บทที่ 303: ขอบฟ้าพริบตา แนวคิดมิติ (ตอนฟรี)
บทที่ 303: ขอบฟ้าพริบตา แนวคิดมิติ
จิตใจของเขากลับมาที่ร่างหลักของเขา ลู่หยุนจ้องมองไปที่ภาพวาดตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้ง
เมื่อมาถึงจุดนี้ แสงลึกลับที่มันปล่อยออกมาก็ค่อยๆ จางหายไป
ทันทีหลังจากนั้น ภาพวาดตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์ก็แตกสลายและกลายเป็นเส้นแสงดาวหายไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
เหตุการณ์กะทันหันนี้ทำให้ลู่หยุนตกใจในทันที
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนอง พื้นที่แม่น้ำดวงดาวก็เริ่มพังทลายลง และร่างกายของเขาก็หยุดนิ่งชั่วคราว เมื่อเขากลับมาได้สติ มันก็มีเพียงเสาหินทองสัมฤทธิ์อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น
“ในที่สุดก็ออกมา”
เมื่อผู้อาวุโสลั่วเห็นร่างกายของลู่หยุนสั่นไหว ร่องรอยของความประหลาดใจก็แวบขึ้นมาในดวงตาของเขา
สิบสองชั่วโมง!
ลู่หยุนทำความเข้าใจเสาหลักอยู่เป็นเวลาสิบสองชั่วโมงเต็ม ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุดที่ใครก็ตามจะสามารถทำความเข้าใจเสาตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์ได้จนถึงตอนนี้
ก่อนหน้านี้ เวลาที่ยาวที่สุดที่ใช้ในการทำความเข้าใจเสาตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์คือหกชั่วโมง มันสร้างขึ้นโดยความภาคภูมิใจจากสวรรค์เมื่อร้อยปีก่อนจากสถาบันศึกษาวรยุทธ์วิญญาณเหิน
แต่ตอนนี้ ลู่หยุนก็ได้เพิ่มขีดจำกัดเวลาเป็นสองเท่า
ยิ่งเวลาทำความเข้าใจนานเท่าไร มันก็ยิ่งเก็บเกี่ยวได้มากขึ้นเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดอย่างลู่หยุน
ร่างกายของผู้อาวุโสลั่วสั่นด้วยความตื่นเต้น และดวงตาขุ่นมัวของเขาก็เปล่งประกายขณะที่เขาจ้องมองไปที่ลู่หยุนอย่างตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานะในปัจจุบันของลู่หยุนค่อนข้างแปลก ราวกับว่าเขากำลังตระหนักหรือนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง ผู้อาวุโสลั่วจึงไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ
ไม่นานนัก ความสับสนในดวงตาของลู่หยุนก็หายไป ราวกับว่าเขาได้สติแล้ว
“ลู่หยุน เจ้าเป็นยังไงบ้าง” ผู้อาวุโสลั่วเห็นลู่หยุนเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“ก็ไม่เลว” ลู่หยุนพยักหน้า เขาไม่รู้ว่าจะตอบผู้อาวุโสลั่วยังไงอยู่ครู่หนึ่ง เขาจะบอกอีกฝ่ายว่าเขาไม่ทันทำความเข้าใจอะไรเลย และมรดกก็วิ่งเข้ามาในทะเลจิตของเขาเอง และเขายังได้ชมการต่อสู้อันทรงพลังฟรีได้หรอ?
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขาออกมา เขาก็ได้เห็นภาพวาดตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์แตกสลายลงกับตาของเขาเอง เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลังที่มาทำความเข้าใจมันหรือไม่
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็มองย้อนกลับไปที่เสาหินทองสัมฤทธิ์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนเมื่อก่อน ลวดลายลึกลับบนเสาหินทองแดงยังคงเป็นปริศนา แต่แสงลึกลับที่มันปล่อยออกมานั้นก็ค่อนข้างอ่อนแอ โดยไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจและสูญเสียความรู้สึกที่เคยมีอีกต่อไปในทันที
เพื่อยืนยันความคิดของเขา ลู่หยุนมองไปที่ผู้อาวุโสลั่วและถามว่า “ผู้อาวุโสลั่ว ท่านเห็นความแตกต่างระหว่างเสาหินทองแดงนี้กับก่อนหน้านี้หรือไม่”
“หืม?” ผู้อาวุโสลั่วเมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็มองเสาตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างระมัดระวังครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อย “เสาตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้วและไม่เคยเปลี่ยนแปลง เจ้าสังเกตเห็นความแตกต่างอะไรงั้นรึ?”
“ก็ไม่นะ” ลู่หยุนจะไม่ยอมรับความผิดอย่างแน่นอน
หลังจากออกจากชั้นสี่แล้ว ลู่หยุนก็ถามว่า “ผู้อาวุโสลั่ว ท่านช่วยบอกความลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับเสาตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์หน่อยได้ไหม”
“จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ความลับอะไรหรอก”
ผู้อาวุโสลั่วยิ้มและพยักหน้า “มีเสาตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์จำนวน 365 เสา สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิบรรพกาลรุ่นแรก ซึ่งจากนั้นก็ได้ทิ้งมรดกวรยุทธ์ไว้เป็นการส่วนตัว”
“เสาตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งมีวิชายุทธ์มากมาย ครอบคลุมทุกสิ่ง ตราบใดที่เราสามารถเข้าใจวิชายุทธ์ในนั้นได้ เราก็จะมีโอกาสที่จะก้าวไปสู่ขอบเขตเมล็ดรูนได้”
ในที่สุด เขาก็หยุดครู่หนึ่งและพูดอย่างลึกลับว่า “มีข่าวลือว่าความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเสาตรัสรู้ศักดิ์สิทธิ์คือวิชาลับในการสร้างร่างกายศักดิ์สิทธิ์”
“วิชาลับสร้างร่างกายศักดิ์สิทธิ์?!” ดวงตาของลู่หยุนเปล่งประกายเจิดจ้าเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“ข่าวลือนี้มาจากรัฐกลางและรัฐหวู พวกเขามีอัจฉริยะที่เข้าใจวิชาลับสร้างร่างกายศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นในโมริจิน”
ผู้อาวุโสลั่วมองย้อนกลับไปที่ลู่หยุนและยิ้ม “หากบุตรนักบุญของเราสามารถเข้าใจวิชาลับสร้างร่างกายศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ได้ สถาบันของเราก็คงจะได้กำไรครั้งใหญ่”ล
“วิชาลับสร้างร่างกายศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังขนาดนั้นเลยหรอ?”
ผู้อาวุโสลั่วยิ้มเล็กน้อย “ในเวลานั้น จักรพรรดิบรรพกาลรุ่นที่หนึ่งมีศิษย์เก้าคน และทั้งเก้าคนล้วนเป็นความภาคภูมิใจจากสวรรค์ที่ฝึกวิชานี้”
“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน และตำราก็ไม่มีบันทึกใดๆ เช่นกัน” ลู่หยุนพยายามขุดหาข้อมูลเพิ่มเติมทางอ้อม
“บางสิ่งแน่นอนว่าไม่สามารถบันทึกได้และถ่ายทอดได้เพียงปากต่อปากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่จักรพรรดิบรรพกาลหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายร้อยปีก่อน ศิษย์ทั้งเก้าของเขาเองก็หายตัวไปจากโมริจิน และรวมกันแล้ว ร่องรอยทั้งหมดก็ถูกลบทิ้งไปภายในชั่วข้ามคืน”
“บุคคลที่ทรงพลังบางคนคาดเดาว่าจักรพรรดิบรรพกาลได้นำเหล่าศิษย์ของเขาข้ามดินแดนรกร้างอันยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดไปสู่อาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จู่ๆ ลู่หยุนก็นึกถึงฉากที่เขาเคยเห็นโดยบังเอิญก่อนหน้า
กล่าวกันว่าในยุคที่เก้ารัฐอยู่ภายใต้การปกครองของร้อยนิกาย จู่ๆ จักรพรรดิบรรพกาลก็ปรากฏตัวขึ้นและล้มล้างการปกครองของร้อยนิกายในขณะที่ขับไล่สัตว์อสูรออกจากเก้ารัฐ
แล้วจักรพรรดิบรรพกาลปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร? เขาไม่ได้มาจากร้อยนิกาย หรือจากตระกูลขุนนางใดๆ ในเก้ารัฐอย่างแน่นอน
ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่จะโค่นล้มการปกครองของร้อยนิกายและขับไล่สัตว์อสูรได้ บุคคลดังกล่าวจะปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ส่งเสียงไม่ได้
“บางทีสิ่งที่ข้าเห็นในม้วนภาพอาจจะเป็นเรื่องจริง และจงใจทิ้งไว้ในมรดกโดยจักรพรรดิบรรพกาล”
ลู่หยุนไม่รู้ว่าเขาพูดถูกหรือไม่ และเขาก็ไม่อยากบอกผู้อาวุโสลั่วหรือใครก็ตามเกี่ยวกับเรื่องนี้
มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าความลับนี้จะทำให้เกิดพายุแบบไหนหากมันพัดออกไป ลู่หยุนนึกไม่ออกถึงผลที่จะตามมา
สำหรับตอนนี้ เป็นการดีที่สุดที่จะมุ่งเน้นไปที่ปัจจุบันและรอโอกาสที่เหมาะสมในการตรวจสอบ
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังคงเป็นเรื่องของความแข็งแกร่ง
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นหนึ่งในมหาอำนาจชั้นนำในเขตวิญญาณยุทธ์ แต่มันก็ยังมีคนจำนวนมากที่แข็งแกร่งกว่าเขาทั่วทั้งรัฐหลิงและโมริจินทั้งหมด
หลังจากออกจากศาลาตำรายุทธ์แล้ว ลู่หยุนก็กลับไปที่อาคารยา
เขาเป็นหัวหน้าของที่นี่ และมันก็เป็นเหมือนบ้านของเขา
“นายท่าน นี่คือสมุนไพรวิญญาณที่เรารวบรวมได้เมื่อเร็วๆ นี้”
ทันทีที่เขาเห็นลู่หยุน หวงฉีก็ทักทายเขาอย่างมีความสุข โดยจงใจเพิ่มความเคารพให้กับน้ำเสียงของเขา
ก่อนหน้านี้ เขาเคารพลู่หยุนเนื่องจากสถานะ แต่ตอนนี้เขาก็เคารพในความแข็งแกร่งของลู่หยุนด้วย
ความเคารพนี้มาจากใจของเขา
“เอาล่ะ แล้วข้าจะหาเวลาเปลี่ยนพวกมันให้เป็นยา” ลู่หยุนยิ้ม เขาพยักหน้า รวบรวมสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดแล้วเดินตรงไปที่ชั้นบน
อาคารยาชั้น 5 ห้องฝึกฝน
ลู่หยุนนั่งขัดสมาธิบนเบาะ
[ชื่อ]: ลู่หยุน
[ที่อยู่]: สถาบันศึกษาวรยุทธ์วิญญาณเหิน
[เทคนิคการฝึกฝน]: ศาสตร์วรยุทธ์หยางพิสุทธิ์ (บทรากฐานเหลว ขั้นเชี่ยวชาญ 1%), ตำรากระบี่วายุพิศวง (ระดับห้า: ทำลายล้างสุดขีด 100%) วิชากระบี่ทำลายชีวิต (ระดับหนึ่ง: บาปแห่งการทำลายล้าง 100%) ตำราวายุอัสนี (ระดับสอง: เคลื่อนวายุอัสนี 100%), คัมภีร์หมัด (ระดับหนึ่ง: ตะวันแดงทลายนภา 100%), คัมภีร์ดัชนี (ระดับหนึ่ง: ดัชนีภัยพิบัติไร้รูป 100%), ก้าวร่ายรำสายลมลวงตา (ขั้นต้น), เงาเมฆา (ขั้นต้น),
[ร่างกาย]: กายาเซียนทองมหาตะวัน (ก่อนเข้า)
[พรสวรรค์โดยกำเนิด]: ระดับ 8
[ขอบเขตวรยุทธ์]: ขอบเขตรากฐานเหลวขั้นปลาย
[ค่าพลังงาน]: 123,000 (เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ 8 ทุกวัน)
[แนวคิด]: แนวคิดการสังหาร (ระดับสาม 35%), แนวคิดอัสนี (ระดับสอง 27%)
[ทักษะ]: เทคนิคการปรุงยาระดับ 6 (1%)
[พรสวรรค์]: เปลวเพลิงดอกบัวขาว (ระดับสี่ 1%)
[ค่าโชค]: 46 (บุตรนักบุญแห่งสถาบันศึกษาวรยุทธ์: เพิ่มขึ้น 1 ทุกวัน)
ต้องใช้ค่าพลังงานเกือบ 30,000 แต้มในการยกระดับบทรากฐานเหลวไปสู่ขั้นต่อไป
มันไม่มากเท่าที่เขาจินตนาการไว้ แต่ลู่หยุนก็ยังต้องระมัดระวังเกี่ยวกับวิธีการใช้มัน
ความสนใจของลู่หยุนมุ่งเน้นไปที่แถบร่างกายที่เพิ่งปรากฏบนหน้าจอ
มันคือกายาเซียนทองมหาตะวันซึ่งถูกเพิ่มเข้ามาในหน้าจอโดยอัตโนมัติหลังจากหลอมรวมเข้ากับจิตสำนึกของเขา
[กายาเซียนทองมหาตะวัน หนึ่งใน 365 ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ สร้างขึ้นโดยราชาตะวันศักดิ์สิทธิ์]
เมื่อเห็นข้อมูลบนหน้าจอ ดวงตาของลู่หยุนก็หดตัวลงราวกับว่าเขาได้ค้นพบดินแดนใหม่ด้วยความตื่นเต้นจนตัวสั่น
‘ 365 ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์’ และ ‘ราชาตะวันศักดิ์สิทธิ์’ มันมีข้อมูลมากเกินไป
ตัวอย่างเช่น นอกจากกายาเซียนทองมหาตะวันแล้ว มันยังมีร่างกายศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อีกกว่า 364 ร่าง
แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยนิข่าวลือเช่นนี้มาก่อนในโมริจิน
นอกจากนี้ ตัวตนของ 'ราชาตะวันศักดิ์สิทธิ์' ที่สร้างร่างกายศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ก็ควรจะต้องมีชื่อเสียงมาก แต่กระนั้นมันก็กลับไม่มีบันทึกของ 'ราชาตะวันศักดิ์สิทธิ์' ในเอกสารสำคัญของโมริจินเลย
ไม่แม้แต่จะมีใครเคยได้ยินชื่อเล่น 'ราชาตะวันศักดิ์สิทธิ์' และความรู้เกี่ยวกับร่างกายศักดิ์สิทธิ์ก็จำกัดอยู่เพียงข่าวลือ
จากสิ่งนี้ ลู่หยุนสามารถอนุมานได้ว่าทั้งสิบสองรัฐของโมริจินนั้นอาจเป็นเพียงสาขาเล็กๆ แห่งหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์
หากการคาดเดานี้เกิดกระจายออกไป มันก็จะทำให้เกิดความโกลาหลอย่างไม่น่าเชื่อ
นี่เป็นเพราะในหัวใจของทุกคน เผ่าพันธุ์มนุษย์คือโมริจิน
และโมริจินก็คือเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด
แต่กระนั้นข้อมูลเกี่ยวกับ '365 ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์' และ 'ราชาตะวันศักดิ์สิทธิ์' ก็ถือเป็นการเปิดเผยเรื่องราวที่สมบูรณ์สำหรับความเข้าใจของทุกคน
“เมื่อมองเช่นนี้ การหายตัวไปของจักรพรรดิบรรพกาลและศิษย์ทั้งเก้าของเขาก็อาจไม่ง่ายนัก โลกนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด”
“ความลับทั้งหมดอาจถูกซ่อนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของภิ่นทุรกันดารอันรกร้างไร้ที่สิ้นสุด”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ลู่หยุนก็เริ่มสนใจที่จะเข้าไปในถิ่นทุรกันดารมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลักฐานทั้งหมดก็บ่งชี้ว่าเขาต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มากกว่านี้ก่อน
มิฉะนั้น แม้แต่สัตว์อสูรระดับเจ็ดก็อาจสามารถปลิดชีพเขาลงได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น หากสิ่งที่เขาเห็นในภาพวาดตรัสรู้ศักดืสิทธิ์เป็นความจริง โลกภายนอกก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก
เขารวบรวมความคิดของเขา
“อัพเกรด”
[ใช้ค่าพลังงาน 500 แต้ม ก้าวร่ายรำสายลมลวงตาอัพเกรดเป็นระดับหนึ่ง (1%)]
[ใช้ค่าพลังงาน 450 คะแนน เงาเมฆาอัพเกรดเป็นระดับหนึ่ง (1%)]
[พบว่าตำราวายุอัสนีสามารถหลอมรวมกับก้าวร่ายรำสายลมลวงตาและเงาเมฆาได้ โดยใช้ค่าสพลังงาน 10,000 แต้ม ]
หลังจากลังเลเพียงครึ่งลมหายใจ ลู่หยุนก็เลือกที่จะหลอมรวมโดยทันที
ช่วงเวลาต่อมา ค่าพลังงานบนหน้าจอก็ลดลงอย่างรวดเร็ว 10,000 แต้มและจากนั้นการหลอมรวมก็เริ่มขึ้น
สิบสองชั่วโมงต่อมา การหลอมรวมก็เสร็จสมบูรณ์
[ ขอบฟ้าพริบตา: ตำราวายุอัสนีระดับสาม เมื่อถึงขั้นสมบูรณ์ มันสามารถทะลุผ่านมิติและเคลื่อนที่ห่างออกไปนับหมื่นลี้ได้ในทันที]
“เคลื่อนที่ห่างออกไปนับหมื่นลี้ได้ในทันที?” ดวงตาของลู่หยุนสว่างขึ้นเมื่อเขาเห็นข้อมูลนี้
มันมหัศจรรย์มาก!
“อัพเกรดต่อเลย”
ค่าพลังงานลดลง 25,000 แต้มในครั้งเดียว
ร่างสีเทาในใจของเขาเริ่มฝึกฝน...
หลังจากนั้นไม่นาน ความทรงจำก็หลอมรวม และความสนใจของลู่หยุนก็กลับมาที่หน้าจอ
[วรยุทธ์]: ตำราวายุอัสนี (ระดับสาม: ขอบฟ้าพริบตา 100%)
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ทันทีที่ความก้าวหน้าในการฝึกฝนถึง 100% ลู่หยุนก็รู้สึกราวกับว่าเขาเริ่มสนิทสนมกับโลกมากขึ้น
เขารู้สึกอยากที่จะรวมเข้ากับพื้นที่มิติตามต้องการเล็กน้อย
“เดี๋ยวนะ! มีบางอย่างแปลกๆ!”
สายตาของลู่หยุนกลับมาที่หน้าจอ
[แนวคิด]: แนวคิดการสังหาร (ระดับสาม 35%), แนวคิดอัสนี (ระดับสอง 27%), แนวคิดพื้นที่มิติ (ระดับหนึ่ง 17%)...