Chapter 209 : สามสปายรวมตัว! - เข้าสู่คุกอสูร (4)
ภายในห้องน้ำชายที่ทั้งแคบและมืด คนทั้งสามจับจ้องมองตากันและยิ้มออกมาในเวลาเดียวกัน
ณ ต่างประเทศในที่สุดสปายทั้งสามก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง
พวกเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากหัวใจ
ลู่หลัวถามขึ้น “ตำแหน่งที่แน่นอนล่ะ?”
หยินหูกล่าวตอบ “ยังไม่มี ต่อให้จำเป็นต้องส่งอาหารและน้ำดื่มให้กับพวกนักสู้ที่คอยคุ้มกันชั้น8ทุกวันแต่ฉันก็เข้าไปด้านในไม่ได้อยู่ดี”
ลู่หลัวถามต่อ “ความแข็งแกร่งล่ะ?”
หยินหูตอบ “ขอบเขตที่8เลเวล1”
คนทั้งสามเงียบไปทันที
หลินเซวียนเองก็ขบคิดเช่นกัน
นักสู้ขอบเขตที่8เลเวล1นั้นไม่ใช่ว่าพวกเขาสู้ไม่ได้ ในด้านของค่าสถานะนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนักความแตกต่างเดียวมีเพียงสกิลอาชีพเท่านั้น
เมื่อนักสู้ขอบเขตที่7เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตที่8สกิลประจำอาชีพก็จะได้รับการยกระดับอย่างยิ่งยวดและจะปรากฏความสามารถที่สองขึ้นมา
จากปากของนักสู้ที่เคยเลื่อนขอบเขตนั้นความสามารถมันมักจะแตกต่างกันออกไป
บ้างก็แข็งแกร่งและบ้างก็อ่อนแอ
แต่ยังไงซะเมื่อนักสู้ขอบเขตที่7เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตที่8หรือขอบเขตที่8เลื่อนเป็นขอบเขตที่9นอกจากจะต้องเลื่อนขั้นตามปกติแล้วยังต้องใช้วัตถุดิบอาชีพด้วย!
ส่วนเรื่องที่ว่าพวกเขาต้องใช้วัตถุดิบใดนั้นพวกเขาจะรู้ได้หลังจากไปถึงขอบเขตที่7เลเวล9และขอบเขตที่8เลเวล9แล้วเท่านั้น
“ความแข็งแกร่งของคนๆนั้นไม่ได้แข็งแกร่งนักหรอก ถ้าพวกเราสามคนโจมตีพร้อมๆกันฉันก็มั่นใจว่าพวกเราสามารถสังหารอีกฝ่ายขณะที่มือไม้ปั่นป่วนได้”
“แต่ความกังวลเพียงอย่างเดียวของฉันก็คือเจ้าหมอนั่นอาจจะมีอะไรพิเศษอยู่กับตัวยกตัวอย่างเช่น...” หมาป่าเงินเอ่ยเสียงแผ่ว
“หลังจากที่หมอนั่นตายยามาโมโตะ ชินจิอาจจะทราบเกี่ยวกับพวกเรา”
ดาบพิษกับลู่หลัวพยักหน้า “มีโอกาสเป็นแบบนั้นสูงมาก”
คนทั้งสามขบคิดต่อไป พวกเขาตอนนี้มาถึงก้าวสุดท้ายแล้วและขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะถึงประตูแล้ว!
“จริงสิเมื่อไม่นานมานี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในคุกอสูรด้วยนะ บางทีพวกเราอาจจะใช้เรื่องนี้เป็นข้อได้เปรียบได้ก็ได้” หยินหูจู่ๆก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ประตูแสงสีเลือดหมุนวนจู่ๆก็โผล่ขึ้นมาบนชั้นที่8 มันโผล่มาได้รว่มสิบวันแล้วมั้ง กระทั่งด้วยเนตรจิตวิญญาณของยามาโมโตะ ชินจิเองก็ยังมองไม่ออกแต่เขาบอกว่าเขาสัมผัสได้ว่ามันอันตรายมาก เขากระทั่งอพยพนักโทษในกรงขังใกล้ๆกับประตูแสงสีเลือดนี้ออกไปและบอกพวกเราอย่าให้เข้าไปใกล้”
สิบกว่าวันก่อน! ได้ยินเช่นนี้หลินเซวียนก็พลันขบคิดอย่างหนัก
ตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่แดนลับแดนต้นกกนั้นเวลาก็ผ่านมากว่าสิบวันแล้ว ทั้งเขาวัชระ เมืองหวังเซี่ยและเมืองหลวงแดนต้นกกเขาล้วนรั้งอยู่แต่ละแห่งนานหลายวัน
อย่าบอกนะว่าประตูแสงสีเลือดนี่เกี่ยวข้องกับการกำเนิดของต้นกำเนิดแดนลับ?
“คุกอสูรก่อนที่จะถูกทุ่งราบมหาสวรรค์ยึดครองเป็นสถานที่แบบไหน?” จู่ๆดาบพิษก็ถามขึ้นมา
ข้อมูลเกี่ยวกับคุกอสูรนั้นหาได้ยากยิ่ง
ก่อนที่เขาจะมายังทุ่งราบมหาสวรรค์เขาก็เคยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆของแดนต้นกกมาก่อนไม่ว่าจะเป็นภูเขาวัชระ แม่น้ำซีจิน เมืองหวังเซี่ยและเมืองหลวงแดนต้นกกหากแต่ข้อมูลเกี่ยวกับคุกอสูรนั้นกลับมีเพียงบรรทัดเดียว
อันตรายยิ่ง!
หยินหูขมวดคิ้วเล็กน้อยและขบคิดอยู่ซักพักก่อนจะเอ่ยออกมา “ดูเหมือนมันจะเป็นอาณาเขตของราชันย์แดนลับขอบเขตที่9 ในตอนหลังหัวหน้าหองค์กรได้ร่วมมือกับซาโต้ ทาเคะและเทียนอวี้ ทาคุมิกับนักสู้ขอบเขตที่9คนอื่นๆเพื่อสังหารมันลง”
“ยังไงก็ตามก็ใช่ว่าตอนนั้นจะสามารถสังหารมันได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนหนึ่งของอสูรขอบเขตที่9ตนนั้นหลับหนีไปจากคุกอสูรได้ผ่านช่องทางลับ ครั้งที่สองที่มันปรากฏตัวก็คืออีกหลายวันให้หลังและมันปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหวังเซี่ยก่อนจะกินผีดิบทั้งหมดในเมืองไปในคืนเดียว จากนั้นมันก็กลับคืนสู่ร่างของอสูรขอบเขตที่9อีกครั้ง”
“ยังไงก็ตามหลังจากมันคืนร่างค่าสถานะของมันกลับลดลงมากกว่าตอนที่ยังมีชีวิต หัวหน้าองค์กรทุ่งราบมหาสวรรค์จึงเป็นผู้ลงมือสังหารมันด้วยตัวเองเพียงลำพัง”
หลินเซวียนรู้แจ้งในทันที ดูเหมือนระหว่างคุกอสูรและเมืองหวังเซี่ยนั้นจะมีการเชื่อมโยงบางอย่างจริงๆ
และความเกี่ยวข้องที่ว่านั่นก็อาจจะเกี่ยวกับประตูแสงสีเลือดแปลกประหลาดบานนี้นี่แหละ
หลินเซวียนปรายตามองข่าวคราวประจำแดนต้นกกอีกครา
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน สองชั่วโมงและสิบห้านาทีก่อนที่ต้นกำเนิดของแดนลับจะก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์!
“ฉันคิดว่าฉันน่าจะรู้เวลาที่แน่นอนที่ประตูแสงสีเลือดนั่นจะเปิดออก”
หลินเซวียนให้ดาบพิษกล่าววาจาออกไป
ลู่หลัวกับหยินหูจับจ้องมองมาที่เขาด้วยใบหน้าที่อัดแน่นไปด้วยความสงสัย
“รออีกหนึ่งวันเถอะ พวกเราค่อยมารวมตัวกันที่นี่อีกครั้งในอีกหนึ่งวันให้หลัง ประตูแสงสีเลือดนั่นจะต้องดึงดูดความสนใจของนักสู้ขอบเขตที่8คนนั้นอย่างแน่นอน”
ดาบพิษกล่าวเสียงต่ำแน่นอนว่าลู่หลัวและหยินหูอยากจะปฏิเสธตามสัญชาตญาณ
รออีกหนึ่งวันนั้นอาจจะนำมาซึ่งตัวแปรจำนวนมากก็เป็นได้แต่หลังจากลองขบคิดดูดีๆแล้วพวกเขาก็ไม่อาจคิดหาวิธีผ่านนักสู้ขอบเขตที่8คนนั้นไปได้เลย
“จริงสินอกจากนี้ฉันยังต้องไปเจอคนๆหนึ่งด้วย” ดาบพิษเอ่ยอย่างสบายๆ
“ใครกัน?”
“ชั้นที่7กรงขังที่35”
หยินหูขบคิดอยู่ซักพักก่อนจะเอ่ยออกมา “เป็นผู้หญิงสินะ ฉันจำได้แล้วเธอคือมารดาของชิมาดะ ริวยะ”
“ไปพบเธอก็ดีเหมือนกัน ฉันจะพานายไปตอนนี้เลยไปกันเถอะ” หยินหูออกเดินนำโดยมีดาบพิษกับลู่หลัวตามไปติดๆ
ชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สอง ชั้นที่สาม...
ภารกิจของพวกเขานั้นคือการนำเสบียงออกมาจากลังไม้และวางพวกมันเดเอาไว้หน้าทางเข้าของแต่ละชั้นและจะมีนักสู้ที่คอยคุ้มกันแต่ละชั้นมานำพวกมันไป
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงชั้นที่7
ดาบพิษเดินตรงไปยังกรังขังหมายเลข35และสังเกตเห็นสตรีในวันสี่สิบเกือบๆห้าสิบผู้หนึ่ง
สตรีผู้นี้ดูจะผ่อนคลายยิ่งนัก เธอไม่ได้ดูสิ้นหวังเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะถูกขังเอาไว้เป็นเวลานาน
ดาบพิษลองสังเกตร่างกายของเธอแต่ละส่วนดูอย่างระมัดระวัง
สตรีผู้นี้เองก็สังเกตเห็นว่าใครบางคนกำลังมองมาที่เธอเธอจึงรู้สึกตกใจเล็กน้อยหากแต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ดาบพิษหมุนตัวจากไปแล้ว
“ไปเถอะ”
หลินเซวียนเห็นทุกอย่างผ่านทางดวงตาของดาบพิษแล้ว
การคาดเดาของชิมาดะ ริวยะนั้นถูกต้อง
บนร่างของสตรีผู้นี้ควรจะเต็มไปด้วยรอยตราอันเป็นเอกลักษณ์มากมายแท้ๆแต่มาตอนนี้กลับหายไปจนสิ้น
มีเพียงรอยไหม้บนนิ้วชี้มือขวาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ดังนั้นก็น่าจะเป็นของปลอมเช่นกัน
“ต้องยืนยันเรื่องนี้ให้ชิมาดะ ริวยะรู้ หมอนั่นจะมีปฏิกิริยายังไงกันนะ?” หลินเซวียนถอนหายใจแผ่วเบา