บทที่ 223 เจ้าคือใต้เท้าหลง!
เหวินจิงเทาและเหวินซิ่วหลานหันมองไปรอบๆ อย่างลนลานด้วยประหลาดใจ ทั้งคู่อยู่ในท่าทีพร้อมลงมือครั้นเสียงผู้ไม่ได้เชิญดังขึ้น
ระหว่างทั้งสองยังกวาดสายตามองหาเจ้าของเสียงอยู่นั้น เหวินจิงเทาก็ถึงกับสะดุ้งเบิกตาหลังเพิ่งสังเกตเห็นหยางเสี่ยวเทียนและอูฉี ที่ไม่รู้ยืนปรากฏตัวภายในกระท่อมร้างตั้งแต่เมื่อไร
เหวินจิงเทาตกอยู่ในอาการสับสนด้วยไม่รู้จักหยางเสี่ยวเทียนและอูฉี ต่างจากการแสดงออกของเหวินซิ่วหลานที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“หยางเสี่ยวเทียน เจ้าเอง!”
“หยางเสี่ยวเทียนรึ!” ครั้นเหวินจิงเทาได้ยินดังนั้น ความตกใจจึงพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เพลานี้ เขามองไปยังหยางเสี่ยวเทียนและอูฉีด้วยความสับสน พร้อมเผยปากถามประโยคก่อนหน้า
“หยางเสี่ยวเทียน เมื่อครู่เจ้าหมายถึงอะไร”
จบประโยค หน้ากากหัวมังกรของหยางเสี่ยวเทียนก็เลื่อนลงมาปกปิดใบหน้า พร้อมไอดำมืดปรากฏปกคลุมไปทั่วร่างกายอย่างน่าพรั่นพรึง
“เจ้าคือใต้เท้าหลง!” เหวินจิงเทาตื่นตะลึง เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของหยางเสี่ยวเทียน หัวใจเขาเพลานี้สั่นสะท้านอย่างมิอาจยับยั้งได้
ปรากฏว่าใต้เท้าหลง ปรมาจารย์นักปรุงโอสถลึกลับ ซึ่งผู้ใดก็ล้วนยอมรับว่าเขาคือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งแลโชคลาภ และมาตรว่าอาจเป็นปรมาจารย์จากเผ่ามังกร แต่ตอนนี้ เขาผู้นั้นกลับกลายเป็นเด็กน้อยหยางเสี่ยวเทียน
อาการตื่นตะลึงนี้ เหวินซิ่วหลานก็มีอากัปกิริยาไม่ต่างจากเหวินจิงเทาเลย แม้ดูเหมือนจะมากกว่าด้วยซ้ำ
และทันใดนั้น เหวินจิงเทาก็เข้าใจในที่สุด ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมใต้เท้าหลงจึงมีสาส์นทั้งหกฉบับที่เขาส่งถึงเจ้าผู้นำพรรคดาบโลหิต
เช่นนั้น เบาะแสหยางเสี่ยงเที่ยนผู้เป็นมือสังหารบุตรชายเจ้าผู้นำพรรคดาบโลหิตที่เขาส่งให้ครั้งก่อนหน้า พวกมันก็ทำงานไม่สำเร็จงั้นหรือ
จากข่าวล่าสุดที่ทราบ เจ้าผู้นำพรรคดาบโลหิต นำสมุนเกือบสามพันคนออกติดตามสกัดกั้นหมายสังหารหยางเสี่ยวเทียนมิใช่หรือ แล้วไฉนถึงยังไม่สำเร็จกระทั่งได้พบสาส์นอันเป็นหลักฐานมัดตัวการอย่างเขาเช่นนี้
เหตุทั้งหมด เป็นเพราะอย่างนี้เองสินะ!
“หยางเสี่ยวเทียน ข้าจะฆ่าเจ้า!” เหวินจิงเทาเดือนพล่านพร้อมเคลื่อนตัวปรี่เข้าหาหยางเสี่ยวเทียนทันที
หากมิใช่เพราะหยางเสี่ยวเทียน มีหรือที่คนเช่นเขาจะประสบกับความผิดพลาดจนต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดอย่างน่าสมเพช
ความเกลียดชังที่เขามีต่อหยางเสี่ยวเทียน ดูจะมากจนสูงเสียดฟ้ากว่าเหวินจิงอวี๋เพลานี้เสียอีก
ระหว่างหมัดจากเหวินจิงเทากำลังพุ่งหาหยางเสี่ยวเทียนด้วยความโกรธแค้น กำปั้นเขาก็ประจัญกับหมัดอูฉีผู้บรรลุเข้ามาแทรกในที่สุด
กำปั้นอันผอมแห้งจากชายชรา ปะทะโครมเข้ากับหมัดใหญ่ของเหวินจิงเทาจนร่างเขาลอยกระเด็นไปด้านหลัง
เมื่อร่างเขาตกลงกระแทกพื้น เหวินจิงเทาก็ถูกเกล็ดน้ำแข็งสีเขียวเข้ม แล่นกลืนกินจากหมัดห่อหุ้มไปทั้งตัวจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง
อูฉีฝึกปราณพิษเยือกแข็งมรกตมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเมื่อรวมกับพลังเวทย์ขั้นมหาจอมเวทย์อย่างทักษะหมื่นพิษแกร่งศีตละ แม้แต่วิญญาจารย์ขั้นจักรพรรดิยุทธ์หลายคนก็ไม่สามารถต้านทานมันได้ สำมะหาอะไรกับเหวินจิงเทาที่อยู่ในขั้นบรรพจารย์ยุทธ์
ครั้นเหวินซิ่วหลานเห็นเหวินจิงเทาถูกกระแทกจนร่างตกลงมาเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง ดวงตานางก็พลันเบิกตะลึงขณะใบหน้าอันงดงามมิอาจปกปิดความหวาดกลัวได้อีก นางมองไปยังอูฉีก่อนส่งสายตาอ้อนวอนหาหยางเสี่ยวเทียน
“ใต้เท้าหลง ไม่สิ คุณชายหยางเสิน ข้ายินดีรับใช้ท่านอย่างบริสุทธิ์ใจ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถิด” นางกล่าวขณะน้ำตาไหลอาบสองแก้มนวลดั่งสายฝน
“ข้ารู้ว่าข้าพลาดไปแล้ว”
สิ้นประโยคนี้ นางถึงกับกระชากชุดคลุมท่อนบนซึ่งเผยให้เห็นทรวงอกอันขาวผ่องดุจหิมะ ประหนึ่งเชื้อเชิญหมายสมยอมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นร่างกายเพื่อใช้ปรนนิบัติ
แม้นางจะเอ่ยถึงเขา แต่สิ่งนี้น่าจะหมายถึงอูฉีมากกว่าเชื้อเชิญเด็กเช่นเขา
หยางเสี่ยวเทียนเหลือบมองเนินอกใหญ่ของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ระหว่างสืบเท้าเข้าหาเหวินซิ่วหลานพร้อมกระบี่ยาวในมือ
สายตาเว้าวอนของเหวินซิ่วหลานขณะมองหยางเสี่ยวเทียนที่กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ นางก้มหน้าด้วยหวาดกลัวจนไหล่บางสั่นระริก
แต่ครั้นเห็นปลายเท้าหยางเสี่ยวเทียนใกล้เข้ามา ดวงตาออดอ้อนก็ผันเปลี่ยนเป็นขึงแค้น นางกระโจนลุกขึ้นหมายจับตัวหยางเสี่ยวเทียนใช้ต่อรองกับอูฉีเพื่อหลบหนี
ระหว่างนางกำลังพุ่งตัวเข้าหาเด็กน้อยตรงหน้า เหวินซิ่วหลานกลับเห็นหน้าตาคมคายของหยางเสี่ยวเทียนประดับด้วยรอยยิ้มแทนอาการหวาดกลัวอย่างที่ควรจะเป็น
เขามองดูการเคลื่อนไหวนางกับท่าทีนิ่งเฉย ก่อนกระบี่ยาวในมือจะพุ่งออกไปเร็วกว่าสายฟ้า แทงเข้ายังช่วงคอเล็กเรียวของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ
กับแผนการตื้นๆ ของสตรีอกใหญ่แต่ไร้สมองเช่นนาง หยางเสี่ยวเทียนจะมองไม่ออกได้อย่างไร
เหวินซิ่วหลานตัวแข็งทื่อกลางอากาศ ดวงตากลมโตของนางมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนส่งเสียงแหบแห้งกล่าว
“เจ้า ราชันยุทธ์!”
แท้จริงแล้วหยางเสี่ยวเทียน เป็นวิญญาจารย์ผู้แข็งแกร่งในขั้นราชันยุทธ์!
แต่ข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วอาณาจักร กล่าวว่าเขาอยู่ในขั้นเซียนสวรรค์ระดับสี่หรือห้า ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่พลาดอย่างมหันต์