ตอนที่ 122 ทักษะการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม! (อ่านฟรี 27/12/2567)
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก พวกเจ้าลองสังเกตดูให้ดี” เย่ซีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
เมื่อทุกคนลองสังเกตดูให้ดีก็พบว่ารอยฟันของดาบที่ซางเว่ยฟันไว้ มันทิ้งรอยเอาไว้บนหุ่นนั้นได้! แถมรอยเหล่านั้นก็ค่อย ๆ กลายเป็นสนิมกัดกร่อนม่านพลังเวทย์และตัวหุ่นอย่างช้า ๆ
ความเสียหายค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดซางเว่ยก็ได้หยุดมือลง สนิมที่เกิดจากรอยดาบของเขาก็กัดกร่อนหุ่นจนผุพังลงไปเกือบหมด ก่อนที่พวกรอยสนิมจะหายไป
ปรากฏว่าคะแนนความเสียหายที่เขาทำได้ สามารถติดอันดับต้น ๆ ของออร่าสีดำได้เลยทีเดียว!
“สุดยอดเลย! สนิมพวกนั้นคืออะไรกัน ?” อันหลานกล่าวถามออกมาด้วยความสนใจ
“มันเป็นความสามารถพิเศษของฉันนะ ถ้าสร้างความเสียหายด้วยดาบได้ สิ่งนั้นจะถูกสนิมกัดกร่อนช้า ๆ แต่ฉันต้องจ่ายพลังเวทย์เป็นสิ่งตอบแทน” ซางเว่ยตอบกลับไป
ทุกคนร่วมกันพูดคุยถึงพลังพิเศษแต่ละคน จนลืมไปเลยว่าเย่ซียังไม่ได้ทดสอบ เขาเลยเดินไปอยู่หน้าเป้าทดสอบที่ถูกเปลี่ยนใหม่โดยอัตโนมัติก่อนจะวิเคราะห์มันอย่างละเอียด
[หุ่นทดสอบเคลือบพลังเวทย์
รายละเอียด : ทำจากแร่ที่แข็งเป็นอย่างมากเคลือบด้วยพลังเวทย์จากผู้จุติออร่าสีทองนับสิบคน สามารถทนการโจมตีได้ถึงออร่าสีดำที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก]
‘แล้วข้าจะทดสอบยังไงดี ในเมื่อพลังของข้ามีแต่ต้องใช้การแลกเปลี่ยน... งั้นลองง่าย ๆ ก่อนก็แล้วกัน มันน่าจะใช้ได้’ ชายหนุ่มเรียกใช้ความสามารถพิเศษโดยกำหนดว่าเขาต้องการเรียกใช้เปลวเพลิงโลกันตร์สักหนึ่งวินาที
เขาจำภาพเปลวเพลิงที่เผาไหม้พญาเสือขาวได้เป็นอย่างดี เพลิงสีดำสนิทยิ่งกว่าความมืดนั่น มันยังคงตราตึงอยู่ในใจเขาเสมอมา
[ทักษะการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม > เรียกใช้เพลิงโลกันตร์ ณ เป้าหมายที่กำหนดหนึ่งวินาที]
[สิ่งที่ต้องใช้ในการแลกเปลี่ยน [1]: ต้นกำเนิดเพลิงระดับกึ่งจักรพรรดิหนึ่งชิ้น]
[สิ่งที่ต้องใช้ในการแลกเปลี่ยน [2]: หนึ่งหมื่นผลึก]
[ยืนยันการแลกเปลี่ยน ใช่ / ไม่]
[“ใช่! จัดไปอย่าชักช้า!”] เย่ซีรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่คราวนี้มีเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนคือผลึกให้เลือก ถึงเขาจะเหลืออยู่แค่สามหมื่นผลึก หรือต้องใช้ถึงหนึ่งหมื่นผลึกเพื่อเรียกเพลิงโลกันตร์ออกมาเพียงหนึ่งวินาทีก็ตาม แต่นี่ก็นับว่าเป็นความสามารที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งแล้ว
ขอแค่ใช้เงินแก้ปัญหาได้เขาย่อมกระทำ! ตั้งแต่นี้ไปเขาจะตั้งใจหาเงินให้ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก!
พรึ่บ! ฟุ่บ!
เย่ซียื่นมือไปทางหุ่นทดสอบที่ถูกตั้งเอาไว้ด้านหน้า อีกสี่คนที่เหลือเมื่อสังเกตได้ว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไรสักอย่างก็เลยหันไปดู ก่อนจะพบกับภาพที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบเห็นในชีวิตนี้
เกิดเปลวเพลิงสีดำสนิทอันน่าสะพรึงกลัวลุกไหม้หุ่นทดสอบอย่างรวดเร็ว พวกมันลุกพรึบขึ้นอย่างไร้ที่มาที่ไป ไม่มีความร้อน ไม่มีแรงกดดัน ไร้ซึ่งสัมผัสใด ๆ ให้ติดตาม แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งวินาทีเปลวเพลิงที่ว่าก็ได้ดับลง
แต่ภาพที่ทุกคนเห็นกลับไม่ใช่ภาพของหุ่นทดสอบที่ตั้งอยู่ตามเดิม เพราะบริเวณที่เคยมีหุ่นทดสอบตั้งอยู่นั้น ในตอนนี้มันได้กลายเป็นเพียงพื้นที่โล่งปราศจากสิ่งอื่นใดไปเสียแล้ว
ครึ่งหลัง
“นะ... นั่นมันอะไรน่ะ ?!” อันหลานเป็นคนแรกที่กล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง
“คะแนนอันดับหนึ่ง! บ้าน่า!” หลี่กงเหมินอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“มีใครมองทันไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ?” เหยาเซียงกล่าวออกมาด้วยความสับสน
เมื่อสักครู่นี้พวกเธอไม่ได้ให้ความสนใจสักเท่าไรว่าเย่ซีจะทดสอบอะไร นั่นก็เพราะเขายังจุติพลังไม่สำเร็จ เลยทำให้ไม่ทันได้มองว่าเกิดอะไรขึ้น
รู้แต่ว่าหันมาอีกที ทุกอย่างก็จบลงพร้อมผลลัพธ์ที่ชวนตกตะลึงเสียแล้ว
“นั่นมัน... ไฟเหรอครับ ?” ซางเว่ยเหมือนจะเป็นเพียงคนเดียวที่ให้ความสนใจและสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น เขากล่าวถามออกมาด้วยความไม่แน่ใจ
ถ้าเป็นไฟ จะต้องเป็นไฟอะไรกันที่สามารถเผาหุ่นทดสอบให้หายไปภายในเวลาสั้น ๆ ได้ แถมยังทำคะแนนได้อันดับหนึ่งอีกด้วย
นั่นหมายความว่าความรุนแรงของมันมากกว่าผู้จุติพลังออร่าสีขาวเสียอีก!
“อ่า.. ใช่แล้วล่ะ” เย่ซีตอบกลับไปเพราะเขาก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเกินจริงขนาดนี้เช่นกัน
“ทำไมคุณเย่ซีถึงใช้ความสามารถไฟได้เหรอคะ ? คุณจุติพลังไม่สำเร็จไม่ใช่เหรอ ?” เหยาเซียงที่ตั้งสติแล้วนึกอะไรขึ้นมาได้จึงลองถามดู
“จริงสิ! ทำไมเหรอคะคุณเย่ซี ?” อันหลานที่ได้ยินก็สงสัยเช่นกัน
“อ่า.. คือว่า...” เย่ซีกล่าวออกมาอย่างอึดอัด ถ้าตอบไปตามความจริงเขาก็อดจุติพลิงฟรีอีกรอบสิ! ยิ่งออร่ามันไม่มีสีแบบนี้ไม่รู้ว่าจะได้สิทธิพิเศษอะไรบ้างหรือเปล่า
อีกอย่างเขาก็เหลือเวลาอยู่ในมิตินี้อีกแค่สองวันกว่าเท่านั้นเอง ต้องกอบโกยทุกอย่างที่มีประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
“มัน ข้าบังเอิญทำได้โดยไม่รู้ตัวน่ะ อีกอย่างออร่าของข้ามันไม่มีสี ข้าเลยคิดว่าข้าจุติพลังไม่สำเร็จ” เขาตัดสินใจที่จะบอกเล่าเรื่องจริงและเรื่องเท็จออกไป
ตึง ตึง ตึง เอี๊ยด!
“เมื่อกี๊มีใครทำลายสถิติได้ใช่ไหม!” หัวหน้าหน่วยงานจุติพลังวิ่งมาอย่างเร่งรีบก่อนจะตะโกนถามออกมาอย่างลืมตัว
สถิติการทดสอบมันจะอัพเดทแบบเรียลไทม์รวมถึงบอกถึงสาขาที่ใช้ทดสอบ นั่นจึงทำให้เมื่อมีคะแนนของสาขาเมืองเกาลู่กลายเป็นอันดับหนึ่ง มันจึงทำให้มีสายโทรเข้ามาสอบถามจนโทรศัพท์ของเขาแทบไหม้
“ข้าเอง” เย่ซีตอบกลับไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“จริงเหรอครับ! คุณได้ออร่าสีขาวใช่ไหม ?” หัวหน้าหน่วยงานรีบถามต่อทันที
“เปล่า พวกเจ้าดูด้วยตาตัวเองก็แล้วกัน” เย่ซีกล่าวจบก็ทำการชักนำพลังงานอนันต์ภายในหัวใจ ให้ออกมาปกคลุมรอบตัวของเขาเอาไว้
ทุกคนในที่แห่งนั้นล้วนทำหน้ามึนงงกับสิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังแสดงให้ดู ทำไมไม่เห็นจะมีอะไรออกมาเลยล่ะ ?
“เอ่อ... คุณเย่ซีจุติพลังสำเร็จไหมครับ ?” หัวหน้าหน่วยถามต่อด้วยความสับสน
“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าออร่าละมั้ง เอาเป็นว่าข้าใช้มันทำการทดสอบเมื่อสักครู่นี้” ชายหนุ่มเกาหัวก่อนจะตอบกลับไปด้วยความสับสน
ขนาดหัวหน้าหน่วยงานยังไม่ทราบว่ามันคือออร่าไหมแบบนี้ เขาก็ได้แต่เลิกสนใจมันเท่านั้นแหละ ถึงยังไงออร่าที่เขามีจะสีอะไรก็ไม่ได้สำคัญเท่าไร
“คุณสนใจทำสัญญาอย่างเป็นทางการกับทางส่วนกลางไหมครับ ? พวกเราจะให้สิทธิพิเศษกับคุณเหมือนที่ให้กับผู้จุติพลังออร่าสีขาวเลย จะให้มากกว่าด้วย!” หัวหน้าหน่วยงานยื่นข้อเสนอให้ทันที ถึงแม้ตัวเขาจะไม่ได้มีอำนาจตัดสินเรื่องนี้ แต่เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถโน้มน้าวให้เบื้องบนคล้อยตามได้
“อืม แต่ข้าขอจุติพลังอีกได้หรือไม่ ? หรือขอคริสตัลสีรุ้งก็ยังดี” เย่ซีกล่าวออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาจะไม่ยอมพลาดของเหล่านี้เป็นแน่!