บทที่ 83 เข็มอู๋กู่

เมื่อลู่ฉางเฟิงชักอาวุธวิญญาณเข้าร่วมการต่อสู้แล้ว ลู่จือเวยกับจางเนี่ยนชวนก็เข้าจัดการไม่แพ้กัน

ฉู่เหมิงหยวนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่พลังปราณ หากฝืนลงมือต่อจะยิ่งทำให้อาการหนักขึ้น จึงได้แต่อยู่ข้างๆสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด ส่งสัญญาณควันเพื่อเรียกทหารรักษาเมืองมาช่วยเพิ่ม

ส่งเสียงหึ่งๆๆ

ตะขาบบิน คางคก แมงป่อง ตัวต่อพิษ และอื่นๆ แมลงวิญญาณที่มีขนาดและรูปร่างต่างๆกัน ภายใต้การควบคุมของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง ต่างบุกเข้าโจมตีลู่ฉางเฟิงและคนอื่นๆอย่างหนาแน่น

ถึงแม้ทหารรักษาเมืองจะมีพลังวัตรไม่ถึงขั้นฝึกปราณ สวมใส่เกราะที่แข็งแกร่งทนทาน ถือครองอาวุธหนัก แต่ก็ยังถูกแมลงวิญญาณเข้ามาทำร้ายได้ทุกทาง ในเวลาอันรวดเร็วก็มีคนล้มลงดิ้นเกร็งจนสิ้นใจไปหลายคน

ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงใช้การบังคับแมลงวิญญาณเป็นวิธีการโจมตี ทั้งรุกและรับพร้อมกัน จัดการศัตรูได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว

แมลงวิญญาณนับพันตัวบุกเข้ามาดำทะมึน เพียงแค่มองก็ทำเอาผมลุกซู่ รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

ไม่ต้องพูดถึงว่าแมลงวิญญาณกว่าครึ่งมีพิษร้ายแรง เพียงชั่วขณะก็ทำให้คนตายได้ แถมแมลงวิญญาณจำนวนไม่น้อยถูกผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงเลี้ยงดูจนมีพลังรากฐานชีวิตแล้ว

อย่างเช่นวิชาสะกดจิตของตะขาบบิน

ตะขาบชนิดนี้มีขนาดเท่ากับตะขาบปกติทั่วไป ตัวสีดำสนิท หลังมีเปลือกแข็ง ความแตกต่างอยู่ที่มันมีปีกแบบจักจั่นหนึ่งคู่ ช่วยให้มันบินได้

ตะขาบบินมีจำนวนกว่าร้อยตัว ขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง มันพ่นแสงสีดำทะมึนออกมาจากปาก ยิงใส่ลู่ฉางเฟิงและคนอื่นๆ

วิชาสะกดจิตนี้เมื่อถูกเป้าหมาย จะทำลายวิญญาณของศัตรูได้ เบาหวิวอาจทำให้วิญญาณเสียหายจนโง่เขลา รุนแรงอาจตายคาที่ได้

ทหารรักษาเมืองจำนวนหนึ่งหลบไม่ทัน ถูกวิชาสะกดจิตของตะขาบบินยิงโดน ล้มลงไม่ลุกขึ้นมาอีก ร่างแข็งทื่อ จนในไม่ช้าก็หมดลมหายใจ

เมื่อเห็นทหารรักษาเมืองอ่อนแอ ลู่จือเวยก็ประกาศกร้าวกับทุกคนด้วยสีหน้าเย็นชา

"นอกจากผู้ฝึกตนแล้ว คนที่เหลือถอยไปก่อน อย่าได้บุ่มบ่าม!"

ก่อนหน้านี้ เมื่อลู่ฉางเฟิงยังไม่มาถึง เพียงฉู่กว้างหลินคนเดียวไม่เพียงพอจะสู้ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงได้ พวกทหารรักษาเมืองก็ต้องกัดฟันเข้ามาช่วย ถึงจะไม่ได้ทำร้ายผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง แต่ก็ยังพอหน่วงเหนี่ยวเอาไว้รอกำลังช่วยเหลือมาถึง

ตอนนี้ลู่ฉางเฟิงกับคนอื่นๆเข้าร่วมการต่อสู้ ทุกคนมีพลังถึงขั้นฝึกปราณระดับปลาย โอกาสเอาชนะผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงก็มากขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องให้ทหารรักษาเมืองเสียชีวิตอีกต่อไป

ได้ยินเสียงตะโกนของลู่จือเวยแล้ว พวกทหารรักษาเมืองก็ไม่ใช่คนโง่ แต่แรกก็เกรงกลัวผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงอยู่แล้ว จึงได้ยินคำสั่งก็ถอยห่างออกมาเหมือนคลื่น

ถึงจะถอยแล้ว เปิดระยะไกลออกไปทันที แต่ก็ยังไม่ได้ปล่อยความระมัดระวังลง หากเห็นสถานการณ์ในศึกไม่ดีก็พร้อมจะกลับเข้าไปช่วยอีกครั้ง

"แค่หนอนแมลงเน่าๆนี่เอง ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะเรียกมันออกมาได้อีกกี่ตัว!"

ลู่ฉางเฟิงยิ่งสู้ยิ่งกล้า เขาคอยสั่งให้กล่องใส่ดาบเพลิงเปิดปิดอยู่เรื่อย ปล่อยพลังดาบเพลิงออกมาเป็นระลอก เปลวไฟพวยพุ่งไปที่ใดก็เผาผลาญแมลงวิญญาณจำนวนมากให้วอดวายกลายเป็นถ่านไปในพริบตา

กลิ่นไหม้ลอยคลุ้งในอากาศ แมลงวิญญาณถูกสังหารเป็นจำนวนมาก

แมลงกลัวไฟ แมลงวิญญาณก็เช่นกัน พวกมันถูกกำราบอย่างหนักด้วยเปลวเพลิงของลู่ฉางเฟิง ทำให้ในระยะหนึ่งถึงสองจั้งรอบตัวลู่ฉางเฟิงไม่มีแมลงวิญญาณตัวไหนกล้าเข้าใกล้

เมื่อเห็นว่าเปลวไฟสามารถควบคุมแมลงวิญญาณได้เป็นอย่างดี จางเนี่ยนชวน หลินหาน ซ่งหมิงฮุ่ยสามคนจึงเปลี่ยนกลยุทธ์การโจมตีเป็นใช้วิชาจำพวกลูกไฟ เปลวเพลิง และอื่นๆที่เป็นธาตุไฟ ในพริบตาก็สร้างทะเลเพลิงเผาผลาญแมลงวิญญาณไปกว่าครึ่ง

พวกแมลงวิญญาณไร้ซึ่งสติปัญญา รู้แต่จะเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น ไม่รู้จักหนีหาย จึงถูกกำจัดไปเจ็ดในสิบอย่างรวดเร็ว

ส่วนฉู่กว้างหลิน ลู่จือเวย ลู่ฉางเฟิงทั้งสามไม่ได้สนใจแมลงวิญญาณอีกต่อไป ต่างคนต่างใช้อาวุธวิญญาณของตัวเองโจมตีผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงโดยตรง

โดยเฉพาะลู่ฉางเฟิงเก็บกล่องดาบเพลิงชั่วคราว หยิบดาบแม่ลูกจินเฉียนออกมา ใช้ดาบแม่ฟันผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงตรงๆ ดาบลูกเก้าเล่มที่เหลือจัดเรียงเป็นครึ่งวงกลม คุ้มกันตัวเขาเองกับลู่จือเวยไว้ข้างๆ ป้องกันการโจมตีและซุ่มโจมตีจากแมลงวิญญาณ

ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำ เมื่อลงมือก็ไม่พูดสักคำ ใบหน้าเย็นชาอย่างเดียว

หม้อวิเศษในมือเขาเหมือนหลุมไร้ก้นก้นหนึ่ง แมลงวิญญาณบินออกมาจากในนั้นไม่หยุด เต็มฟ้าเต็มแผ่นดิน

แมลงวิญญาณบางตัวพอสัมผัสอากาศปุ๊บก็ส่งเสียงหวีดแหลมแสบแก้วหู เหมือนเห็นเหยื่อก็พุ่งเข้าไปในหู จมูก และตำแหน่งอื่นของทุกคนทันที

แมลงวิญญาณพวกนี้เมื่อเข้าไปในร่างกายคนจะสร้างความวุ่นวายอย่างรวดเร็ว ควบคุมวิญญาณของผู้ฝึกตน ทำให้วิญญาณสูญเสียและกลายเป็นภาชนะให้แมลงวิญญาณอาศัย

ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงพึ่งพาวิธีนี้ ควบคุมชาวอำเภอกว้างเต๋อร่วมร้อยชีวิตเป็นภาชนะให้เลี้ยงแมลงวิญญาณอย่างมหาศาล โดยเฉพาะพวกตะขาบบินที่ดุร้าย แม้กระทั่งเลี้ยงตะขาบหกปีกได้

เนื่องจากเป็นการต่อกรกับผูู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงเป็นครั้งแรก ผู้ฝึกตนประเภทนี้หายากมากในแถบประเทศฉู มักจะปรากฏตัวแค่ทางใต้ของเขตหลิงซีเท่านั้น ดังนั้นลู่จือเวยกับคนอื่นๆจึงไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร เวลาลงมือก็ต้องคอยหาจุดอ่อนอยู่ตลอด เพื่อหาทางควบคุมสถานการณ์

ไฟเป็นจุดอ่อนของแมลงวิญญาณ นี่คือช่องโหว่ใหญ่

เมื่อเผชิญผู้ฝึกตนถึงขั้นฝึกปราณระดับปลายถึงสามคนร่วมมือกัน ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงก็ส่งเสียงครางอย่างแผ่วเบา ชักอาวุธสีดำสองอันออกมาต่อสู้

อาวุธสีดำสองอันนี้ คือเข็มอู๋กู่ที่เป็นอาวุธวิญญาณขั้นหนึ่งชั้นยอด

เข็มอู๋กู่ไม่เพียงแต่แทงทะลุได้แรงมาก สามารถเจาะอาวุธป้องกันขั้นหนึ่งทั่วไป เกราะวิญญาณและอื่นๆได้ แต่บนตัวมันยังถูกผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงชุบพิษแมลงวิญญาณด้วย

แค่ถูกเข็มอู๋กู่ข่วนผิวหนังเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิตของศัตรูได้ นับเป็นอาวุธที่หนักหนาสาหัสมาก

ด้วยเข็มอู๋กู่อันนี้ ช่วงหลายปีมานี้ผู้ฝึกตนกว่าร้อยคนต้องมอดม้วยด้วยน้ำมือของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง

เข็มอู๋กู่เคลื่อนที่เร็วยิ่งนัก ขณะบินวูบไปมาแทบมองไม่เห็นตัวจริง มีแค่แสงดำผ่านไปวูบหนึ่งเท่านั้น

กริ๊ง! อันหนึ่งปะทะกับกระบี่หมอกราตรี ทำให้การโจมตีของกระบี่หมอกราตรีเบี่ยงเบนไป

อีกอันกลับพุ่งมาที่ลู่จือเวยตรงๆ

ลู่จือเวยอยู่ในขั้นฝึกปราณชั้น 9 มีพลังสูงกว่าผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงหนึ่งชั้น อีกทั้งไม่นานมานี้ได้ฝึกวิชากระบี่ไท่อี้เทียนซวี่ที่ลู่ผิงสอนจนเข้าใจชั้นต้น พลังต่อสู้เหนือกว่าเมื่อก่อนมาก

เมื่อเผชิญการซุ่มโจมตีจากเข็มอู๋กู่ ถึงแม้สีหน้าลู่จือเวยจะเปลี่ยนไป แต่เธอก็ตอบสนองทันเวลา

เธอควบคุมกระบี่หมอกราตรี ใช้ท่าไท่อี้เทียนซวี่ ระเบิดพลังดาบทองคำเข้มข้น ฟาดเข็มอู๋กู่ร่วงลงพื้นได้ในหนึ่งกระบวนท่า

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นชั่วพริบตา หากมีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ผลที่ตามมาลู่จือเวยคงดับสูญไปแล้วในชั่วขณะนั้น

"ระวังเข็มพิษซุ่มโจมตี ใครใช้วิชาป้องกันตัวได้ก็อย่าประหยัดปราณ รีบเพิ่มเข้าไปเลย!"

หลังผ่านพ้นวิกฤต ลู่จือเวยก็ไม่ลืมที่จะเตือน

ลู่ฉางเฟิงมีชุดเกราะแสงทองคุ้มกันร่าง เข็มอู๋กู่ขนาดนี้ทำร้ายเขาไม่ได้ ลู่จือเวยจึงไม่ค่อยเป็นห่วงลู่ฉางเฟิง

คำเตือนของเธอมีไว้ให้ฉู่กว้างหลิน จางเนี่ยนชวนและคนอื่นๆโดยเฉพาะ

การซุ่มโจมตีไม่ประสบผล กลับโดนลู่จือเวยแก้ไขได้ง่ายดาย ความหวาดกลัวปรากฏในดวงตาผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง เขาหมุนหม้อวิเศษในมือเล็กน้อยทันที ปล่อยแมลงวิญญาณจำนวนมากเข้าใส่ลู่จือเวย เปลี่ยนกลยุทธ์การโจมตี

เมื่อลู่ฉางเฟิงเห็นเหตุการณ์นี้ รู้ดีว่าน้องสาวไม่ได้ฝึกวิชาธาตุไฟ มีแค่วิชาลูกไฟเพียงหนึ่งท่าเท่านั้น เขาจึงหยิบกล่องดาบเพลิงออกมาอีกครั้ง ใช้คมดาบเปลวไฟปัดป้องการโจมตีแมลงวิญญาณแทนลู่จือเวย

อีกด้านหนึ่ง ฉู่กว้างหลินควบคุมอาวุธวิญญาณแผ่นหยกกลมที่ชื่อ 'เจิ้นยู่ผัน' ฟาดลงบนหม้อวิเศษของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงโดยตรงเพื่อตัดต้นตอการไหลออกของแมลงวิญญาณ

หลังถูกโจมตีรัวๆ ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงได้แต่หลบการโจมตีของเจิ้นยู่ผันไปก่อน ชักแมลงวิญญาณกลับมา แล้วควบคุมเข็มอู๋กู่โจมตีฉู่กว้างหลินเป็นหลัก ตั้งใจจะกำจัดศัตรูที่อ่อนแอที่สุดก่อน

แต่ลู่จือเวยจะยอมให้เขามีโอกาสนั้นได้อย่างไร นางควบคุมกระบี่หมอกราตรีบุกเข้าสังหารทันที ดาบหนึ่งฟาดลงกลางหม้อวิเศษพอดี