ตอนที่ 40 เลวทรามและมีเสน่ห์
ตอนที่ 40 เลวทรามและมีเสน่ห์
ปรากฏมารที่มีศีรษะเป็นอสูรกายรูปแบบต่างๆ ซึ่งวิวัฒนาการมาจากพลังมารเข้ามาคุกเข่าลงและคำนับซูอัน จากนั้นพลังมารแผ่ขยายทั่วห้องและพวกมันหายวับไป
หากวิเคราะห์จากผลลัพธ์ของ ‘คัมภีร์ปลูกฝังมาร’ มันคือสิ่งที่ต้าซางออกกฎหมายห้ามชัดเจน
ทว่าสำหรับผู้มีอำนาจแท้จริง กฎหมายมีไว้ควบคุมผู้ที่ด้อยกว่า ไม่ใช่เพื่อควบคุมตัวเอง แต่ซูอันไม่ได้เหิมเกริมขนาดนั้น
ถ้าสร้างมารไม่ได้ แต่ถ้าเป็นพลังมารน่าจะช่วยเขาได้
ทันใดนั้นพวกผู้หญิงบนเรือเซียนก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา ประหนึ่งว่ามีเรื่องน่าสยดสยองมากๆ เกิดขึ้นบนเรือเซียนและความรู้สึกนี้ยิ่งนานยิ่งรุนแรงขึ้น
พวกนางไม่อาจนั่งนิ่งได้
ร่างของชิงหลิงปรากฏบนหัวเรือและมองไปที่ถูเซิ่งหนานซึ่งหยุดการฝึกยุทธ์ “เจ้าก็รู้สึกเหมือนกันหรือ?”
“อืม ดูเหมือนจะมาจากห้องสงบใจของคุณชาย” ถูเซิ่งหนานขมวดคิ้วพลางเอ่ย
“ข้าจะไปดูหน่อย” ชิงหลิงรู้สึกกังวล นางเดินไปที่ห้องสงบใจก่อนโดยมีถูเซิ่งหนานตามมาติดๆ
“หยุด!”
ขณะที่ชิงหลิงกำลังจะบุกเข้าไป ร่างของบุปผามรณะหมายเลขหนึ่งปรากฏต่อหน้าพวกนางโดยขวางประตูไว้
“หลีกไป ข้าจะไปดูเสี่ยวอันจื่อ!” ชิงหลิงยกกระบี่ยาวขึ้นและตวาดเสียงเย็นชา
แม้กำลังเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับหยางบริสุทธิ์ แต่นางยังไม่เกรงกลัว
“นายท่านสั่งไม่ให้ใครรบกวนจนกว่าเขาจะออกมาเอง” เสียงของบุปผามรณะสงบ ร่างกายของนางไม่ขยับแม้ครึ่งก้าวและปิดกั้นทั้งสองด้วยความมั่นคง
“เจ้า!” ชิงหลิงโกรธและหยุดคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงเลือกเก็บกระบี่ยาว
ไม่ใช่ว่านางกลัวบุปผามรณะหมายเลขหนึ่ง แต่เพราะเสี่ยวอันจื่อสั่งไว้เช่นนี้ นางจึงกลัวว่าการบุกเข้าไปอาจทำลายงานของเสี่ยวอันจื่อ
เมื่อครู่นางคิดจะบุกเข้าไปเพราะนางเป็นห่วงจริงๆ
แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่คลายกังวล
ซูอันนั่งอยู่กลางห้องสงบใจราวกับอสูรกาย! พลังมารกลายเป็นรังไหมขนาดใหญ่และค่อยๆ ห่อหุ้มเขาไว้ภายใน เขาไม่รับรู้ถึงทุกสิ่งของโลกภายนอก
การสร้างพลังวิเศษที่ผสมผสานความมหัศจรรย์ของโลกและพลังแห่งการทำลายล้างขั้นสูงจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร
เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ฝึกตน แต่มาจุติเป็นมารรูปแบบต่างๆ ที่แหวกว่ายอยู่ในโลกแห่งมาร ได้เห็นพัฒนาการของ ‘มาร’ จากมุมมองของตัวเอง และสุดท้ายหลอมรวมมาเป็นตัวเขาเอง
พลังมารที่แข็งแกร่งในห้องเกือบทะลุขีดจำกัดของห้องสงบใจออกไปแล้ว
“กลับมา!”
เพียงสั่งเบาๆ พลังมารที่กระจายไปทุกหนทุกแห่งกลายเป็นพลังงานเชื่องและหลั่งไหลเข้าสู่รังไหมมารที่อยู่ตรงกลางห้องตามคำสั่ง จากนั้นพลังมารในห้องหายไปจนสิ้น
หลังจากนั้นทันที มือที่ขาวราวกับหยกฉีกรังไหมมารออก บังเกิดพลังมารที่ยิ่งใหญ่แผ่ซ่าน
แควก แควก!
เสียงฉีกตามมาด้วยเสียงเคี้ยวและรังไหมถูกกลืนกินด้วยความเร็วจนน่าตกใจ ในที่สุดร่างที่กำเนิดในรังไหมมารก็ถูกเปิดเผยโดยสมบูรณ์
เส้นผมสีดำยาวสยายเป็นอิสระ ดวงตาทั้งสองข้างมีความชัดเจนมาก นัยน์ตาสีขาวละเอียด นัยน์ตาสีรัตติกาลก็ชัดเจนดุจหุบเหวลึกที่เลวทรามและมีเสน่ห์
ร่างกายที่เปลือยเปล่าราวกับประติมากรรมแกะสลักจากหยกชั้นยอด รูปร่างสมบูรณ์แบบเท่าที่จะสามารถจินตนาการได้
“ความรู้สึกนี้ไม่เลวจริงๆ”
ซูอันยืดกาย ราวกับว่าพันธนาการในอดีตบางส่วนแตกสลายสิ้นและทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในร่างกายจะไม่แสดงในแผงระบบ แต่มันมีอยู่จริงและพลังวิญญาณของเขายังทะลวงถึงระดับจื่อฝู่ขั้นปลายอีกด้วย
ซูอันหยิบเสื้อผ้าอีกชุดออกจากแหวนจัดเก็บแล้วสวมใส่ จากนั้นเปิดประตูแล้วเดินออกไป
“เสี่ยวอันจื่อ?”
ทันทีที่เขาเดินออกมา ชิงหลิงก็รีบมาหาเขา แต่เมื่อนางกำลังจะเข้าใกล้ นางกลับถอยหลังไปสองก้าว และมองด้วยสายตาระแวดระวัง “เจ้า เจ้าคือเสี่ยวอันจื่อจริงๆ หรือ?”
ในดินแดนแห่งสวรรค์ (จีน) แม้ว่าการยึดร่างศพจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี
เมื่อผู้ฝึกตนเข้าถึงระดับมิ่งตานจะสามารถยึดร่างของผู้อื่นได้ แต่การยึดร่างของผู้อื่นนั้นไม่ใช่เรื่องดี บางครั้งร่างกายเข้ากับจิตวิญญาณของตัวเองไม่ได้ ทั้งยังไม่สามารถยืดอายุขัย กระนั้นยังมีสัตว์ประหลาดเฒ่าผู้สิ้นหวังบางตัวอยากจะทำเช่นนี้
เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน รัศมีของซูอันเปลี่ยนไปมาก ยิ่งเมื่อรวมกับความรู้สึกหดหู่บนเรือเซียนก่อนหน้านี้จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับชิงหลิงในการเชื่อมโยง
ซูอันผงะในตอนแรก จากนั้นจึงเข้าใจ
เกรงว่าการเปลี่ยนแปลงของเขาจะทำให้พี่ชิงหลิงเข้าใจผิด แต่ยังรับมือง่ายมาก
“พี่ชิงหลิงสงสัยข้าจริงๆ หรือ ข้าเสียใจมาก ข้าต้อง...” เขาเดินไปหาชิงหลิงด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เมื่อเห็นท่าทางที่คุ้นเคยจากซูอันจึงทำให้ชิงหลิงผ่อนคลายลง
คนชั่วคนนี้คือเสี่ยวอันจื่อแน่นอน
……
เรือเซียนบินกลับเมืองหลวงด้วยความรวดเร็ว แต่คราวนี้ฉู่อินไม่ได้ติดตามไปด้วย เพราะซูอันบอกให้นางกลับไปที่นิกาย
ที่ประตูจวนโหว ชิงหลิงกล่าวอำลาซูอันเพราะนางเป็นองครักษ์ของจักรพรรดินีจึงอยู่ได้ไม่นาน
ซูอันเลือกกระบี่ยาวซึ่งเป็นอาวุธเต๋าจากคลังสมบัติของตำหนักเซียนไท่ซวีให้นางเป็นของขวัญ
เมื่อมองกระบี่ชิวซุ่ยซึ่งเป็นอาวุธเต๋า ดวงตาของชิงหลิงเต็มไปด้วยความปรารถนา แต่นางยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ “นี่...ล้ำค่าเกินไป ข้าไม่คู่ควร”
จักรพรรดินีมอบกระบี่ยาวเล่มเดิมให้ตอนที่นางฝึกตนถึงระดับมิ่งตาน แม้จะไม่เลวร้าย แต่มันเป็นเพียงอาวุธวิญญาณ
“พี่ชิงหลิงรับไว้เถอะ ถือเป็นรางวัลสำหรับการปกป้องข้านะ” ซูอันผลักมือของชิงหลิงคืนไป
“ไม่...”
“พี่ชิงหลิง ถ้าเจ้าปฏิเสธอีกครั้ง ข้าจะ...”
เมื่อเห็นชิงหลิงที่ยังอยากจะปฏิเสธ ซูอันจึงยกมือขึ้นกุมอกพลางแสดงสีหน้าหวนนึกถึงความหลัง
ใบหน้าของชิงหลิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เมื่อคิดถึงท่าทางชั่วร้ายนอกห้องสงบใจของซูอันอีกครั้ง นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร
นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับกระบี่ยาวด้วยความดีใจและพูดทิ้งท้าย “การปกป้องเจ้าไม่จำเป็นต้องได้รับรางวัลหรอกนะ”
จากนั้นนางก็หายไปจากหน้าประตู
“พี่ชิงหลิงเอ๋ยพี่ชิงหลิง”
ซูอันหันหลังกลับและปิดประตูจวนโหว เขาเพิ่งกลับมาและต้องพักผ่อนให้เต็มที่ ส่วนเรื่องทูลรายงานต่อฝ่าบาทนั้นขอผลัดไปก่อน
เขาทำงานหนักเป็นเวลานานแล้ว ต้องสนุกกับชีวิตบ้าง
“หลีเอ๋อร์มานอนกับข้า จริงสิ ตามหลี่จื่อซวงมาด้วยนะ”
ตอนนี้เขาไม่กลัวกายวิญญาณเทียนหานของหลี่จื่อซวงอีกต่อไปและไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะกลายเป็นไอศกรีม
ถึงเวลาพูดคุยเรื่องค่าตอบแทนจริงๆ จังๆ เสียที
หลังประตูห้องนอนบานนั้นมีเสียงครวญครางดังลั่น
ผีเสื้อคู่รักในโลกโลกีย์ เมื่อโลกนี้มีแต่ความฟั่นเฟือน ใยต้องกลัวอนาคตอันรางเลือน ปล่อยเวลาเคลื่อนพร้อมจังหวะกาย
หลี่จื่อซวงปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้แต่แรกด้วยความเต็มใจ
พลังเวทลึกลับไหลเข้าสู่ร่างกายของซูอัน สอดคล้องกับกายหยางศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่
ขณะเดียวกัน ในวังหลวง ความไม่พอใจของจักรพรรดินีที่รอให้ซูอันมารายงานนั้นแทบจะล้นทะลักออกจากใบหน้า
“เสี่ยวอันจื่อเกเรเกินไปแล้ว!”
……
นิกายเทียนสุ่ยแห่งชิงโจว
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินออกจากลานบ้าน
เขาเงยหน้ามองพระอาทิตย์ที่แผดเผาเหนือศีรษะแล้วยืดเส้นยืดสาย “เป็นอีกวันที่สวยงาม!”
“เสี่ยวอวิ๋น เจ้าแอบอู้อีกแล้ว” ทันใดนั้นมีเสียงผู้หญิงที่มั่นคงดังขึ้น คำพูดแสดงความเอ็นดูและทอดถอนใจ
“ศิษย์พี่ใหญ่!” ฉินอวิ๋นหันกลับไปมองและเห็นผู้หญิงในอาภรณ์สีขาวปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลัง