CD บทที่ 508 แออัดสุดขีด
อันที่จริง เหตุผลที่หวังเซินเหยาต้องการหยุดจ้าวหยู่ไม่ให้เขากลับคำตัดสินของคดีของเฟิงกั๋วได้สำเร็จ ก็เพราะเขาต้องการเอาอกเอาใจผู้บังคับการฮง
คดีนี้ได้รับการดูแลโดยผู้บังคับการฮงเมื่อสิบปีก่อน ดังนั้น หากจ้าวหยู่กลับคำการตัดสินได้ล่ะก็ มันก็หมายความว่าผู้บังคับการฮงสะเพร่าในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่ออนาคตในวงการตำรวจของเขา
ดังนั้น หวังเซินเหยาจึงตัดสินใจลงมือในนามของผู้บังคับการ ในการทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดจ้าวหยู่
“เร็วเข้า! ไปปล่อยคนในห้องสอบสวนออกมา!”
หวังเซินเหยาเป็นคนฉลาด เขารู้ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถกระทำการโดยประมาทได้ แต่อย่างน้อย ๆ เขาสามารถยั่วยุให้จ้าวหยู่ลงไม้ลงมือก่อน เพื่อที่เขาจะมีเหตุผลในการต่อสู้กลับ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจ้าวหยู่จะลำพองตัวด้วยความเย่อหยิ่ง แต่เขาก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว ตัวเขาเองก็ต้องระมัดระวังทุกฝีก้าวเช่นกัน
การนำตัวเสี่ยวเจิ้นมาที่ห้องสอบสวน มันเป็นเดิมพันที่สูงมาก หากผู้ต้องสงสัยออกจากห้องสอบสวนได้เมื่อไหร่ จ้าวหยู่ก็จะไม่สามารถสอบสวนคดีนี้ขึ้นมาใหม่ได้
“ก็เอาสิ! ฉันจะดูว่าใครบังอาจมาปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยของฉัน แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”
จ้าวหยู่โกรธมาก เขาเข้ามาขวางทางเข้าห้องสอบสวนทันที
ขณะที่จ้าวหยู่ขยับตัวไปขวางประตู หลี่เบ่ยหนี, จางจิงเฟิง, จางเหยาฮุ่ย, เสี่ยวไป๋ และคนอื่น ๆ ก็รีบวิ่งไปยืนอยู่ด้านหลังจ้าวหยู่
“พวกคุณทุกคนบ้าไปแล้ว! จางเหยาฮุ่ย! คุณกำลังทำบ้าอะไรน่ะ!?” เหมาเว่ยคำราม “หลีกไป! สิ่งที่พวกคุณกำลังทำ มันจะทำให้จ้าวหยู่ต้องลำบาก!”
“ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นจะทำอะไร!” จางเหยาฮุ่ยวางมือบนเอวของเขา และพูดพร้อมเชิดหน้าขึ้น “นี่คือสถานีหรงหยาง! และหากไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการ ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรตามใจชอบได้ และเรากำลังทำการสืบสวน ดังนั้นจึงไม่มีใครมีเหตุผลที่จะหยุดเราได้!”
"ใช่แล้ว!" จางจิงเฟิงตะโกนอย่างหยิ่งผยองบอกหลี่เบ่ยหนีว่า “คุณถอยไปก่อนจะดีกว่า เดี๋ยวคุณจะโดนลูกหลง”
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นค่ะ!” หลี่เบ่ยหนีตะโกนอย่างดื้อรั้น “เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร!? เราแค่อยากจะคลี่คลายคดี เพื่อคืนความยุติธรรมแก่เหยื่อ! ทำไมพวกคุณถึงทำให้เรื่องมันยากขนาดนี้คะ!?”
"คืนยุติธรรม?" หวังเซินเหยาคำราม “คุณกำลังสอบสวนตามอำเภอใจ โดยไม่มีกระบวนการหรือขั้นตอนใด ๆ แน่ใจเหรอว่าสิ่งที่คุณกำลังทำ มันคือความยุติธรรมจริง ๆ
แล้วพวกคุณต้องการคำสั่งอย่างเป็นทางการเหรอ? ฉันมีตำแหน่งสูงกว่าพวกคุณ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเป็นตัวแทนของคำสั่งทั้งมวล และตอนนี้กำลังจะออกคำสั่ง…”
“อา~ คุณผู้เป็นที่รัก โปรดมากับฉันในความฝัน♪”
ตอนที่หวังเซินเหยากำลังพูด เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของจ้าวหยู่ก็ดังขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงริงโทนดังไปทั่วทางเดิน ทำให้หวังเซินเหยารู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก
จ้าวหยู่หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา แม้ว่าจะเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย แต่เขาก็ยังกดปุ่มรับสาย
“อาจารย์คะ! อาจารย์คะ!” ทันใดนั้น ที่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ซูจินเหม่ยก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “เจอแล้วค่ะ! อย่างที่อาจารย์คิดไว้ไม่มีผิดเลยค่ะ! อ้ายหลี่หลี่ถูกจัดฉากจริง ๆ ค่ะ! ทางตำรวจหยุนโจวพบวิดีโอใน USB! วิดีโอนี้บันทึกโดยเลอเชาเพื่อเป็นหลักประกันของเขาค่ะ! ลองเดาสิคะ ใครคือผู้บงการเบื้องหลังเรื่องนี้!?”
“อืม…”
ขณะที่เขาฟังเสียงที่มีความสุขของซูจินเหม่ย เขาก็มองไปทางหวังเซินเหยาและลูกน้องของเขาที่ดูดุร้าย สถานการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้จ้าวหยู่ก็รู้สึกอึดอัดใจเช่นกัน
“ช่างเรื่องไร้สาระของเขาซะ รีบเข้าไปปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยเร็วเข้า!”
หวังเซินเหยาไม่สนใจว่าจ้าวหยู่จะทำอะไรอยู่ เขาตะโกนออกมา พร้อมกับเดินนำลูกน้องของเขาไปข้างหน้าทันที
"ห๊ะ!? พวกเขาเอาจริงเหรอเนี่ย!? พวกเราขวางพวกเขาเอาไว้!”
จางจิงเฟิง, จางเหยาฮุ่ย และคนอื่น ๆ ได้มาขวางพวกเขาอย่างรวดเร็ว และปิดประตูไว้อย่างแน่นหนา
ทางโทรศัพท์ ซูจินเหม่ยก็บอกจ้าวหยูอย่างตื่นเต้นว่า
“ในภาพเป็นน้องชายของเฉินปิงกวง เฉินปิงเซียนค่ะ ในวิดีโอ เขาบอกชัดเจน และเลอเชายังได้บันทึกวิดีโอของตัวเองเพื่ออธิบายเหตุและผลของเรื่องราวทั้งหมดด้วยค่ะ”
ในขณะนั้น ลูกน้องของหวังเซินเหยาก็พุ่งเข้าใส่จ้าวหยู่อย่างรวดเร็ว!
"เอ๋? เกิดขึ้นอะไรขึ้นเหรอคะ? อาจารย์ อาจารย์คะ?“ทางโทรศัพท์ ซูจินเหม่ยได้ยินอะไรบางอย่าง เธอจึงถามอย่างรวดเร็วว่า”อาจารย์คะ เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์รึเปล่าคะ? ทำไมมันถึงมีเสียงดังขนาดนี้? อาจารย์ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ?"
ลูกน้องของหวังเซินเหยาได้กระแทกจ้าวหยู่ และจับคอของเขาเอาไว้ แล้วพยายามลากเขาออกไป จ้าวหยู่บิดตัวเพื่ออาศัยแรงเหวี่ยงซัดเขาออกไป จากนั้น เขาก็ถือโทรศัพท์แล้วตอบว่า
“ไม่เป็นไร ฉันแค่กำลังทำสงครามอยู่ ไว้ค่อยคุยกันทีหลังได้มั้ย?”
“อย่าวางสายนะคะ บอกได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น!?” ซูจินเหม่ยพูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ “บางทีฉันอาจจะสามารถช่วยอาจารย์ได้!”
จ้าวหยู่ขมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง
‘แย่หน่อยนะ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ เธอจะช่วยอะไรฉันไม่ได้!’
จากนั้น ลูกน้องอีกสองคนก็พุ่งไปข้างหน้าเพื่อจับจ้าวหยู่ เขาไม่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกระแทกบุคคลนั้นออกไปโดยใช้ไหล่ของเขา จากนั้น เขาก็ยกขาขึ้นเพื่อเตะอีกฝ่ายออกไป
“ศิษย์เอ๋ย พอดีเรื่องมันยาว!” จ้าวหยู่ถอนหายใจ “ฉันคิดว่า… ฉันต้องวางสายก่อน!”
“อย่านะคะ อาจารย์บอกฉันมาเถอะค่ะ มันเกี่ยวกับคดีที่อาจารย์กำลังสอบสวนอยู่หรือเปล่าคะ? บอกฉันมาเถอะค่ะ ฉันจะช่วยอาจารย์เองค่ะ!”
ซูจินเหม่ยยืนกราน และจ้าวหยู่ก็ลำบากใจที่จะวางสาย ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงต่อสู้กับทางทีมสืบสวนจากเทศบาล ขณะที่เขาพยายามบอกสถานการณ์ให้ซูจินเหม่ยฟัง เขายังบอกอีกว่าเดิมทีเขาต้องการสอบสวนคดีนี้อย่างลับ ๆ แต่ก็ไม่วายความแตก ทำให้เขาถูกขัดขวางจากหลายฝ่าย
“โอ้… ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานีตำรวจก็คงจะง่าย ฉันคิดว่าอาจารย์เจอศัตรูหรืออะไรสักอย่างซะอีก อาจารย์ทำให้ฉันตกใจแทบแย่เลยค่ะ”
ซูจินเหม่ยพูดราวกับว่าภูเขาถูกยกออกจากไหล่ของเธอ
จ้าวหยู่พบว่าสิ่งนี้ไร้สาระ และรีบแก้ความเข้าใจผิดทันที
“ฉันอยากจะเจอศัตรูมากกว่าอีก อย่างน้อย ๆ ฉันก็สามารถลงไม้ลงมือกับกับพวกเขาได้เต็มที่!”
“เข้าใจแล้วค่ะ อาจารย์ เดี๋ยวให้ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง อาจารย์รอฟังข่าวดีได้เลยค่ะ”
จากนั้น ซูจินเหม่ยวางสาย
"รอ!? รออะไร!?” จ้าวหยู่ส่ายหัวด้วยความสับสน ศิษย์ที่เพิ่งได้รับมามักจะพูดจาชวนให้สับสนอยู่เสมอ เธอเป็นเพียงเด็กฝึกงาน ซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ เขาสงสัยว่าเธอจะสามารถช่วยเขาได้อย่างไร?
จู่ ๆ จ้าวหยู่ก็นึกถึงเหมี่ยวอิงขึ้นมา...
‘หากเหมี่ยวอิง ที่รักของฉันอยู่ที่นี่ ฉันรับประกันได้เลยว่าหวังเซินเหยาและลูกน้องของเขาจะต้องวิ่งหนีหางจุกตูดไป ด้วยการที่เธอกดโทรออกเพียงครั้งเดียว!’
‘แต่น่าเสียดายที่เธอต้องไปล่าสัตว์ในสถานที่ที่ไม่มีสัญญาณ จนตอนนี้ฉันยังติดต่อเธอไม่ได้เลย!’
ในขณะนั้น พวกลูกน้องของหวังเซินเหยาก็พุ่งไปข้างหน้า ทำให้จางจิงเฟิง และคนอื่น ๆ ล้มลง จ้าวหยู่รีบเหวี่ยงแขนของเขาเพื่อทำให้อีกฝ่ายล้มลง พออีกฝ่ายจ้องไปที่แววตาอันดุร้ายในดวงตาของจ้าวหยู่ เขาก็ผงะถอยกลับไป และคนอื่น ๆ ถอยห่างในเวลาต่อมา
"ไม่ได้เรื่องเลย! เรามีคนเยอะกว่ามันจะไปยากอะไร ไม่รู้ล่ะ ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็ต้องเข้าไปในห้องสอบสวนให้ได้!”
หวังเซินเหยาตะโกนด้วยความเย่อหยิ่งและโกรธเคือง
"หยุด! มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!?"
เมื่อทั้งสองฝ่ายกำลังทะเลาะกันเหมือนหมาบ้า จู่ ๆ ก็มีเสียงดังลั่นมาจากทางด้านหลัง เมื่อทุกคนหันกลับมามอง พวกเขาเห็นว่ารองหัวหน้าสำนักงานเทศบาล เหลียวจิงซาน กับผู้กองแผนกสืบสวนเทศบาล เฟิงเสี่ยวมาถึงแล้ว
“จ้าวหยู่! หวัง! รีบหยุดเรื่องไร้สาระนี้เร็วเข้า!” เหลียวจิงซานรีบเข้ามาข้างหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็วและคำรามว่า “หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ตำรวจฉินชานจะต้องอับอาย! พวกคุณทุกคนรู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่!?”
หลังจากเหลียวจิงซานตะโกนเสร็จ เขาก็เดินมาหาจ้าวหยู่ แต่จู่ ๆ เหลียวจิงซานกระตุกสองครั้ง จากนั้นก็ล้มลงกับพื้นทันที หลังจากที่เขาล้มลง เขาก็เอามือปิดหน้าอกและคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
“ฉัน… กำลัง… หัวใจวาย…”
เหล่านักสืบต่างก็ตื่นตระหนก เหมาเว่ยรีบเดินไปที่ด้านหน้าฝูงชนแล้วคำรามว่า
“พวกคุณมัวยืนทำอะไรอยู่? รีบเรียกรถพยาบาลเร็วเข้า!”
ขณะที่เหมาเว่ยตะโกน เหล่านักสืบก็เตรียมโทรเรียกรถพยายาล อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่ผลักเหมาเว่ยออกไปข้าง ๆ และตะโกนทันทีว่า
“ทุกคน หยุดก่อน!”
จากนั้น จ้าวหยู่ก็ทำหน้ามุ่ยและนั่งยอง ๆ ต่อหน้าเหลียวจิงซาน เขาขมวดคิ้วและพูดว่า
“เหลียว คุณไม่คิดว่าคุณทำเกินไปหน่อยเหรอ? คุณก็อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าพวกเรา แต่มาหลอกพวกเราแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่มีใครเชื่อถือคุณหรอก”
“หนอย!” หลังจากถูกจ้าวหยู่เปิดเผยความจิรง เหลียวจิงซานก็นั่งตัวตรง ซึ่งทำให้ทุกคนตกตะลึง
“จ้าวหยู่!” เหลียวจิงซานชี้ไปที่จ้าวหยู่และตวาดว่า “ไอ้คนเนรคุณ! คุณมองไม่ออกเหรอว่าฉันกำลังพยายามหาทางลงให้คุณ!? กล้าดียังไงมาเปิดเผยกลอุบายของฉัน!”
จากนั้น เหลียวจิงซานก็ปัดฝุ่นบนร่างกายของเขาออกพร้อมลุกขึ้นยืน เขาทำราวกับว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น อย่างไรก็ตาม เหล่านักสืบทุกคนซึ่งยังคงยืนเคียงข้างกันต่างก็ตกตะลึง แต่ละคนก็อ้าปากค้าง