บทที่ 20 ความวุ่นวายในเมืองมังกร
ขณะที่หลงเฉินถูกขังอยู่ในสถานที่แห่งนั้น ทั้งเมืองมังกรก็ตกอยู่ในความโกลาหล จอมยุทธตระกูลหลงสามารถพบเห็นได้ทุกที่ในเมือง พวกเขากระจายไปทั่วเมืองมังกรเพื่อตามหาหลงเฉินอย่างบ้าคลั่ง
ถึงขั้นเกิดเหตุการณ์ปะทะอยู่หลายครั้งระหว่างตระกูลหลงและอีกสองตระกูลใหญ่ ได้แก่ ตระกูลกู่กับตระกูลฉิน ถึงจะมีการปะทะกันเล็กๆน้อยๆอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้บานปลายมากนัก
แม้ว่าทั้งสามตระกูลจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ทั้งสองตระกูลก็ตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการค้นหาของตระกูลหลง เว้นแต่พวกเขาจะบุกรุกทรัพย์สินตระกูลของพวกเขา
แม้แต่จักรพรรดิเองก็ยังเรียกหลงเหรินมาที่พระราชวังของเขา เพื่อถามเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมือง หลังจากที่หลงเหรินเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง เขาก็ยินยอนที่จะให้หลงเหรินทำการค้นหาต่อไป แต่เขาเน้นย้ำเป็นพิเศษว่าห้ามสร้างความเสียหายอะไรกับเมือง ไม่เช่นนั้นตระกูลหลงจะต้องชดใช้ค่าเสียหายเหล่านั้น และหากมีผู้บริสุทธิ์ถูกสังหารระหว่างการค้นหา พวกเขาก็ต้องถูกลงโทษตามกฎเช่นกัน แม้จะเป็นจอมยุทธจากตระกูลหลงก็ตาม ซึ่งหลงเหรินตกลงทำตามเงื่อนไขเหล่านี้ทันที
“เหตุใดจอมยุทธของตระกูลหลงถึงสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว?” คนเมาผู้หนึ่งที่มีแผลเป็นบนใบหน้ากำลังคุยกับสหายของเขาในโรงเตี๊ยม
“เจ้าไม่รู้อะไรเลยงั้นรึ? นายน้อยแห่งตระกูลหลง หลงเทียนได้หายตัวไปเมื่อวาน ตระกูลหลงจึงใช้กำลังทั้งหมดเพื่อค้นหาตัวเขา” สหายของเขาอธิบายขณะดื่มสุรา
“หลงเทียน? หมายถึงนายน้อยคนนั้น? ตระกูลหลงไม่ควรดีใจหรือที่ได้กำจัดคนไร้ค่าแบบนั้นไปได้? พวกเขายังมีคนที่มีพรสวรรค์อยู่ในตระกูลอีกหลายคน ทำไมต้องออกค้นหาอย่างบ้าคลั่งเพื่อนายน้อยไร้ค่าเช่นนั้นด้วย?” ชายที่มีรอยแผลเป็นถามกลับ
“ชู่ว...เจ้าอยากให้พวกเราถูกฆ่าตายอย่างนั้นรึ? มีจอมยุทธตระกูลหลงเพ่นพ่านไปทั่ว ถ้ามีพวกเขาคนใดได้ยินที่เจ้าพูด พวกเราสองคนจะต้องถูกฆ่าตายไม่มีศพให้ฝังอย่างแน่นอน” สหายของเขาปิดปากของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า และพูดกระซิบด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
“แม้ว่าหลงเทียนจะเป็นเหมือนที่เจ้าพูด แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งในสายเลือดหลักของตระกูลหลง และที่สำคัญที่สุดคือ เขาเป็นหลานชายของหลงเหริน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะให้ความสำคัญกับหลานชายของเขามากขนาดนี้”
มีผู้คนมากมายสงสัยว่าทำไมตระกูลหลงถึงทำเช่นนี้ และบทสนทนาดังกล่าวเกี่ยวกับนายน้อยของพวกเขาก็ถูกพูดถึงเกือบทุกที่ ในไม่ช้า ทุกคนในเมืองก็ทราบถึงการหายตัวไปของหลงเทียน แต่เนื่องจากคนเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ
ในขณะที่เหตุการณ์ต่างๆในเมืองมังกรตกอยู่ในความโกลาหล ภายในห้องโถงหลักของตระกูลหลง หลงเหรินกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของเขา ขณะที่ผู้อาวุโสคนอื่นๆกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุดอย่างหลงฮัวและผู้อาวุโสใหญ่เช่นกัน พวกเขานั่งอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของหลงเหริน
“ถูเย่วอยู่ที่ไหน? ทำไมถึงหานางไม่พบ?” หลงเหรินกระแทกโต๊ะขณะตะโกนถามเสียงดัง
“ผู้นำเหริน พวกเราพยายามตามหานางทุกที่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเห็นนางตั้งแต่ช่วงพลบค่ำเมื่อวานหลังจากที่นางออกไป” ข้ารับใช้คนหนึ่งกล่าวกับหลงเหริน
“ท่านแน่ใจใช่ไหมว่าเป็นนาง? ทำไมนางจะต้องทำเช่นนั้นด้วย?” ผู้อาวุโสสูงสุด หลงฮัวถามหลงเหริน
“เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของนาง ในวันที่หลงเทียนหายตัวไป มีทหารยามคนหนึ่งบอกกับข้าว่าวันนั้นที่ประตูทางทิศใต้มีการเปลี่ยนกะล่าช้าไปประมาณ 20 นาทีจากคำสั่งของถูเย่ว” หลงเหรินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะมองไปที่หลงฮัว และทำให้หลงฮัวครุ่นคิดทันที
ในขณะที่ตระกูลหลงกำลังออกตามหาหลงเฉินอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เหล่าทหารยามที่เปลี่ยนกะล่าช้าในวันนั้นเพราะคำสั่งแปลกๆของถูเย่วเริ่มสงสัยเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเกี่ยวข้องกับความล่าช้าในการประจำการของพวกเขา แน่นอนว่าประตูทางเข้าทิศอื่นได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา นอกจากประตูที่พวกเขาประจำการ ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พูดอะไร และเก็บมันไว้กับตัว นอกเสียจากทหารยามคนหนึ่ง
เมื่อมีทหารยามคนหนึ่งเห็นลูกน้องคนหนึ่งของหลงเหริน เขาก็รีบแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายทราบทันที และลูกน้องคนนั้นก็รีบนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งให้หลงเหรินทราบอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุที่ทำให้หลงเหรินออกคำสั่งจับกุมถูเย่วทันที เพื่อนำตัวนางมาสอบปากคำ แต่พวกเขากลับพบว่านางก็หายตัวไปเช่นกัน และไม่กลับมาตั้งแต่นางออกไปข้างนอกเมื่อวาน
เนื่องจากเหตุการณ์นี้ ทำให้พวกเขาเริ่มสงสัยในตัวนางมากยิ่งขึ้น และตอนนี้จอมยุทธของตระกูลหลงต่างก็ออกตามหาตัวนางและหลงเฉินไปทั่วทั้งเมือง
----------------------------------------
ในขณะที่มีหลายคนได้รับผลกระทบเนื่องจากการหายตัวไปของเขา ซึ่งหลงเฉินไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เลยแม้แต่น้อย และเขากำลังเพ่งสมาธิไปที่การเรียนรู้ทักษะนี้เพื่อที่เขาจะได้ออกไปจากที่นี่ได้
เขาพยายามดึงพลังปราณออกมาจากร่างกายตามคำแนะนำของทักษะนี้ แต่เมื่อผ่านไปครึ่งทาง ขณะที่ปีกของเขากำลังจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง พลังปราณของเขาก็สลายหายไป และทำให้เขาคิดว่ามันเป็นทักษะที่ยากมาก ดังนั้นเขาเลยต้องการเวลามากขึ้นเพื่อฝึกฝนมันให้สำเร็จ
หลงเฉินฝึกฝนต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ชั่วโมง และในที่สุดเขาก็สามารถสร้างปีกได้ แต่นั่นเป็นเพียงแค่ก้าวแรกของทักษะนี้เท่านั้น ตอนนี้เขาสามารถโคจรพลังปราณออกมาจากร่างกายเพื่อสร้างปีกปีศาจสวรรค์ได้c]h;
“มันเป็นทักษะที่ยากมาก ข้าต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงกว่าจะสร้างปีกออกมาได้” หลงเฉินพึมพำกับตัวเอง แต่ถ้าเขารู้ว่าแม้แต่อัจฉริยะจากสวรรค์ยังต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันกว่าจะประสบความสำเร็จ ในขณะที่เขาใช้เวลา 4 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าเขารู้เขาจะคิดยังไง?
หลงเฉินมองดูเงาสะท้อนของตัวเองในทะเลสาบและรู้สึกประหลาดใจ แม้ว่าปีกคู่นี้จะถูกสร้างขึ้นจากพลังปราณและสามารถสลายตัวได้ แต่พวกมันก็ดูเหมือนจริงมาก สิ่งน่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือความสวยงามและเอกลักษณ์ของพวกมัน
หลงเฉินสามารถมองเห็นได้ว่ามีปีกข้างหนึ่งเป็นสีทองแวววาว ในขณะที่อีกข้างหนึ่งเป็นสีดำสนิทเหมือนกับความมืด พวกมันสร้างความแตกต่างที่สวยงามระหว่างกัน และทำให้พวกมันดูสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์
หลงเฉินคิดว่าทักษะยุทธนี้มันช่างน่าทึ่งมาก
จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะบินกลับขึ้นไปข้างบน เพราะตอนนี้มันถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับบ้านแล้ว