บทที่ 84 คำบัญชาเสินเซา
เมื่อเผชิญการโจมตีของกระบี่หมอกราตรี หม้อวิเศษส่งเสียงสั่นสะเทือนดังกึกก้อง
ถึงแม้จะไม่แตกในทันที แต่แมลงวิญญาณในนั้นก็ยังถูกทำให้วุ่นวายเกรียวกราว แมลงวิญญาณหลายตัวถูกสะเทือนจนสลบไป
ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงมือชา พลิกตัวใช้วิชาตัวเบาถอยหลังไปครึ่งจั้งในพริบตา แล้วโยนยาบำรุงชี่หนึ่งเม็ดเข้าปากรวดเร็ว
"เจ้าเฒ่านี่กำลังหยอดยา เห็นได้ชัดว่าเสียปราณไปมาก ถ้ายังสู้ต่อแบบนี้ต้องทนไม่ไหวแน่ๆ ทุกคนอย่าได้เร่งรีบเอาชนะมากนัก ค่อยๆ โจมตีไป"
ซ่งหมิงฮุ่ยเป็นคนสังเกตเล็กสังเกตน้อย เธอพบเห็นท่าทางของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงขณะกลืนยาฟื้นฟูชีวิต จึงตะโกนออกมา
จริงๆแล้วตามหลัก พอทุกคนร่วมมือกันโจมตีผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงได้ระยะหนึ่งแล้ว สู้กันมาหลายสิบกระบวนท่า แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานก็คงเสียปราณไปไม่น้อยแล้ว
ป่านนี้ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงควรจะหมดปราณไปนานแล้ว แต่ด้วยการฝึกวิชาปราณภายในที่เข้มข้นอย่าง 'วิชาหุนเหวินต่งเทียน' จึงสามารถฟื้นฟูปราณที่เสียไประหว่างการต่อสู้ได้เอง ทำให้รับมือยาก
หากไม่ได้ลู่หยวนซานกับพวกมีคนมากกว่า หากเทียบแค่ความอึดในการต่อสู้ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสู้ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงไม่ได้
ลู่ฉางเฟิงมีนิสัยขี้ร้อน วางแผนไม่ลึก ไม่รู้จักเอาเปรียบจังหวะ เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งหมิงฮุ่ยเขาก็เพียงแต่เพิ่มความระมัดระวัง แล้วใช้ดาบแม่ลูกจินเฉียนต่อสู้ประชิดตัวต่อไป
ดาบแม่กลายเป็นสายแสงสีทองแลบฟาดปะทะเข็มอู๋กู่ของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงดังกึกก้อง
หลังผ่านไป 16 กระบวนท่า ลู่ฉางเฟิงพบจังหวะ ควบคุมดาบแม่ฟันแขนซ้ายของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงขาดได้ในหนึ่งเดียว ทำให้ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงเจ็บปวด
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงก็ยังไม่แสดงท่าทีถอยหนี ยังคงรุกไล่โจมตีเช่นเดิม
การต่อสู้เข้าสู่ช่วงดุเดือดอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปอีก 10 กว่ากระบวนท่า คราวนี้ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงไม่เพียงแต่กลืนยาลมปราณอีกหนึ่งเม็ด ยังกวาดยาวิญญาณกำมือใหญ่ยัดใส่ปากพร้อมกัน หลบเลี่ยงการโจมตีที่เป็นอันตรายถึงชีวิตของลู่จือเวยไปได้
"ไอ้เจ้านี่กินยาแรงขนาดนี้เลยเหรอ"
"ยาไม่ต้องเสียตังค์งั้นหรือไง"
เมื่อเห็นผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงกินยาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังมียารักษาแผลด้วย ลู่ฉางเฟิงก็สบถในใจ
ทันใดนั้น เขาสบตากับฉู่กว้างหลิน ก่อนแยกกันยืนคนละด้านของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง เป็นรูปตัวอักษร '品' กับลู่จือเวย ล้อมผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงเอาไว้
ส่วนวงนอกสุด มีจางเนี่ยนชวน หลินหาน ซ่งหมิงฮุ่ย และฉู่ฉิน สี่คนห้อมล้อมอยู่ พวกเขาคอยใช้วิชาลูกไฟไม่หยุด ไม่ยอมให้แมลงวิญญาณตัวไหนหนีออกไปจากบริเวณนี้ได้
การต่อสู้มาถึงจุดนี้แล้ว ลู่ผิงที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้างไม่รู้สึกกังวลใจ
สำหรับสายตาอันเฉียบแหลมของเขาผู้เป็นเซียนแกนทองแล้ว ถึงแม้ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงจะมีกำลังแค่ขั้นฝึกปราณชั้น 8 แต่ด้วยการช่วยเหลือจากวิชาวิญญาณแมลงและอาวุธวิญญาณ ก็ทำให้เขาเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นฝึกปราณชั้น 9 กว่าหนึ่งคนได้ อีกทั้งยังสู้ข้ามขั้นได้ ถือว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งคนหนึ่งทีเดียว
แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังสู้พลังรวมหลายคนไม่ได้ ยิ่งตอนนี้ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงยังต้องเสียแขนไปอีกข้างหนึ่ง
ปัง!
ขณะกำลังดูด้วยความเพลิดเพลิน อยู่ๆเกราะป้องกันล่องหนก็ปรากฏขึ้นรอบกายผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง สกัดกั้นการโจมตีของกระบี่หมอกราตรี ทำให้กระบี่หมอกราตรีหยุดชะงักกลางอากาศ
นี่คือท่าไม้ตายป้องกันตัวในวิชาหุนเหวินต่งเทียนที่ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลกำลังฝึกฝน มันเรียกว่า หุนเหวินต่วนกวง (เกราะหุนเหวิน) สามารถต้านทานการโจมตีของกระบี่หมอกราตรีได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ลู่จือเวยก็ขมวดคิ้ว
เธอใช้วิชากระบี่ไท่อี้เทียนซวี่ในการโจมตี แต่ชั่วขณะนี้ก็ยังไม่สามารถทะลุเกราะล่องหนนี้ได้ ชัดเจนว่าท่าป้องกันนี้ก็มีพลังไม่น้อยเหมือนกัน
ในขณะที่ศูนย์กลางเกราะกำลังป้องกัน ลู่ผิงเหลือบไปเห็นที่ตำแหน่งผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงยืนอยู่ สีหน้าเขาดูดุดันยิ่งนัก ดูเหมือนจะหยิบอาวุธรูปร่างคล้ายป้ายคำสั่งออกมาแขวนเอาไว้เหนือศีรษะ
ในจังหวะนี้ การใช้ท่าป้องกันตัวและชักอาวุธอีกชิ้นออกมา เห็นได้ชัดว่ากำลังทุ่มไม้ตายเตรียมพลิกสถานการณ์
ไม่มีทางที่จะยอมยืนนิ่งๆให้ตีกันไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน
ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงจะเดินมาถึงวันนี้ได้ สามารถสู้กับลู่ฉางเฟิงและคนอื่นๆจนถึงตอนนี้ยังไม่ถูกสังหาร ทั้งกลยุทธ์และประสบการณ์การต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่พวกคนรุ่นหลังอย่างลู่จือเวยจะมาเทียบได้
"ไม่ดีแล้ว!"
ลู่ผิงชำเลืองมองสำรวจป้ายคำสั่งนั้น เห็นเต็มไปด้วยสีดำ มีตัวอักษร 'เสินเซา' ปรากฏอยู่บนนั้นอย่างเลือนราง เขารู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน และมีลางสังหรณ์อันตราย
"หรือว่านี่จะเป็น..."
ชื่อหนึ่งผุดขึ้นในสมองของลู่ผิง
"คำบัญชาเสินเซา?!"
พอดีกับที่ลู่ผิงจำที่มาของป้ายคำสั่งนั้นได้ มันก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างไม่สงบในมือของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง พลังอำนาจได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว
คำสั่งนั้นเองก็ยากจะควบคุม พลังที่ถูกผนึกไว้กำลังปรากฏ ทำให้ลู่ผิงเปลี่ยนสีหน้าไป
โหดเหี้ยม รุนแรง ดุเดือด เต็มไปด้วยพลังฟ้าดินที่ทำลายล้างทุกสิ่ง อุดมไปด้วยพลังฟ้าผ่าเก้าชั้นฟ้า
บรรยากาศคุ้นเคยนี้ มันคือคำบัญชาเสินเซาจริงๆ!
เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว คราวนี้ลู่ผิงทำใจสงบนิ่งไม่ได้อีกต่อไป เขาคิดจะเข้าไปขัดขวางไม่ให้ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงปลุกพลังมหาศาลในคำบัญชาเสินเซาออกมาโดยไม่รู้ตัว
ว่าแต่คำบัญชาเสินเซานี่มันคืออะไรกัน ป้ายเล็กๆนี่กล้าใช้ชื่อว่าคำบัญชา แล้วยังอ้างตัวว่าเป็น 'เสินเซา' อีกต่างหาก มันจะธรรมดาได้อย่างไร
ในเขตหยวนเป่ยที่อยู่ติดกับเขตหลูซาน มีนิกายขั้นแกนทองอยู่นิกายหนึ่ง มีชื่อว่า วังเสินเซา
นิกายนี้เชี่ยวชาญเรื่องวิชาสายฟ้า ใช้ควบคุมฟ้าผ่าในการฝึกตน สังหาร ปรุงยาและหลอมอาวุธ รวมไปถึงการชำระไขกระดูก
วิชาสายฟ้าที่สืบทอดกันมาของนิกายนี้ เมื่อปล่อยออกมาก็สามารถออกคำสั่งให้ฟ้าผ่าเก้าชั้นฟ้าข่มขวัญศัตรู ขับไล่ปีศาจและมารร้ายได้ เป็นผู้ปราบมารจอมปราชญ์ตัวจริง รวมถึงเป็นหนามยอกตาสำหรับเหล่าผู้ฝึกวิถีมารด้วย
อาวุธวิญญาณธาตุสายฟ้าที่ผลิตโดยวังเสินเซา มีพลังฟ้าผ่าเก้าชั้นฟ้าถูกผนึกอยู่ข้างใน สามารถปลดปล่อยสายฟ้าแห่งสวรรค์เพื่อปราบศัตรูได้
คำบัญชาเสินเซา คือตัวอย่างอาวุธวิญญาณธาตุสายฟ้าที่โดดเด่นที่สุด เป็นสัญลักษณ์ของวังเสินเซา จะไม่มีวางขายให้คนนอกเด็ดขาด มีแต่เวียนเปลี่ยนกันใช้ระหว่างลูกศิษย์ของวังเสินเซาเท่านั้น
คำบัญชาเสินเซาในมือผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงนั่น เป็นของจริงแท้แน่นอน และเมื่อดูจากระดับความรุนแรงแล้วก็เทียบเท่าขั้นหนึ่งชั้นยอดสุด ไม่น้อยหน้าผลึกสายฟ้าขจัดมารของลู่ผิงเลย
สงสัยผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงถึงได้บ้ากินยากันขนาดนั้น เห็นจากลักษณะการเรียกพลังคำบัญชาเสินเซา ปราณที่ต้องเสียไปคงมหาศาลแน่ๆ ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะไม่ลืมใช้เกราะกั้นป้องกันตัวด้วย เพื่อแย่งเวลามากขึ้นในการเรียกคำบัญชาเสินเซา
พวกลู่จือเวยจะมีอาวุธและปราณที่ไหนไปต้านทานพลังจากคำบัญชาเสินเซาได้
ชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆ
"รีบหนี!!"
เมื่อเห็นผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงกำลังเรียกคำบัญชาเสินเซา จนยากจะยกเลิกได้แล้ว ลู่ผิงรีบใช้วิชาติดต่อบอกลู่จือเวยและคนอื่นๆทันที
เป็นการประกาศให้ทุกคนได้ยินรวมถึงหลินหานและผู้ฝึกตนตัวเล็กๆด้วย
ส่วนคนที่เหลือคือฉู่กว้างหลิน ลู่ผิงก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากให้เขาช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น
"พ่อ?"
เมื่อได้ยินเสียงของลู่ผิง แถมยังบอกให้ตัวเองกับคนอื่นๆหนี ลู่จือเวยก็เปลี่ยนสีหน้าไป แล้วหันไปมองผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงที่เรียกใช้คำบัญชาเสินเซาจนเกิดพลังมหาศาล เธอจะกล้าชักช้าได้อย่างไร
นางเชื่อว่าพ่อของตนเองพูดไม่ผิดแน่ หนีเถอะหนี
นางไม่เคยเห็นพ่อร้อนใจขนาดนี้มาก่อนเลย
ลู่ฉางเฟิงกับคนอื่นๆได้ยินวิชาส่งเสียง ต่างพากันตกใจ แต่เมื่อเห็นลู่จือเวยกำลังถอยห่างออกมา ดูท่าทางชัดเจนว่ากำลังหลบหลีกอยู่
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ จะให้ลังเลอะไรอีก รักษาชีวิตตัวเองสำคัญที่สุด ค่อยมาถามข้อสงสัยกันทีหลัง!
ทุกคนรีบถอยห่างจากผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงอย่างรวดเร็ว วิชาตัวเบาและวิชาควบคุมลมนั้นวิเศษยิ่งนัก
"ช้าไปแล้ว!"
เมื่อเห็นลู่จือเวยกับคนอื่นๆสังเกตเห็นเค้าลางอันตราย รีบวิ่งหนีแทบไม่ทันหายใจ สีหน้าของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงดูเหี้ยมโหดขึ้นมาทันที เขาตะโกนออกมาในที่สุด
"เด็กผู้หญิงน้อย ข้าจะส่งเจ้าไปก่อนเลย!"
สายตาเขามองไปที่ลู่จือเวย ผู้ที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มที่เป็นผู้ฝึกตนขั้นฝึกปราณชั้น 9 ในดวงตาของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงฉายแววเย็นชาวาบขึ้นมา