ตอนที่แล้วตอนที่ 39 ‘คัมภีร์ปลูกฝังมาร’
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41 เสี่ยวอันจื่อบุกห้องบรรทม

ตอนที่ 40 เลวทรามและมีเสน่ห์


ตอนที่ 40 เลวทรามและมีเสน่ห์

  

ปรากฏมารที่มีศีรษะเป็นอสูรกายรูปแบบต่างๆ ซึ่งวิวัฒนาการมาจากพลังมารเข้ามาคุกเข่าลงและคำนับซูอัน จากนั้นพลังมารแผ่ขยายทั่วห้องและพวกมันหายวับไป

  

หากวิเคราะห์จากผลลัพธ์ของ ‘คัมภีร์ปลูกฝังมาร’ มันคือสิ่งที่ต้าซางออกกฎหมายห้ามชัดเจน

  

ทว่าสำหรับผู้มีอำนาจแท้จริง กฎหมายมีไว้ควบคุมผู้ที่ด้อยกว่า ไม่ใช่เพื่อควบคุมตัวเอง แต่ซูอันไม่ได้เหิมเกริมขนาดนั้น

  

ถ้าสร้างมารไม่ได้ แต่ถ้าเป็นพลังมารน่าจะช่วยเขาได้

  

ทันใดนั้นพวกผู้หญิงบนเรือเซียนก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา ประหนึ่งว่ามีเรื่องน่าสยดสยองมากๆ เกิดขึ้นบนเรือเซียนและความรู้สึกนี้ยิ่งนานยิ่งรุนแรงขึ้น

  

พวกนางไม่อาจนั่งนิ่งได้

  

ร่างของชิงหลิงปรากฏบนหัวเรือและมองไปที่ถูเซิ่งหนานซึ่งหยุดการฝึกยุทธ์ “เจ้าก็รู้สึกเหมือนกันหรือ?”

  

“อืม ดูเหมือนจะมาจากห้องสงบใจของคุณชาย” ถูเซิ่งหนานขมวดคิ้วพลางเอ่ย

  

“ข้าจะไปดูหน่อย” ชิงหลิงรู้สึกกังวล นางเดินไปที่ห้องสงบใจก่อนโดยมีถูเซิ่งหนานตามมาติดๆ

  

“หยุด!”

  

ขณะที่ชิงหลิงกำลังจะบุกเข้าไป ร่างของบุปผามรณะหมายเลขหนึ่งปรากฏต่อหน้าพวกนางโดยขวางประตูไว้

  

“หลีกไป ข้าจะไปดูเสี่ยวอันจื่อ!” ชิงหลิงยกกระบี่ยาวขึ้นและตวาดเสียงเย็นชา

  

แม้กำลังเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับหยางบริสุทธิ์ แต่นางยังไม่เกรงกลัว

  

“นายท่านสั่งไม่ให้ใครรบกวนจนกว่าเขาจะออกมาเอง” เสียงของบุปผามรณะสงบ ร่างกายของนางไม่ขยับแม้ครึ่งก้าวและปิดกั้นทั้งสองด้วยความมั่นคง

  

“เจ้า!” ชิงหลิงโกรธและหยุดคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงเลือกเก็บกระบี่ยาว

  

ไม่ใช่ว่านางกลัวบุปผามรณะหมายเลขหนึ่ง แต่เพราะเสี่ยวอันจื่อสั่งไว้เช่นนี้ นางจึงกลัวว่าการบุกเข้าไปอาจทำลายงานของเสี่ยวอันจื่อ

  

เมื่อครู่นางคิดจะบุกเข้าไปเพราะนางเป็นห่วงจริงๆ

  

แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่คลายกังวล

  

ซูอันนั่งอยู่กลางห้องสงบใจราวกับอสูรกาย! พลังมารกลายเป็นรังไหมขนาดใหญ่และค่อยๆ ห่อหุ้มเขาไว้ภายใน เขาไม่รับรู้ถึงทุกสิ่งของโลกภายนอก

  

การสร้างพลังวิเศษที่ผสมผสานความมหัศจรรย์ของโลกและพลังแห่งการทำลายล้างขั้นสูงจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร

  

เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ฝึกตน แต่มาจุติเป็นมารรูปแบบต่างๆ ที่แหวกว่ายอยู่ในโลกแห่งมาร ได้เห็นพัฒนาการของ ‘มาร’ จากมุมมองของตัวเอง และสุดท้ายหลอมรวมมาเป็นตัวเขาเอง

  

พลังมารที่แข็งแกร่งในห้องเกือบทะลุขีดจำกัดของห้องสงบใจออกไปแล้ว

  

“กลับมา!”

  

เพียงสั่งเบาๆ พลังมารที่กระจายไปทุกหนทุกแห่งกลายเป็นพลังงานเชื่องและหลั่งไหลเข้าสู่รังไหมมารที่อยู่ตรงกลางห้องตามคำสั่ง จากนั้นพลังมารในห้องหายไปจนสิ้น

  

หลังจากนั้นทันที มือที่ขาวราวกับหยกฉีกรังไหมมารออก บังเกิดพลังมารที่ยิ่งใหญ่แผ่ซ่าน

  

แควก แควก!

  

เสียงฉีกตามมาด้วยเสียงเคี้ยวและรังไหมถูกกลืนกินด้วยความเร็วจนน่าตกใจ ในที่สุดร่างที่กำเนิดในรังไหมมารก็ถูกเปิดเผยโดยสมบูรณ์

  

เส้นผมสีดำยาวสยายเป็นอิสระ ดวงตาทั้งสองข้างมีความชัดเจนมาก นัยน์ตาสีขาวละเอียด นัยน์ตาสีรัตติกาลก็ชัดเจนดุจหุบเหวลึกที่เลวทรามและมีเสน่ห์

  

ร่างกายที่เปลือยเปล่าราวกับประติมากรรมแกะสลักจากหยกชั้นยอด รูปร่างสมบูรณ์แบบเท่าที่จะสามารถจินตนาการได้

  

“ความรู้สึกนี้ไม่เลวจริงๆ”

  

ซูอันยืดกาย ราวกับว่าพันธนาการในอดีตบางส่วนแตกสลายสิ้นและทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในร่างกายจะไม่แสดงในแผงระบบ แต่มันมีอยู่จริงและพลังวิญญาณของเขายังทะลวงถึงระดับจื่อฝู่ขั้นปลายอีกด้วย

  

ซูอันหยิบเสื้อผ้าอีกชุดออกจากแหวนจัดเก็บแล้วสวมใส่ จากนั้นเปิดประตูแล้วเดินออกไป

  

“เสี่ยวอันจื่อ?”

ทันทีที่เขาเดินออกมา ชิงหลิงก็รีบมาหาเขา แต่เมื่อนางกำลังจะเข้าใกล้ นางกลับถอยหลังไปสองก้าว และมองด้วยสายตาระแวดระวัง “เจ้า เจ้าคือเสี่ยวอันจื่อจริงๆ หรือ?”

  

ในดินแดนแห่งสวรรค์ (จีน) แม้ว่าการยึดร่างศพจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี

  

เมื่อผู้ฝึกตนเข้าถึงระดับมิ่งตานจะสามารถยึดร่างของผู้อื่นได้ แต่การยึดร่างของผู้อื่นนั้นไม่ใช่เรื่องดี บางครั้งร่างกายเข้ากับจิตวิญญาณของตัวเองไม่ได้ ทั้งยังไม่สามารถยืดอายุขัย กระนั้นยังมีสัตว์ประหลาดเฒ่าผู้สิ้นหวังบางตัวอยากจะทำเช่นนี้

  

เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน รัศมีของซูอันเปลี่ยนไปมาก ยิ่งเมื่อรวมกับความรู้สึกหดหู่บนเรือเซียนก่อนหน้านี้จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับชิงหลิงในการเชื่อมโยง

  

ซูอันผงะในตอนแรก จากนั้นจึงเข้าใจ

  

เกรงว่าการเปลี่ยนแปลงของเขาจะทำให้พี่ชิงหลิงเข้าใจผิด แต่ยังรับมือง่ายมาก

  

“พี่ชิงหลิงสงสัยข้าจริงๆ หรือ ข้าเสียใจมาก ข้าต้อง...” เขาเดินไปหาชิงหลิงด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

  

เมื่อเห็นท่าทางที่คุ้นเคยจากซูอันจึงทำให้ชิงหลิงผ่อนคลายลง

  

คนชั่วคนนี้คือเสี่ยวอันจื่อแน่นอน

  ……

  

เรือเซียนบินกลับเมืองหลวงด้วยความรวดเร็ว แต่คราวนี้ฉู่อินไม่ได้ติดตามไปด้วย เพราะซูอันบอกให้นางกลับไปที่นิกาย

  

ที่ประตูจวนโหว ชิงหลิงกล่าวอำลาซูอันเพราะนางเป็นองครักษ์ของจักรพรรดินีจึงอยู่ได้ไม่นาน

  

ซูอันเลือกกระบี่ยาวซึ่งเป็นอาวุธเต๋าจากคลังสมบัติของตำหนักเซียนไท่ซวีให้นางเป็นของขวัญ

  

เมื่อมองกระบี่ชิวซุ่ยซึ่งเป็นอาวุธเต๋า ดวงตาของชิงหลิงเต็มไปด้วยความปรารถนา แต่นางยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ “นี่...ล้ำค่าเกินไป ข้าไม่คู่ควร”

  

จักรพรรดินีมอบกระบี่ยาวเล่มเดิมให้ตอนที่นางฝึกตนถึงระดับมิ่งตาน แม้จะไม่เลวร้าย แต่มันเป็นเพียงอาวุธวิญญาณ

  

“พี่ชิงหลิงรับไว้เถอะ ถือเป็นรางวัลสำหรับการปกป้องข้านะ” ซูอันผลักมือของชิงหลิงคืนไป

  

“ไม่...”

  

“พี่ชิงหลิง ถ้าเจ้าปฏิเสธอีกครั้ง ข้าจะ...”

  

เมื่อเห็นชิงหลิงที่ยังอยากจะปฏิเสธ ซูอันจึงยกมือขึ้นกุมอกพลางแสดงสีหน้าหวนนึกถึงความหลัง

  

ใบหน้าของชิงหลิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เมื่อคิดถึงท่าทางชั่วร้ายนอกห้องสงบใจของซูอันอีกครั้ง นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร

  

นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับกระบี่ยาวด้วยความดีใจและพูดทิ้งท้าย “การปกป้องเจ้าไม่จำเป็นต้องได้รับรางวัลหรอกนะ”

  

จากนั้นนางก็หายไปจากหน้าประตู

  

“พี่ชิงหลิงเอ๋ยพี่ชิงหลิง”

  

ซูอันหันหลังกลับและปิดประตูจวนโหว เขาเพิ่งกลับมาและต้องพักผ่อนให้เต็มที่ ส่วนเรื่องทูลรายงานต่อฝ่าบาทนั้นขอผลัดไปก่อน

  

เขาทำงานหนักเป็นเวลานานแล้ว ต้องสนุกกับชีวิตบ้าง

  

“หลีเอ๋อร์มานอนกับข้า จริงสิ ตามหลี่จื่อซวงมาด้วยนะ”

  

ตอนนี้เขาไม่กลัวกายวิญญาณเทียนหานของหลี่จื่อซวงอีกต่อไปและไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะกลายเป็นไอศกรีม

  

ถึงเวลาพูดคุยเรื่องค่าตอบแทนจริงๆ จังๆ เสียที

  

หลังประตูห้องนอนบานนั้นมีเสียงครวญครางดังลั่น

  

ผีเสื้อคู่รักในโลกโลกีย์ เมื่อโลกนี้มีแต่ความฟั่นเฟือน ใยต้องกลัวอนาคตอันรางเลือน ปล่อยเวลาเคลื่อนพร้อมจังหวะกาย

  

หลี่จื่อซวงปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้แต่แรกด้วยความเต็มใจ

  

พลังเวทลึกลับไหลเข้าสู่ร่างกายของซูอัน สอดคล้องกับกายหยางศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่

  

ขณะเดียวกัน ในวังหลวง ความไม่พอใจของจักรพรรดินีที่รอให้ซูอันมารายงานนั้นแทบจะล้นทะลักออกจากใบหน้า

  

“เสี่ยวอันจื่อเกเรเกินไปแล้ว!”

  ……

นิกายเทียนสุ่ยแห่งชิงโจว

  

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินออกจากลานบ้าน

  

เขาเงยหน้ามองพระอาทิตย์ที่แผดเผาเหนือศีรษะแล้วยืดเส้นยืดสาย “เป็นอีกวันที่สวยงาม!”

  

“เสี่ยวอวิ๋น เจ้าแอบอู้อีกแล้ว” ทันใดนั้นมีเสียงผู้หญิงที่มั่นคงดังขึ้น คำพูดแสดงความเอ็นดูและทอดถอนใจ

  

“ศิษย์พี่ใหญ่!” ฉินอวิ๋นหันกลับไปมองและเห็นผู้หญิงในอาภรณ์สีขาวปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลัง