ตอนที่แล้วตอนที่ 309 สิบสองทวีป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 311 ศึกชี้ขาด

ตอนที่ 310 รากจิตปราชญ์ (ฟรี)


ตอนที่ 310 รากจิตปราชญ์

สงครามครั้งนี้ก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ถ้ามีเวลาเตรียมตัวก็คงจะดีกว่านี้

แต่ไม่สำคัญหรอกว่า มันจะเพียงพอหรือไม่

เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง กฎเกณฑ์ทั้งหมดสามารถเปลี่ยนแปลงได้

ตอนนี้ที่เขารู้สึกว่ามันยากที่จะเปลี่ยนแปลง นั้นก็เพราะเขาไม่แข็งแกร่งพอ

สงครามครั้งนี้เป็นเพียงเวทีการต่อสู้ที่สร้างขึ้นโดยจักรวาล

ถ้าเขาต้องการเปลี่ยน เขาก็ต้องเป็นจ้าวจักรวาล

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าความแข็งแกร่งของเขาอยู่เหนือจักรวาลจนถึงจุดที่เขาสามารถเปลี่ยนกฎของจักรวาลได้โดยตรง?

จ้าวจักรวาล ตำแหน่งนี้ก็จะเป็นเพียงเรื่องตลก

สิ่งที่เขาพึ่งพา มีเพียงความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเป็นจ้าวจักรวาลก็ถือเป็นวิธีการพัฒนาตนเองอย่างหนึ่ง

อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ

แต่สำหรับซูหยาง มันไม่สำคัญขนาดนั้น

ไม่ใช่ว่าซูหยางดูถูกตำแหน่งจ้าวจักรวาล แต่เขามีหนทางที่ดีกว่า

เขาจะไม่ถูกจำกัดด้วยเส้นทางเดียวนี้

ด้วยความคิดนี้ ซูหยางจึงหยุดรวบรวมเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตเป็นการชั่วคราว

น่าเสียดายที่ศิษย์ของนิกายอมตะต้าเซี่ยยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยเขารวบรวมทรัพยากรในมิติโกลาหล

มิฉะนั้น ถ้าศิษย์ในนิกายเข้ามาที่นี่ได้ แค่เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต 30,000 ล้านล้านคงจะใช้เวลาไม่นาน

จากนั้น ซูหยางทิ้งค่ายกลเคลื่อนย้ายไว้บนทวีปโกลาหลแห่งที่ 12 เมื่อเขาเข้าสู่มิติโกลาหลอีกครั้ง เขาจะมาปรากฏตัวที่นี่โดยตรง

ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางอีกครั้ง

หลังจากเตรียมการพร้อมแล้ว เขาก็กลับไปยังจักรวาลของตนผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เขาวางไว้ล่วงหน้า

เมื่อซูหยางได้ปรากฏตัว และในอีกด้านหนึ่ง ดวงตาที่ปิดสนิทคู่หนึ่งก็เปิดขึ้น

ดวงตานั้นจับจ้องไปที่ซูหยาง ทันทีที่ได้เห็นซูหยางปรากฏตัว สายตานั้นก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“น่าสนใจ สมาชิกใหม่คนนี้น่าสนใจจริงๆ เขาสามารถออกจากจักรวาลปิดได้ด้วยพลังของตัวเอง”

“ข้าควรไปพบเขาตอนนี้เลยดีไหม?”

“ช่างเถอะ เนื่องจากเขายังไม่ได้เป็นจ้าวจักรวาลก็คงต้องรอไปก่อน และสงครามอมตะยังไม่จบลง ยังมีเวลาอยู่”

หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่สักพัก เจ้าวังเทียนเล่ยก็ตัดสินใจรอ

รอจนกว่าสงครามอมตะจะจบลง

หากสามารถคว้าชัยชนะในสงครามอมตะด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองก็จะได้รับประโยชน์มากมาย

อีกอย่างหยึ่ง เพียงร้อยปีไม่ใช่เวลาที่ยาวนาน

สำหรับเขาเวลาแค่นี้ ไม่ได้ส่งผลอะไรได้มากนัก

หลังจากตัดสินใจแล้ว เจ้าวังเทียนเล่ยก็หลับตาลงอีกครั้ง และฝึกฝนต่อไป แต่ปรับเปลี่ยนวิธีเล็กน้อย และให้ความสนใจกับซูหยาง

การจับตามองนี้ ซูหยางไม่อาจรับรู้ได้หากไม่ได้เป็นจ้าวจักรวาล

หากซูหยางกลายเป็นจ้าวจักรวาล เขาจะรู้ได้ในทันที

ส่วนจักรวาลปิดที่ปกติไม่สามารถเข้าไปได้ล่ะ?

นั้นมันเป็นแค่ข้อห้ามสำหรับผู้ฝึกฝนธรรมดา

แค่ร้อยปี ไม่มาพอที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญระดับเขามีการพัฒนา

เมื่อมาถึงระดับนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า จู่ๆ ความแข็งแกร่งก็เพิ่มอย่างก้าวกระโดด

ความก้าวหน้าทั้งหมดเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และผ่านการสะสมอยู่ตลอดเวลา

สำหรับซูหยาง เขาไม่อาจรับรู้อะไรได้เลย เขาไม่รู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตามองอยู่

ช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายมากเกินไป จึงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกที่ซูหยางจะไม่สามารถสัมผัสสิ่งใดได้

ซูหยางจึงกลับเข้าสู่จักรวาลเดิม และกลับไปที่โลกต้าเซี่ยโดยตรง

เส้นทางโกลาหลนี้เหมือนกับประตูหลังที่จักรวาลเปิดให้เขา

มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเข้า และออกได้ตลอดเวลา

หลังจากกลับมาสู่โลกต้าเซี่ย ซูหยางก็มุ่งหน้าไปยังแดนอมตะต่อ จากนั้นก็เข้าไปสู่โลกเซียนเว่ย

เข้าร่วมสงครามอมตะอีกครั้ง

แต่ทันทีที่เขาเข้าไป ซูหยางก็ตกตะลึงเล็กน้อย

เขาจากไปสามเดือน เมื่อกลับเข้ามาให้เสียงแรกที่เขาได้ยินคือ…

[ แต้มศึก - 270,000 ]

"เกิดอะไรขึ้น?"

"เหตุใดแต้มศึกของข้าจึงลดลงมากถึงขนาดนี้"

ซูหยางเริ่มพยายามทำความเข้าใจ

ในไม่ช้าเขาก็ได้ทราบถึงกฏของสงครามอมตะ

ปรากฎว่าผู้ที่เข้าร่วมสงครามจะถูกหักแต้มศึกตามฐานการบ่มเพาะของตน หากออกไปแล้วไม่กลับเข้ามาในโลกเซียนเว่ยเกิน 1 วัน

เขารู้เรื่องนี้มาก่อนแต่เขาไม่ได้ใส่ใจกับมันนัก แต่ตอนนี้เมื่อลองคิดดูก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ตอนนี้เขาเป็นกึ่งปราชญ์ ซึ่งหมายความว่าเขาจะถูกหัก 3,000 แต้มศึกในทุกๆ วัน

เขาจากไปประมาณ 90 วัน ซึ่งเท่ากับ 270,000 แต้ม

แต่มันไม่สำคัญจะหักก็ปล่อยให้หักไป

เมื่อฆ่าเทพมารจนหมด เขาก็จะรับแต้มศึกกลับมา และจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ชัยชนะของเขาในเขตสงครามที่ 97

ไม่มีใครเอาชิงมันไปจากเขาได้!

“ข้ากลับมาแล้ว”

“เทพมารเหล่านั้นคงมีความสุขมากตอนที่ข้าไม่อยู่ น่าเสียดายที่ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นจบลงแล้ว”

ซูหยางยกมุมปากขึ้น และพึมพำกับตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปที่แดนลับโกลาหลกันก่อน ที่นั่นอาจยังคงสนามรบหลัก ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก”

ชั่วพริบตา ซูหยางก็หายตัวไปจากจุดนั้น

ในความเป็นจริง สถานการณ์ในโลกเซียนเว่ยในช่วงเวลานี้เป็นอย่างที่ซูหยางเดาไว้จริงๆ

หลังจากที่ซูหยางจากไปสักพักหนึ่ง เทพมารที่ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของเขาก็ค้นพบว่าเขาได้ออกจากโลกเซียนเว่ยไปแล้ว

เนื่องจากแต้มศึกของเขาลดลงนี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนมาก

เฉพาะเมื่อผู้เข้าร่วมสงครามออกจากโลกเซียนเว่ยเท่านั้น แต้มศึกถึงจะลดลง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ซูหยางต้องออกจากโลกเซียนเว่ยไปแล้ว!

หลังจากได้ทราบถึงสิ่งนี้ เทพมารมากมายก็มีความสุข

สุดท้าย พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัว และสามารถรวบรวมทรัพยากรได้อย่างมั่นใจ และกล้าหาญ

ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับซูหยางที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด และปรากฏตัวพร้อมกับพลังเซินเต๋าขั้นสูง

จากนั้น พวกเขาก็มีความเสี่ยงถึงชีวิต

ในอดีต มีครั้งหนึ่งที่ซูหยางได้ปกปิดร่องรอย และรอให้อสูรโกลาหลปรากฏตัว

หลังจากที่อสูรโกลาหลปรากฏตัว เขาก็ตรงเข้าไปหามัน

แต่ซูหยางกลับไม่ได้ลงมือกับอสูรโกลาหลตัวนั้น

เขาเลือกที่จะซ่อนตัว และรอคอยการมาถึงของเทพมารอย่างพวกเขา

หลังจากที่พวกเขาปรากฏตัว พลังเซินเต๋าขั้นสูงที่ควบแน่นอย่างสมบูรณ์ก็จะออกมาทักทาย

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ผู้ที่เป็นเป้าหมายไม่สามารถหลบหนีได้ และถูกสังหาร

แม้ว่าร่างโคลนของซูหยางจะถูกทำลายเช่นนี้

แต่แล้วไงล่ะ?

ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าความสามารถของซูหยางในการควบแน่นร่างโคลนนั้นโดยพื้นฐานแล้วนั้นไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมากนัก

แต่สหายร่วมเผ่าของพวกเขาตายแล้วตายเลย

สิ่งที่ซูหยางเสียก็แค่ร่างโคลนร่างหนึ่ง

เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาจะมีความสุขได้อย่างไร มันนับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่

แม้ว่าซูหยางจะเสียร่างโคลนไป มันก็เทียบกันไม่ได้

เพราะพวกเขาต้องเสียสหายร่วมเผ่าคนหนึ่งที่ตายลงไปอย่างไร้ความหมาย

ในขณะนี้ กำลังมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในแดนลับโกลาหล

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการทะลวงผ่านจากกึ่งปราชญ์ไปเป็นปราชญ์!

นอกจากจะสามารถรวบรวมพลังโกลาหลจากแดนลับโกลาหลได้แล้ว ยังมีสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่ง

นั่นคือ โอกาสที่จะทะลวงผ่านเป็นปราชญ์!

และตอนนี้ โอกาสก็มาถึงแล้ว โดยปรากฏขึ้นในเขตสงครามที่ 97!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง กึ่งปราชญ์บางคนจะสามารถทะลวงผ่านไปเป็นปราชญ์ได้

นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญที่มากพอที่จะทำให้กึ่งปราชญ์ทุกคนบ้าคลั่ง!

หลายคนติดชะงักอยู่ที่กึ่งปราชญ์ขั้นสูงสุด ไม่มีรู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

พวกเขาไม่เห็นโอกาสที่จะก้าวหน้าเลย

แต่บัดนี้ โอกาสนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว

นี่เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ก้าวไปสู่อาณาจักรใหม่!

บางที มันอาจเป็นโอกาสเดียวของพวกเขา

นั้นทำให้กึ่งปราชญ์มากมายมารวมตัวกัน

เพียงแต่มันไม่ง่ายเลยที่จะได้รับรากจิตปราชญ์ เพื่อรับโอกาสนี้

รากจิตปราชญ์นั้นจะซ่อนอยู่ในรังของอสูรโกลาหล

รังนั้นจะมีอสูรโกลาหลเป็นจำนวนมาก

ในหมู่พวกมัน มีอสูรโกลาหลระดับกึ่งปราชญ์ขั้นสูงสุดนับร้อยตัว และนี่ยังไม่ใช่กำลังรบทั้งหมด

ในส่วนลึกอาจมีอสูรโกลาหลจำนวนมากกว่านี้ที่แข็งแกร่งพอๆ กัน

ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกฝนหรือเทพมาร กลุ่มของพวกเขาได้รวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีโจมตีรังของอสูรโกลาหลเหล่านี้

ตราบใดที่พวกเขาทำได้เสร็จ กึ่งปราชญ์บางคนในกลุ่มก็จะทะลวงผ่านไปเป็นปราชญ์ได้

เทพมารหลายตนก็กำลังใช้ประโยชน์จากตอนที่ซูหยางไม่อยู่ เปิดการโจมตีเพื่อพลิกสถานการณ์ในเขตสงครามนี้

นั้นทำให้เหล่าผู้ฝึกฝนไม่มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงรากจิตปราชญ์

สิ่งนี้ทำให้ผู้ฝึกฝนหลายคนวิตกกังวล

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาจะไม่มีทางแข่งขันกับเหล่าเทพมารได้

แม้ว่าพวกเขาจะได้เปรียบเรื่องแต้มศึก แต่นั้นก็เป็นเพราะซูหยาง

ตอนนี้ซูหยางได้ออกจากโลกเซียนเว่ยไปแล้ว ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเขาไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ

ในแง่ของผู้เชี่ยวชาญระดับสูง พวกเขาก็ไม่มีความได้เปรียบเช่นกัน

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างเงียบๆ ขณะที่เหล่าเทพมารได้รับรากจิตปราชญ์ไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด