ตอนที่แล้วChapter 22 ทำสิ่งที่ถูกต้อง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 24 สอนบทเรียนให้เธอ

Chapter 23 นักศึกษามหาวิทยาลัย


หลี่ซู่ รู้สึกเซอร์ไพรสมากเมื่อรู้เข้า “อย่างนั้นเหรอคะ?”

แต่แล้วเธอก็ต้องมาทบทวนอีกครั้งว่า พวกเรายังไม่มีโทรศัพท์ที่บ้านเลย

โทรศัพท์ในเวลานี้ไม่ใช่ของราคาถูก เพียงแค่ค่าติดตั้งก็มากกว่าหนึ่งพันหยวน และยังมีค่าเช่ารายเดือนอีกราวมากกว่าสิบหยวนต่อเดือน

จี้หยวนหยวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และด้วยความพยายามอย่างยิ่ง เธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับชายคนนั้นว่า “คุณลุงคะ ที่บ้านเราไม่สามารถที่จะมีโทรศัพท์ได้ ที่หน่วยของคุณมีโทรศัพท์หรือป่าวคะ? ถ้าผักเหล่านั้นพร้อมแล้ว หนูจะให้แม่โทรไปหาคุณลุง โอเคไหมคะ”

ชายคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาก็ตอบตกลง

“ฉันชื่อจางคุน เมื่อถึงเวลานั้น คุณสามารถโทรไปที่นั่นแล้วถามหาจางคุนได้นะ”

หลังจากทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ไว้ ชายคนนั้นก็หยิบลูกพีชแล้วจากไป

เมื่อเหลือเพียงตะกร้าไม้ไผ่ที่ว่างเปล่า หลี่ซู่ ก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เธออุ้มจี้หยวนหยวนขึ้นมาแล้วเดินกลับบ้านพร้อมกับชมเธอว่า “หยวนหยวน หนูคือดวงดาวนำโชคดวงน้อยๆของแม่จริงๆเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะหนู แม่ก็คงไม่สามารถขายลูกพีชพวกนั้นได้หมดเร็วขนาดนี้หรอก”

จี้หยวนหยวนหัวเราะเบา ๆ และไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดนี้

ทางกลับบ้าน มีคนขายนมมากมายตามสองข้างทาง เพียงไม่กี่เซนต์ต่อกิโลกรัม ก็ได้นมสดแล้ว

หลี่ซู่ มีเงินมากกว่าสามสิบหยวนในมือของเธอ ดังนั้นเธอยอมกัดฟันซื้อมันมา 3 กิโลกรัม “ซื้อให้พี่รองของลูกดื่มกันเถอะ”

เมื่อทั้งสองคนกลับถึงบ้าน จี้ซีซวนและจี้ซีอังก็ตื่นขึ้นแล้ว

จี้ซีซวนกำลังทำการบ้าน ในขณะที่จี้ซีอึงกำลังเล่นรถของเล่นในห้องนั่งเล่น

เมื่อเขาเห็นหลี่ซู่และจี้หยวนหยวนกลับมา จี้ซีอังก็รีบเข้าไปหา “แม่ฮะ พี่ใหญ่เตรียมอาหารไว้แล้ว คุณหิวกันหรือยัง?”

การที่หลี่ซู่แสดงความรักต่อลูกๆของเธอมากเกินไป เธอจึงไม่เคยสอนให้ลูกๆทำอะไรด้วยตัวเองเลย ยามที่พวกเขาว่าง

ส่งผลให้เด็กๆ ไม่เคยทำอาหารด้วยตนเองมาก่อน

เมื่อเธอได้ยินว่าจี้ซีซวนทำอาหารไว้แล้ว หลี่ซู่ก็รีบไปที่ห้องครัวเพื่อสำรวจดู

เธอเห็นบะหมี่ในหม้อ ดวงตาของหลี่ซูก็เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า

เด็กอายุสิบเอ็ดปี แม้ว่ามันจะเป็นเพียงบะหมี่ธรรมดาๆ ในหม้อ แต่ก็เพียงพอที่จะขับเคลื่อนเธอได้

เพื่อที่จะระงับอารมณ์ให้เธอสงบ หลี่ซู่จึงหยิบหม้อออกมาอย่างรวดเร็วและเทนมทั้งหมดลงไป จากนั้นเธอก็เริ่มปรุงมันอย่างช้าๆโดยใช้ไฟอ่อนๆ

เธอหยิบชามอีกใบออกมาและตักบะหมี่ใส่ “ลูกทั้งสองคนกินอะไรกันหรือยังจ๊ะ”

ก้อนบะหมี่พองบวม ดูเหมือนจะสุกมาสักระยะนึงแล้ว

จี้ซีอังส่ายหน้า “ผมอยากกิน แต่พี่ใหญ่บอกว่าเราควรจะรอให้พวกคุณกลับมาก่อน”

หลี่ซูรีบตักบะหมี่แบ่งออกสำหรับสี่คนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทำไข่ลวกสามฟองให้กับเด็กทั้งสามคน

ที่โต๊ะอาหาร จี้ซีซวนยื่นไข่ลวกจากชามของเขาให้หลี่ซูอย่างเสียสละ  “แม่ กินมันเถอะ”

หลี่ซู่ มองไปที่จี้ซีซวนด้วยสายตาที่เจ็บปวดของผู้เป็นแม่  และเธอก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่

"ฉันจะต้องมีรายได้ให้มากพอและจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกๆของฉันต้องส่งไข่ไปรอบๆแบบนี้อีก"

หลังจากกินข้าวและพักผ่อนในบ้านสักพัก หลี่ซูก็ออกไปข้างนอกอีกครั้ง

ตะกร้าไม้ไผ่ดูว่างเปล่าตอนที่เธอออกไป แต่เมื่อเธอกลับเข้ามาตะกร้าไม้ไผ่ก็เต็มแล้ว

ในห้องนั้น หลี่ซูเปิดตะกร้าไม้ไผ่ออก ข้างในนั้นมีลูกไก่อยู่จำนวนหนึ่ง

“พวกมันล้วนเป็นลูกไก่ เมื่อพวกมันโตขึ้น พวกมันก็จะสามารถวางไข่ได้” หลี่ซูกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

จี้หยวนหยวนนำหลี่ซูเข้าสู่มิติพิเศษอีกครั้ง ทั้งสองคนสร้างเล้าไก่ไว้ใต้ต้นผลไม้แล้วใส่ลูกไก่ทั้งหมดลงไป

ผักที่ปลูกเมื่อวานก็งอกแล้ว ดูเหมือนว่าอีกไม่กี่วันพวกมันก็สามารถเก็บเกี่ยวได้

ในช่วงบ่าย จี้ซีซวนพาจี้ซีอัง มาทำการบ้าน ขณะที่หลี่ซู่ยุ่งอยู่กับงานบ้านของเธอ

จี้หยวนหยวนนอนอยู่บนโซฟา กำลังคิดถึงเรื่องหาเงิน

ประมาณบ่ายสามโมงเย็น  หลี่โหย่งก็มาพร้อมกับข้าวของต่างๆมากมายในมือของเขา

เมื่อเห็นสิ่งนี้เข้า หลี่ซู่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า "ทำไมคุณถึงซื้อข้าวของมามากมายขนาดนี้ล่ะ? ทำไมไม่เก็บเงินเพียงเล็กน้อยที่คุณได้รับไว้ล่ะ?  มิเช่นนั้นคุณจะแต่งงานกับภรรยาในอนาคตได้อย่างไร”

หลี่โหย่ง หัวเราะเบา ๆ และอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ของพวกนี้ถูกส่งมาจากตระกูล ฉิน”

เขาบีบกองข้าวของผ่านประตูเข้ามา แล้ววางพวกมันลงบนโซฟา เขาแอบหยิกแก้มของจี้หยวนหยวนด้วยซ้ำ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ฉินเสี่ยวหมินนำของพวกนี้ไปที่บ้านหลังเก่า แต่เธอไม่พบพวกคุณ เธอพบแต่พ่อแม่ของเรา พ่อกับแม่เลยโทรหาฉัน ฉันก็เพิ่งพาพวกเขากลับไป”

จี้ซีอัง ได้ยินเสียงอึกทึกข้างนอกจึงโผล่หัวออกมา เมื่อเขาเห็นสิ่งต่างๆ บนโซฟา ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง

เขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว“ว้าว.....มีของเยอะแยะเลย !”

"ช็อคโกแลต!!"  จี้ซีอังเห็นช็อคโกแลตสองสามกล่องในหมู่พวกมันทันที “ลุงฉินเป็นคนดีมาก เขาจำได้ว่าฉันชอบช็อคโกแลต!”

เมื่อหลี่โหย่งได้ยินคำพูดของจี้ซีอัง เขาก็ส่ายหัวด้วยความเอือมระอา “นี่มันไม่ใช่ของเธอนะ แต่สำหรับหยวนหยวนของเราต่างหาก”

จี้ซีอังหัวเราะเบา ๆ และมองไปที่จี้หยวนหยวน “หยวนหยวน น้องไม่ชอบกินสิ่งนี้ใช่ไหม?”

จี้หยวนหยวนโบกมือ “พี่กินมันไปเถอะ”

ล่าสุดเธอรู้สึกว่าฟันของเธอโยกเล็กน้อย ดูเหมือนจะถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนฟันของเธอแล้ว

ในเวลานี้เธอไม่สามารถกินขนมหวานมากเกินไปได้

มิฉะนั้นมีความเป็นไปได้ที่ฟันของเธอจะไม่งอกออกมาอย่างสวยงามในอนาคต

หลี่ซู่ ก้าวไปข้างหน้าและพลิกดูกล่องต่างๆ นอกจากช็อคโกแลตสองสามกล่อง ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า

พวกมันทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าสำหรับหยวนหยวน

“เฮ้ ทำไมมีจดหมายอยู่ที่นี่” จดหมายหล่นออกมาจากเสื้อผ้า และ หลี่ซู่ ก็หยิบมันขึ้นมาอย่างสงสัย

จดหมายฉบับนี้อยู่ในซองจดหมายและปิดผนึกไว้อย่างดี

บนหน้าซองมีถ้อยคำเรียบหรูสองสามคำ “ถึงน้องสาวหยวนหยวน (ส่วนตัว)”

เมื่อมองดูเพียงครั้งเดียว ก็เห็นได้ชัดว่า ฉินมู่เชิง เขียนขึ้น

หลี่ซู่ กลั้นเสียงหัวเราะของเธอและมองไปที่ จี้หยวนหยวน “หยวนหยวน พี่ชายของคุณมู่เชิง ได้เขียนจดหมายถึงคุณด้วยล่ะ”

เมื่อจี้หยวนหยวนได้ยินดังนั้น เธอก็ลุกขึ้นจากโซฟาทันที “ขอหนูดูหน่อย…”

เธอหยิบจดหมายและเริ่มเปิดดู

หลี่ซู่ และ หลี่โหย่ง มองหน้ากันและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

หลี่โหย่งล้อเลียนว่า “ว่ากันว่าผู้หญิงที่โตแล้วไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ได้ แต่เด็กคนนี้ยังเด็กอยู่ แต่เธอก็ไม่สามารถเก็บซ่อนไว้ได้เลยนะ 555”

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องตลก แต่ก็ทำให้ หลี่ซู่ รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย “เรื่องไร้สาระหรอกน่ะ? มันก็แค่การเล่นเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเด็กๆ ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”

จี้หยวนหยวนหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ลายมือของฉินมู่เชิงนั้นสวยมาก เห็นได้ชัดว่าเขาได้ฝึกฝนมันอย่างดีแล้ว

หลังจากที่หลี่ซู่พูดจบ เธอก็มองไปที่จี้หยวนหยวน “เอาล่ะ เอาล่ะ หยวนหยวน แม่จะอ่านให้ฟัง…”

“ฉินมู่เชิงบอกว่าเขาจะมาในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว…”

แม่และลูกสาวพูดเกือบจะพร้อมกัน

หลังจากที่เธอพูดจบ จี้หยวนหยวนก็สาบานอยู่ในใจ

เธอเผลอแสดงอาการมีความสุขออกมามากเกินไปเมื่อเห็นจดหมายของฉินมู่เชิง เมื่อครู่นี้ เธอปลื้มใจมากจนลืมตัว

ตอนนี้เธออายุเพียงหกขวบ ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยไปโรงเรียนอนุบาลด้วยซ้ำเพราะทะเบียนบ้านของเธอ เธอไม่รู้พินอินทั้งหมด แล้วเธอจะรู้วิธีการอ่านได้อย่างไร?

หลี่ซู่ ก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอถามว่า “หยวนหยวน หนูอ่านมันได้ใช่มั้ย”

จี้หยวนหยวนทำได้เพียงแสร้งทำเป็นพยักหน้าอย่างโง่เขลา “ตอนที่พี่ชายทำการบ้าน หนูก็อ่านเจอมาบ้าง”

หลี่ซู่ และหลี่โหย่ง มองหน้ากันด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

“หนูอ่านทุกคำในจดหมายฉบับนี้ได้ไหม” หลี่ซู่ชี้ไปที่จดหมายในมือของจี้หยวนหยวนแล้วถาม

“มีคำพินอินค่ะ” จี้หยวนส่งจดหมายให้หลี่ซู และถอนหายใจด้วยความโล่งอก

โชคดีที่ ฉินมู่เชิง รู้จักเอาใจใส่มากและกลัวว่าเธอจะไม่สามารถเข้าใจคำศัพท์ตั้งแต่อายุยังน้อย คำที่ยากๆบางคำมีพินอินกำกับไว้

จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เธออ่านจริงๆ

หลี่ซู่ หยิบมันขึ้นมาและเห็นว่ามันเป็นตัวหนังสือจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงแปลกใจอยู่

เธอกอดจี้หยวนหยวนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หยวนหยวนของเราเป็นอัจฉริยะหรือเปล่าน๊า ? เธอเพิ่งจะได้เข้าเรียนก็รู้คำศัพท์มากมายหลายคำแล้ว”

หลี่โหย่งแซวว่า “หยวนหยวนของเราจะต้องได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างแน่นอนในอนาคต”

*** นักศึกษามหาวิทยาลัยในยุคนี้หาได้ยากมากๆ***

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด