บทที่ 82 ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง
หลังจากปลาวิญญาณหางเขียวขายหมด ธุรกิจนี้ของนิกายชิงซานก็เปิดตัวได้อย่างสวยงาม
งานหลักของชิงชานจูในอีกสองเดือนข้างหน้า คือขายข้าวหยกใสและยาวิญญาณให้หมด เพื่อสะสมหินวิญญาณไปเช่าร้านเพิ่มอีกหลัง
หลังจากปรึกษากันแล้ว การลงทุนร้านค้าในตลาดของนิกายชิงซาน จะไม่ใช่การปรับปรุงซ่อมแซมร้านเดิม แต่จะเพิ่มจำนวนร้านอีกหนึ่งหลัง
ในอนาคตหากมีสองร้านเปิดดำเนินการพร้อมกัน ก็จะช่วยเพิ่มผลกำไรให้นิกายได้มากขึ้น
ขณะที่ชิงชานจูขายข้าววิญญาณและยาวิญญาณจำนวนมาก
ในวันหนึ่ง มีผลึกส่งสารวิ่งผ่านท้องฟ้ายาวนานแล้วร่อนลงหน้าประตูหอประชุมใหญ่อย่างโซเซบนยอดเขาชิงเหลียน
ลู่หยวนซานรับรู้ได้ เดินออกมาจากหอประชุม จำผลึกส่งสารได้ก็ขมวดคิ้ว
ผลึกส่งสารมาจากอำเภอกว้างเต๋อ ผู้ส่งคือฉู่เหมิงหยวน
นี่เป็นช่องทางติดต่อระหว่างอำเภอกว้างเต๋อกับนิกายชิงซาน หมายความว่ามีข่าวสำคัญที่ต้องส่ง ไม่เช่นนั้นจะไม่ส่งมาง่ายๆ
นิกายชิงซานปกป้องอำเภอกว้างเต๋อมาเต็ม 90 ปี นี่เป็นครั้งที่สองที่ได้รับผลึกส่งสารนี้
ครั้งแรกคือ 14 ปีก่อน ตอนเกิดเหตุอลหม่านเพราะพวกมารที่เขตหลูซาน
ปีนั้น อำเภอกว้างเต๋อถูกพวกมารสังหาร ลูกศิษย์นิกายชิงซานที่ประจำการอยู่เกือบจะล้มตายยกค่าย
ครั้งนั้นลู่หยวนซานก็เป็นคนรับผลึกส่งสารเช่นกัน
ครั้งนี้ที่อำเภอกว้างเต๋อจะมีอสูรหรือพวกมารปรากฏตัวอีกหรือ
ได้รับผลึกส่งสารเป็นครั้งที่สอง ลู่หยวนซานสูดลมหายใจเข้าลึก ส่งจิตสำรวจในผลึก อ่านเนื้อหาข้างใน
ในไม่ช้า คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันอย่างหนัก
เนื้อหาในผลึกส่งสารมีไม่ถึงร้อยตัวอักษร แต่ความหมายกลับชัดเจนตรงไปตรงมา
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอำเภอกว้างเต๋อ ทำให้ลู่หยวนซานรู้สึกค่อนข้างกังวลใจ
โดยสรุปคือในช่วงครึ่งเดือนมานี้ ในอำเภอกว้างเต๋อมีคนบำเพ็ญมารที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงคนหนึ่ง ใช้คำพูดชั่วร้ายหลอกลวงผู้คน โดยใช้ร่างคนธรรมดาเลี้ยงแมลงวิญญาณด้วยวิธีที่โหดร้ายทารุณ ทำให้ชาวบ้านเสียชีวิตไปแล้วกว่าร้อยคน
ฉู่เหมิงหยวนได้รับเรื่องร้องเรียนและพิสูจน์พฤติกรรมชั่วของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงแล้ว ถึงแม้เขาจะลงมือสังหารในทันที แต่เพราะความชราภาพและกำลังที่อ่อนแอ ทำให้เขาไม่สามารถกำจัดผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงได้ในที่สุด
ที่ฉู่เหมิงหยวนฝืนลงมือไป ยังทำให้พลังปราณของเขาได้รับบาดเจ็บ จนตอนนี้ไม่อาจคุกคามผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงได้อีก
ขณะนี้ เขาได้เปิดค่ายกลป้องกันเมืองไว้ กักตัวผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงเอาไว้ในเมืองได้ชั่วคราว และขอร้องให้ทางนิกายช่วยส่งลูกศิษย์มาสังหารผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง เพื่อคืนความสงบสุขให้อำเภอกว้างเต๋อ
นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกคนบำเพ็ญมารปรากฏตัวในอำเภอกว้างเต๋อ เรื่องนี้ก็ลำบากใจจริงๆ
ฉู่เหมิงหยวนเป็นผู้ฝึกตนขั้นฝึกปราณชั้น 8 ถึงแม้เพราะความชราจะทำให้ชี่และเลือดเสื่อมถอย ส่งผลต่อพลังบ้าง แต่ก็ยังพอเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นฝึกปราณชั้น 8 อยู่
แต่เมื่อลงมือครั้งนี้ ฉู่เหมิงหยวนกลับไม่สามารถกำจัดผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงได้ จึงอนุมานได้ว่าอีกฝ่ายมีพลังอยู่ในขั้นฝึกปราณชั้น 8 เป็นอย่างน้อย
ในนิกายชิงซาน ผู้ที่สามารถจัดการผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงได้ก็มีเพียงลู่หยวนซานเอง น้องสาวของเขา และลู่ฉางเฟิงเท่านั้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่อาจรอช้าได้
ลู่หยวนซานจึงต้องเลื่อนงานในมือของนิกายออกไปก่อน ตอบกลับผลึกส่งสารไปหนึ่งอัน บอกกับนิกายว่าจะจัดการเรื่องนี้ทันที แล้วก็ใช้วิชาตัวเบาบินลงจากยอดเขาชิงเหลียนในทันใด ไปเรียกประชุมขึ้นมา
การประชุมครั้งนี้ ไม่ได้เรียกลูกศิษย์มาร่วมด้วย ผู้เข้าร่วมมีเพียงลู่ฉางเฟิงและลู่จือเวยสองคนเท่านั้น
เพียงแค่ครึ่งชั่วยามเวลา ทั้งสามก็มาพร้อมหน้ากัน
หลังเล่าเรื่องผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงให้ลู่ฉางเฟิงกับลู่จือเวยฟังแล้ว ลู่หยวนซานก็ทำสีหน้าครุ่นคิด เขาตัดสินใจว่าไม่อาจรอช้าอีกต่อไปแล้ว
"ครั้งก่อนที่อำเภอกว้างเต๋อมีพวกมารปรากฏตัว เพื่อกำจัดพวกมาร นิกายของเราก็ลงทุนลงแรงไปมากมายแล้ว โชคดีที่ผลลัพธ์เป็นไปตามที่หวัง จับตัวพวกมารมาได้ กำจัดภัยเพราะพวกมารได้สำเร็จ"
"แต่ครั้งนี้ ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงก่อกวนอำเภอกว้างเต๋อ มีพฤติกรรมโหดร้ายทารุณไม่ต่างจากพวกมาร อำเภอกว้างเต๋อเป็นเมืองคนธรรมดาเมืองเดียวที่นิกายชิงซานยังคงปกป้องอยู่ ครั้งนี้นิกายชิงซานจะนิ่งดูดายไม่ได้เด็ดขาด"
"ในบรรดาพวกเจ้า ใครเต็มใจพาลูกศิษย์ไปอำเภอกว้างเต๋อ กำจัดผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง"
ลู่ฉางเฟิงและลู่จือเวยเข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ ต่างก็แสดงความเต็มใจที่จะไป
ตราบใดที่นิกายชิงซานยังคงปกป้องอำเภอกว้างเต๋ออยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนหรือเหตุการณ์ใดๆที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของชาวอำเภอกว้างเต๋อ นิกายชิงซานจะต้องออกโรงยุติทั้งสิ้น
"ครั้งนี้ พวกเจ้าไปด้วยกันทั้งคู่เลย ข้าเชื่อว่าด้วยการร่วมมือกันระหว่างพวกเจ้าสองคน ครั้งนี้ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงจะหนีไม่พ้นแน่"
ด้วยการผนึกกำลังของลู่ฉางเฟิงและลู่จือเวย กองกำลังขนาดนี้ ลู่หยวนซานถึงได้สบายใจขึ้นมาบ้าง
เมื่อตกลงคนนำทัพได้แล้ว การประชุมก็ยุติลง ลู่หยวนซานไปที่เขตที่พักของลูกศิษย์อีกครั้ง เลือกลูกศิษย์อีกสองสามคนมาร่วมเดินทาง
จางเนี่ยนชวน ซ่งหมิงฮุ่ย หลินหาน และฉู่ฉิน ได้รับคำสั่งให้ร่วมเดินทาง พวกเขาไม่ปฏิเสธ
พลังของทั้งสี่คนอยู่ในขั้นฝึกปราณระดับปลาย สามารถมีบทบาทในการควบคุมศัตรูได้ระดับหนึ่งในการต่อสู้ เมื่อเทียบกับลูกศิษย์ขั้นฝึกปราณระดับต้นและระดับกลางคนอื่นๆ พวกเขาเหมาะเป็นผู้ติดตามไปอย่างยิ่ง
หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะออกเดินทางในวันนั้น ลู่หยวนซานได้รายงานเรื่องนี้ให้ลู่ผิงทราบ หวังให้ลู่ผิงช่วยอำนวยความสะดวกด้วย จะดีมากหากสามารถติดตามไปกับพวกเขาด้วย
หากท่านพ่อยอมลงมือ แค่ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงตัวเดียวนี้ แม้จะมีถึงร้อยตัวก็ไม่ใช่ปัญหา
หลังทราบที่มาของเรื่องผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง ลู่ผิงก็ตอบตกลงโดยไม่พูดอะไรมากความ
แต่ไม่ใช่หมายความว่าเขาจะลงมือเอง แค่จะติดตามไปอย่างลับๆ
ก่อนหน้านี้เมื่ออัปเดตระบบ มีทั้ง [ฟื้นฟูพลังปราณ] และ [ป้องกันจุดตาย] ปรากฏขึ้น สองอย่างนี้เหมาะจะนำมาใช้ในการต่อสู้เป็นที่สุด
ตราบใดที่ลู่ฉางเฟิงกับพวกต้องการ ลู่ผิงจะไม่รีรอที่จะแลกซื้อมา
ขณะเดียวกัน ลู่ผิงก็ตรวจสอบในระบบด้วย เกี่ยวกับเรื่องของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง ระบบไม่ได้ให้ภารกิจสังหารแต่อย่างใด แม้แต่การแจ้งเตือนก็ไม่มี
เห็นได้ชัดว่า การสังหารผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตรางวัลของระบบ
อย่างไรก็ตาม ลู่ผิงไม่ใช่คนใจดำ เขาจะไม่นิ่งเฉยปล่อยให้ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงก่อกวนเพียงเพราะไม่มีของรางวัลจากระบบ
ลู่หยวนซานส่งผลึกข้อความตอบกลับไปหาฉู่เหมิงหยวน
เมื่อลู่ฉางเฟิงและคณะมาถึงอำเภอกว้างเต๋อ ฉู่เหมิงหยวนที่รอต้อนรับอยู่ก็เปิดค่ายกลเพื่อต้อนรับคณะเข้ามาในเมือง
เมื่อแรกพบ ลู่ผิงพบว่าสีหน้าของฉู่เหมิงหยวนไม่ค่อยดีนัก ยังไม่ทันได้สังเกตให้ดี ทางทิศตะวันตกของเมืองก็มีสัญญาณควันและดอกไม้ไฟพุ่งขึ้นฟ้า ทำให้ทุกคนต่างจับจ้องมอง
"นั่นคือสัญญาณส่งข่าว!"
"ผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงปรากฏตัวแล้ว!"
สีหน้าของฉู่เหมิงหยวนเปลี่ยนไป
นี่คือสัญญาณติดต่อที่ฉู่เหมิงหยวนกำหนดให้กับกองทหารรักษาเมืองในระยะหลัง เพื่อตามหาร่องรอยของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง
เมื่อดอกไม้ไฟดังขึ้น ก็หมายถึงผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงได้แสดงตัวแล้ว
ทุกคนมุ่งหน้าไปทางดอกไม้ไฟ เข้าไปในเขตชานเมืองทางตะวันตก
เพิ่งจะมาถึง ก็พบทหารรักษาเมืองราวสามสิบนายและผู้ฝึกตนอีกสองราย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีใบหน้าคุ้นตา เป็นชายชราผู้ฝึกตนสัญจรในเมือง
ลู่ผิงมองแค่ครู่เดียวก็จำได้ว่าชายชราคนนั้นคือ ฉู่กว้างหลิน
เขาคือผู้ที่เสนอให้รายงานเรื่องที่มีพวกมารปรากฏตัวในอำเภอกว้างเต๋อให้สำนักเทียนชูทราบในวันนั้นที่จับพวกมารได้
ปัจจุบันนี้ เนื่องจากผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลงก่อกวนอำเภอกว้างเต๋อ ทำให้เพื่อนสนิทของฉู่กว้างหลินคนหนึ่งต้องเสียชีวิตด้วยน้ำมือของผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง เขาจึงเดือดดาลยิ่งนัก ลุกขึ้นมาร่วมมือกับทหารรักษาเมืองเพื่อต่อสู้กับผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง
"มาได้จังหวะพอดี วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าตัวร้ายให้ตายเอง!"
เมื่อทราบจากฉู่เหมิงหยวนว่า ชายวัยกลางคนในชุดดำที่ใช้หม้อวิเศษรูปทรงคล้ายขวดในสนามรบคือผู้ฝึกวิชาวิญญาณแมลง ลู่ฉางเฟิงก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป รีบชักกล่องดาบเพลิงออกมาเข้าไปช่วยเหลือทันที