บทที่ 35 หนุ่มตัวลอยกับสาวก๋วยเตี๋ยว
ซู้ดดด..
เมื่อน้ำมันสีแดงฟูฟ่องในหม้อทองเหลืองขนาดเล็กเสียงสูดซดดังก้องทั่วถ้ำและพื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย้ายวน
ปรากฏร่างเด็กผู้หญิงปล่อยผมยาว เธอนั่งอยู่ข้างหม้อถือชามใบใหญ่และกินก๋วยเตี๋ยวในคําใหญ่ ขณะที่เธอกำลังสูดเส้นก๋วยเตี๋ยว เงาสีเงินพุ่งเข้ามาในถ้ำอย่างรวดเร็ว เธอเงยหน้าขึ้นและจ้องมองด้วยความประหลาดใจ
..ซู้ด…
นี่คือฉากที่ชูเหลียงเข้ามา
ถ้ำแห่งนี้ซ่อนอยู่หลังน้ำตก แม้ว่าจะไม่กว้างขวางนัก แต่ก็พอดีอย่างน่าประหลาดใจ ผนังตกแต่งด้วยหยกเรืองแสงและช่องระบายอากาศช่วยให้มั่นใจได้ว่าถ้ำมีแสงสว่างเพียงพอและระบายอากาศได้ดี
ภายในถ้ำไม่มีเครื่องใช้ที่สวยงามใด มีเพียงโต๊ะที่มีหม้อทองแดงและแก้วขนาดเล็กวางอยู่ ข้างโต๊ะเป็นเตียงหินสีขาวมีเบาะนุ่ม
ผู้หญิงที่สวยงามอย่างน่าทึ่งคนนี้นั่งอยู่ เธอชันขาหนึ่งขึ้นและอีกข้างหนึ่งขดอยู่บนเตียง
เธอใช้แขนซ้ายโอบหัวเข่าและกอดเข่าไว้ชิดหน้าอก ในเวลาเดียวกัน มือขวาของเธอกําตะเกียบไว้แน่นและกําลังจะกินอย่างตะกละตะกลาม ขณะที่ชูเหลียงพุ่งพรวดเข้ามาในถ้ำ เธอแข็งไปด้วยความประหลาดใจและเส้นก๋วยเตี๋ยวถูกคีบอยู่กลางอากาศ
ผมของเธอถูกผูกไว้อย่างหลวมๆ ที่ด้านหลัง มีผมไม่กี่เส้นที่ทัดและบังหูของเธอ ร่างของเธอคล้ายกับภาพวาดหมึกที่มีโครงร่างที่ชัดเจนและละเอียดอ่อน ผิวของเธออ่อนนุ่มและเปล่งประกาย อาจเป็นเพราะความเผ็ดร้อนของอาหารที่ทำให้แก้มของเธอโดดเด่นด้วยไปด้วยสีกุหลาบ
ทุกสัดส่วนของเธอนั้นสวยงาม ขาเรียวยาวของเธอบ่งบอกถึงความสูงของเธอ ในขณะที่รูปร่างของเธอยังคงมีสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ เธอมาในชุดลําลองสีขาวอ่อนที่ไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย เส้นโค้งที่มีเสน่ห์ของร่างกายของเธอแกว่งไปแกว่งมาเบาๆ ทําให้นึกถึงเส้นโค้งของภูเขาและแม่น้ําที่คดเคี้ยว
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แม้ว่าเธอจะนั่งเฉยๆ คาบก๋วยเตี๋ยวไว้ในปาก และจ้องมองอย่างใจลอย... แต่ความงามอันน่าทึ่งของเธอมิได้ลดลงแต่อย่างใดเลย
ชูเหลียงเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนและตระหนักว่าเขายังลอยอยู่ในอากาศ สิ่งมีชีวิตสีขาวตัวนั้นประคองเขากระโดดขึ้น
..หนุ่มตัวลอยและสาวก๋วยเตี๋ยวได้พบกันเป็นครั้งแรกแล้ว..
ลูกไป๋เจ๋อกระโดดไปมาและเห็นได้ชัดว่ามันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันแบกชูเหลียงเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นและกระโดดไปรอบๆ เธออย่างมีความสุข
ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็รู้สึกตัวและรีบกินก๋วยเตี๋ยวคําใหญ่
ซู๊ดด..
หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวนั้นแล้ว เธอก็เช็ดปากและหันไป
ในเวลานี้ชูเหลียงตบคอของลูกไป๋เจ๋อเบาๆ เพื่อส่งสัญญาณให้มันหยุด จากนั้นเขาก็กระโดดลงมาที่พื้น
ซึ่งทั้งคู่ได้แลกตากันแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ลูกไป๋เจ๋อที่ดูเหมือนจะไม่รู้มารยาททางสังคมยังวิ่งกระโดดไปรอบตัวพวกเขาอย่างมีความสุข
"เอ่อ.. ข้าขอโทษขอรับ" ชูเหลียงพูด "ลูกไป๋เจ๋อตัวนี้เจอข้าเข้า มันให้ข้าขี่หลัง ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดมันจึงพาข้ามาที่นี่ ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวนท่าน"
เด็กหญิงถูกรบกวนอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่มีหญิงสาวคนไหนอยากให้คนอื่นเห็นเวลาที่เธอกินก๋วยเตี๋ยวอย่างตะกละตะกลาม
"มิเป็นไร..." เด็กหญิงเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่เมื่อเธอเห็นท่าทีที่สุภาพของชูเหลียง เธอก็อดไม่ได้ที่จะตอบกลับไปอย่างสุภาพเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอหันไปลูกไปเจ๋อ สีหน้าของเธอก็แสดงความอึดอัดและความรําคาญออกมา
ลูกไปเจ๋อที่กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข เมื่อเห็นเธอมองมันก็หยุดและเอียงคอมองเธอ ราวกับว่ากําลังคิดว่าตัวเองอาจทําอะไรผิดอยู่หรือเปล่า
ชูเหลียงมองผู้หญิงคนนั้น ทันใดนั้นเขาก็ถามขึ้นว่า "ท่านคือ เจียง…”
"ไม่!" หญิงสาวขมวดคิ้วทันทีและปฏิเสธเสียงดัง
เมื่อมองไปทั่วภูเขาฉูซาน เมื่อพูดถึงความงามอันน่าทึ่ง ชื่อแรกที่นึกถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ นางฟ้าเจียง เจียงเยว่ไป๋ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง
ก่อนหน้านี้ชูเหลียงเคยเห็นเจียงเยว่ไป๋จากระยะไกลบนยอดเขาเทียมสวรรค์ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ามีหน้าตาคล้ายกันอย่างน่าประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม เจียงเยว่ไป๋ที่เขาเห็นในเวลานั้นให้อารมณ์ที่สูงส่งและสง่างามเหมือนเทพธิดาซึ่งดูห่างไกลจากหญิงสาวที่กำลังกินอย่างตะกละตะกลามต่อหน้าเขา
สิ้นเสียงปฏิเสธ ชูเหลียงทำได้เพียงกะพริบตา
แต่ข้ายังไม่ได้บอกชื่อ...
...
ชางจื่อเหลียงและคนรับใช้ของเขาเบียดเสียดกันอยู่ในพุ่มไม้ ทั้งสามคนมีความสับสนอย่างยิ่ง
"มันไม่ควรเป็นแบบนี้"
"นี่ไม่มีเหตุผลเลย"
แม้หลายวันผ่านไป แต่ความเจ็บปวดที่พวกเขาได้รับจากไป๋เจ๋อในวันนั้นยังคงจารึกอยู่ในความทรงจำของพวกเขาอย่างชัดเจน
ในเวลานั้นพวกเขาเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเจดีย์ขุมทรัพย์ได้เพียงไม่กี่ก้าวและร่างที่รวดเร็วปานสายฟ้าสีเงินก็กระแทกพวกเขาจากด้านข้างทําให้พวกเขาล้มระเนระนาด
มันเหยียบย่ำพวกเขาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทั้งสามคนถึงกับต้องร้องขอความเมตตา ก่อนที่จะสบโอกาสดีดตัวขึ้นกลางอากาศและหลบหนีออกจากยอดเขา
แต่พวกเขาก็บ่นมิได้
ท้ายที่สุดแล้ว นี่เป็นลูกหลานของสัตว์พิทักษ์สวรรค์ของฉูซานในตํานาน มันถูกกำหนดให้เติบโตเป็นผู้พิทักษ์นิกายฉูซานสืบต่อไปในอนาคต
มันจะทุบตีเราก็ไม่เป็นไร..
..แต่ เหตุใดจึงมีแค่พวกเราที่โดนเล่า!
เราทำงานหนักเพื่อพาชูเหลียงมาที่นี่..
แต่เจ้ากลับ เจ้าเป็นสัตว์พิทักษ์สวรรค์อารมณ์ร้อนมิใช่หรืออย่างไร
เมื่อพวกเขาเห็นลูกไป๋เจ๋อกระโจนเข้าหาชูเหลียง ความตื่นเต้นของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นทุกวัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด
พวกเขามองไป๋เจ๋อเริ่มเลียชูเหลียงด้วยความประหลาดใจ เมื่อใดก็ตามที่มันเลียชูเหลียง ชางจื่อเหลียงก็จะรู้สึกเหมือนโดนไป๋เจ๋อเหยียบหน้าของเขาอีกครั้ง
มันมิใช่เพียงเท่านั้น
มันเต็มใจให้ชูเหลียงนั่งบนมันเสียอีกต่างหาก
มันเป็นสัตว์สวรรค์!
ความหมายของการที่สัตว์สวรรค์ยอมให้คนขี่มันแตกต่างจากการนั่งสัตว์พาหนะทั่วไปอย่างสิ้นเชิง โดยรวมแล้ว นี่ถือได้ว่าเป็นการแบกชะตากรรมของนิกายฉูซานเลยทีเดียว แม้ว่าการตีความแบบนี้อาจจะดูยิ่งใหญ่เกินเจตนาของไป๋เจ๋อตัวน้อยที่ต้องการเล่นกับชูเหลียง
อย่างไรก็ตาม การยอมรับความจริงนี้ยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทายต่อผู้คนที่ได้เห็นอย่างมาก
"เห้อ" ชางจื่อเหลียงถอนหายใจและถามว่า "เหตุผลคืออะไรกัน"
คนรับใช้อยู่ครู่หนึ่ง "เขาหล่อเหรอ"
เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ดูเหมือนว่านี่เป็นคําอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ที่เขาจะคิดได้
ผั้วะ!
จางจื่อเหลียงฟาดคนรับใช้ของเขาทันที "เจ้าจะบอกว่ามันหล่อกว่าข้างั้นหรือ"
"ไม่ใช่ขอรับ เพียงแต่..." คนรับใช้เอามือปิดหน้าและรีบกล่าวต่อว่า "พวกเราอาจจะไม่ใช่แบบที่ไป๋เจ๋อชอบ"
เห็นได้ชัดว่าชางจื่อเหลียงโกรธมาก เขาหันไปหาคนรับใช้อีกคนและถาม “เจ้าคิดอย่างไร”
คนรับใช้เกาหัวและตอบว่า "เอ่อ ข้าหิวแล้ว"
"..ช่างมัน" ซ่างจื่อเหลียงยกเท้าขึ้นและเตะคนรับใช้กระเด็นไปด้านข้าง
ขณะที่ทั้งสามกำลังดิ้นรนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่น่าฉงนนี้ ทันใดนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นเงาที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้า และมีเงาดําขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า
"เอ๋" ซางจื่อเหลียงเงยหน้าขึ้น เขาเห็นร่างที่มีเกล็ดกําลังใกล้เข้ามา
สัตว์ร้ายขนาดยักษ์ กำลังจะลงมาแล้ว
"บนยอดเขาเจดีย์ขุมทรัพย์แห่งนี้ยังเหลือร่องรอยพลังของเจดีย์มารมิใช่หรือ สถานที่แห่งนี้ไม่เคยมีปีศาจกล้าเข้าใกล้ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น" ชางจื่อเหลียงถามอย่างครุ่นคิด
"นายท่าน บางทีเราไม่ควรพัวพันกับเรื่องนี้ในตอนนี้" คนรับใช้แนะนําและสายตาของเขาจ้องมองร่างดําทะมึนที่กําลังจะมาถึง
"แล้วพวกเราควรทําอย่างไรเล่า" ซางจื่อเหลียงถาม
"เราหลบกันก่อนเถิด" คนรับใช้กล่าว
"ฮึ่ม ซ่อนงั้นหรือ" ชางจื่อเหลียงหัวเราะและเสริมว่า "ตลอดมา บนเขาฉูซานแห่งนี้ ใครจะลงมาบนหัวข้า..."
ตูมมม!!
ต้นไม้ล้ม แผ่นดินสั่นสะเทือน
มีลักษณะกิ้งก่าขนาดใหญ่ มีความยาวประมาณ 7-8 จางและสูงกว่าสองจาง [1] มีเขาอันโดดเด่นยื่นออกมาบริเวณหน้าผาก หลังของมันมีปีกยาว เกล็ดหนาและซับซ้อนสีเข้ม
เมื่อมันกระแทกกับพื้น มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความคล่องตัวและความเร็วที่น่าทึ่งในทันที ซึ่งมันตรงกันข้ามกับร่างกายที่ใหญ่โตของมัน มันร่อนเหนือพื้นดินและหายไปในพริบตา
สิ่งที่เหลืออยู่คือซากของป่าที่ราบเรียบพร้อมกับร่างมนุษย์สามร่างที่ถูกมันอัดกระแทกจมดิน..
1.หนึ่งจางมีขนาดประมาณ 3.33 เมตร