมิงถาม "ลุงเห็นอะไร?"

"แม้กระทั่งก่อนคืนโศกนาฏกรรมนั้น อาคารเอก็เริ่มมีข่าวลือน่ากลัวมากมายแล้ว ดังนั้นคนที่อาศัยอยู่ ถึงได้ติดยันต์กระดาษไว้รอบๆห้องพวกเขาเพื่อความปลอดภัย" ลุงอู๋ขอบุหรี่จากเกาหมิง "คนมากมายจากหลายภูมิภาคมารวมตัวกันทีนี่ ทุกคนมีศาสนาและพระเจ้าที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่มันเป็นแค่ไม้ค้ำยันจิตใจ แต่สําหรับบางคน... มันกลายเป็นความคลั่งไคล้"

ลุงอู๋พ่นควันออกมา ปล่อยให้ขี้เถ้าตกลงบนแจ็คเก็ตที่ฉีกขาดของเขา "พวกเขาถ่ายทอดความโชคร้ายและความเจ็บปวดของพวกเขา เพื่อวิงวอนต่อพระเจ้าของพวกเขา จนสุดท้ายพวกเขาก็กลายเป็นคนสุดโต่งไปในที่สุด"

เกาหมิงเชื่อมต่อจุดต่างๆจากเรื่องเล่าและข้อมูลที่มี "คนที่ทําให้เกิดโศกนาฏกรรมคือคนแบบนั้นใช่ไหม?"

ลุงอู๋พยักหน้า ริมฝีปากของเขาแห้งและแตกร้าวด้วยความตึงเครียด "ใช่" ลุงอู๋กลืนน้ำลายก่อนถามอย่างไม่แน่ใจ "แกเคยได้ยินเรื่องของเทพสีเลือดไหม"

สายตาของเกาหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขายังคงส่ายหัว

"ไม่เคยได้ยินก็ดี อย่าเชื่ออะไรที่แพร่ออกไปข้างนอก" ลุงอู๋ดับบุหรี่ของเขา "มีผีสองประเภทในอาคารเอ ผีชนิดหนึ่งเป็นผีชั่วร้ายและอีกประเภทหนึ่งคือผีที่ดี ส่วนเครื่องรางที่ฉันให้แกไว้ สามารถแยกความแตกต่างระหว่างพวกมันได้"

"จะบอกความแตกต่างได้ยังไง?" เกาหมิงสงสัย

"หลังจากที่แกเจอผี ให้แสดงเครื่องรางสะ ผีที่ดีจะปล่อยแกไป แต่ถ้าเป็นผีร้าย... มันจะตามแกต่อ" ลุงอู๋พูดอย่างประหม่าราวกับว่าเขาได้เห็นความน่าสะพรึงกลัวดังกล่าวโดยตรง "ฉันบอกมากพอแล้ว อย่าลืมจ่ายเงินให้ฉัน"

"ก่อนหน้านี้ ข้างนอก ลุงบอกว่าเราจะไม่รอดในคืนนี้ ลุงเห็นอะไร?"

"ใครก็ตามที่ลงจากรถสีดำแบบที่พวกแกขับมา ทุกคนจะหายไปในตอนกลางคืน นั้นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกว่าพวกแกกำลังจะตาย" ถึงลุงอู๋จะดูบ้า แต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้บ้าอย่างที่คนอื่นคิด

"รถสีดําเป็นรถพิเศษของสํานักงานสืบสวน ลุงเคยเห็นเจ้าหน้าที่คนอื่นในอาคารหรือเปล่า? พวกเขาทั้งหมดสวมชุดแบบผม" เกาหมิงต้องการทราบข่าวเพิ่มเติมจากปากของลุงอู๋ "ไม่ต้องกังวล มีหน่วยงานมากมาย ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนที่มาก่อนหน้านี้"

"ฉันไม่รู้ว่าควรพูดไหม" ลุงอู๋ลังเลก่อนจะเงียบไปนาน สุดท้ายถึงตัดสินใจพูด "หลังจากอาคารเอถูกหลอกหลอน คนพวกนั้นไม่ได้หยุดมัน แต่ฉันเห็นพวกเขาย้ายสิ่งของหลายอย่างเข้าไปในอาคารแทน ฉันเลยสงสัยว่า..... ไม่ใช่ว่าตึกนี้มีผีสิง แต่มีคนเลือกตึกนี้เพื่อเลี้ยงผี"

ขณะที่ลุงอู๋กำลังพูด สายรัดข้อมือสีดำใต้แขนเสื้อเกาหมิงก็สั่นขึ้น ลุงอู๋ตกใจเอามือปิดปากรีบดับบุหรี่ ด้วยท่าทางหวาดกลัว เขาจึงรีบถอยกลับ ปล่อยให้เกาหมิงไตร่ตรองคําพูดปริศนาของเขา

ความสนใจของเกาหมิงเปลี่ยนไปที่สายรัดบนข้อมือ มีการแจ้งเตือนภารกิจใหม่จากศูนย์หลักฮั่นไห่ ข้อความมีความชัดเจนและเร่งด่วน : ผู้ตรวจสอบทั้งหมดที่มีประสบการณ์ในการจัดการเหตุการณ์ระดับสามทุกท่าน โปรดมารายงานตัวที่ถนนซือสุ่ย ในเขตตะวันออก เวลา 22.00 น. สถานการณ์ที่ซือสุ่ยอพาร์ทเมนท์ถึงระดับวิกฤต จําเป็นต้องมีการตอบสนองอย่างเต็มที่ ไม่คํานึงถึงค่าใช้จ่าย

'คืนนี้เป็นการประลองครั้งสุดท้ายสําหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องหรือเปล่านะ?'

แม้แต่เกาหมิงซึ่งเข้าร่วมศูนย์ได้ไม่นานก็ได้รับคําสั่งเช่นกัน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ อย่างไรก็ตามหากความผิดปกติไม่ได้รับการแก้ไข ความน่ากลัวของที่นี่อาจจะเข้าขั้นหายนะ

'เราควรออกไปจากที่นี่ก่อน'

ด้านนอกตอนเย็นเริ่มตึงเครียดมากขึ้น เมื่อรถตํารวจลาดตระเวนพื้นที่ เหล่าเจ้าหน้าที่ตั้งเครื่องกีดขวางสําหรับปฏิบัติการที่กําลังจะเกิดขึ้นคืนนี้

เกาหมิงกลับไปที่ร้านเพื่อพบกับจูเหมียวเซียวและหยานฮัวอีกครั้ง ก่อนหาห้องส่วนตัวเพื่อเล่าถึงสถานการณ์ที่อพาร์ตเมนต์ให้พวกเขาฟัง

"เราสามารถยืนยันได้แล้วว่า ความผิดปกตินี้อย่างน้อยอยู่ที่ระดับสี่แน่นอนและไม่ใช่ระดับสี่แบบปกติ มีผีมากมายที่นั้น" เกาหมิงไม่แน่ใจ "คราวที่แล้วผมสามารถเอาชีวิตรอดจากความผิดปกติระดับสามได้ เพราะผีในความผิดปกตินั้นไม่ได้เป็นศัตรูกับผม แต่ครั้งนี้ผมไม่กล้ารับประกันชีวิตของทุกคนได้"

เกาหมิงมองไปที่ทุกคนก่อนพูดต่อ "คิดให้ดีก่อนที่พวกคุณจะตอบคําถามต่อไปของผม"

"แค่ถามมา" ซวนเหวินดูเหมือนจะรู้ว่าเกาหมิงต้องการถามอะไร และเธอก็มีคําตอบอยู่ในใจแล้ว

"ความน่าจะเป็นที่พวกเราจะตายในเหตุการณ์นี้มีมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าพวกคุณเต็มใจเสี่ยงกับผม ขอให้อยู่ต่อ แต่ถ้าพวกคุณไม่เต็มใจ จะขับรถกลับไปที่สํานักงานก่อนก็ได้ ผมจะไม่บังคับพวกคุณ" สีหน้าของเกาหมิงอ่อนลงเล็กน้อยหลังจากเปิดเผยความจริงนี้

ด้วยความประหลาดใจของทุกคน จูเหมียวเซียวเป็นคนแรกที่ตอบ "ฉันจะอยู่ต่อ" เธอพูดอย่างมั่นใจต่อหน้าทุกคน "ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ มันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะเผชิญหน้ากับความผิดปกติเหล่านี้"

ขณะที่คนทั่งกลุ่มกำลังตัดสินใจ ซวนเหวินก็เคาะโต๊ะขึ้นเพื่อเรียกความสนใจ "นับฉันด้วย ต้องมีคนจับตาดูคุณทั้งคู่"

หยานฮัวขมวดคิ้วก่อนพูดตัดบท "หยุดถามเรื่องไร้สาระ เราจะเคลื่อนไหวตอนไหน" ความมุ่งมั่นของเขาชัดเจน ความคิดที่จะจากไปไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลย

เกาหมิงกังวลจริงๆ "พวกคุณแน่ใจกับเรื่องนี้แน่นะ? พวกเรากำลังเข้าสู่เหตุการณ์ระดับสี่ ไม่มีแม้แต่อาวุธหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสม นี่ไม่ต่างกับการเดินเข้าหาความตายเลย!"

"ผมก็จะไปด้วย" จู่ๆว่านหยูก็รู้สึกตัวขึ้นและคว้าข้อมือของเกาหมิงไว้ "มีคนแปดคนรอผมอยู่ ...."

ด้วยการตัดสินใจอย่างเป็นเอกฉันท์จากทุกคน ในที่สุดเกาหมิงก็ตัดสินใจ "ได้ รอจนกว่าจะมืด เราจะหลีกเลี่ยงคนจากศูนย์แล้วเข้าไปจากอีกทางด้านหนึ่ง"

ช่วงเวลาก่อนเริ่มแผนการไม่กี่ชั่วโมง ทุกคนต่างหาข้อมูลให้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นคดีฆาตกรรมต่างๆ จุดที่เกิดเหตุ ตำแหน่งของห้อง การเตรียมการของพวกเขาละเอียดถี่ถ้วน โดยไม่ทิ้งโอกาสใดๆไว้ จนกระทั่งถึงค่ำ

ในขณะเดียวกันฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาหลายวันก็แสดงสัญญาณของการชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้ายังคงเป็นผืนผ้าใบที่มีเมฆหนาทึบ

มีละอองฝนโปรยปรายเบาๆ กระหน่ำกองรถยนต์สีดําที่จอดอยู่ริมถนน พื้นที่รอบๆอพาร์ตเมนต์ถูกเจ้าหน้าที่ปิดสนิท ผู้คนสามารถเข้าไปได้ แต่ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกไป

โดยพนักงานสอบสวนแต่งกายด้วยเครื่องแบบสีดําอันโดดเด่นของศูนย์สืบสวนฮั่นไห่วิ่งไปมา พวกเขาเหล่านี้คือเจ้าหน้าที่ชั้นยอดที่ถูกเรียกมาเป็นพิเศษสําหรับปฏิบัติการสําคัญในคืนนี้

ในขณะที่ชาวเมืองส่วนใหญ่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อฝนใก้ลที่จะหยุดตก ในที่สุดท้องฟ้าก็กําลังจะปลอดโปร่ง กลุ่มเจ้าหน้าที่ซึ่งซ่อนตัวจากสายตาของสาธารณชนกําลังเคลื่อนตัวมาบรรจบกันอย่างเงียบๆ เป้าหมายของพวกเขาคือทางเข้าอาคารเอ ของอพาร์ตเมนต์ซือสุ่ย

อาคารที่เป็นลางร้ายนี้เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างเงียบๆ ถึงความลึกลับและความน่าสะพรึงกลัวที่พวกเขากําลังจะเผชิญ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด