บทที่ 69 ทรายชักนำ
ตอนนี้กองคาราวานมาถึงเมืองฮั่นโจวจุดหมายปลายทางแล้ว กำลังจะเข้าเมืองเพื่อเสร็จสิ้นการค้าขายครั้งนี้ การติดตามไปต่อก็ไม่มีความหมายแล้ว
พวกเขาควรจะทิ้งกองคาราวานต้าถงแล้วไปนั่งรอหากองคาราวานใหม่ต่อไปอีกหรือ?
หรือจะตรงดิ่งไปที่เส้นทางที่ผ่านมา บางทีอาจจะได้เจออสูรพายุทรายก็ได้?
ซ่งหมิงฮุ่ยรู้แก่ใจว่าการทำแบบนั้นเสียเวลาเกินไป
อีกทั้งการเดินทางบนเส้นทางการค้าหูลู่ด้วยคนเพียงสี่คนก็ลำบากมาก อาหารน้ำก็มีไม่มาก จะสะดวกเท่ากับการติดตามขบวนพ่อค้าได้ที่ไหน
"วิธีนี้ ข้าเคยเห็นจากคัมภีร์ของตระกูลขั้นสร้างฐานตระกูลหนึ่งเมื่อครั้งที่ข้าไปค้าขายที่แคว้นฉี ตามบันทึกในคัมภีร์ มีอาวุธวิญญาณชื่อ 'ทรายชักนำ' ชนิดหนึ่งที่สามารถจัดการกับอสูรพายุทรายได้"
"ทรายชักนำนี้เป็นอาวุธวิญญาณระดับหนึ่งชั้นล่าง วัตถุดิบหลักในการหลอมสร้าง ก็คือกระดูกสัตว์จากร่างของอสูรพายุทรายพอดี"
"แค่หลอมสร้างทรายชักนำขึ้นมา ทรายชักนำก็จะส่งกลิ่นอายของเพื่อนร่วมสายพันธุ์ออกมา สามารถดึงดูดให้อสูรพายุทรายในบริเวณใกล้เคียงรวมตัวกันได้"
"เมื่ออสูรพายุทรายได้ทรายชักนำ มันจะนำทรายชักนำกลับไปยังรัง ทรายชักนำจะมีผลกระตุ้นต่อลูกอ่อนอสูรพายุทราย ทำให้ลูกอ่อนเติบโตแข็งแรงขึ้น เลื่อนขั้นเป็นสัตว์วิญญาณระดับหนึ่งในเร็ววัน"
ทุกคนรู้ดีว่า สาเหตุที่อสูรพายุทรายถือเป็นปัญหาหนักหน่วง จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถกำจัดให้หมดสิ้นได้ ไม่ใช่เพราะพวกมันแข็งแกร่งสักเท่าไหร่
ก่อนที่ลู่ผิงจะสำรวจพบภารกิจภายนอกนี้ บริเวณชายแดนตะวันออกทะเลทรายหย่านหวงแถบนี้ เคยมีผู้ฝึกตน ขบวนพ่อค้าจำนวนไม่น้อยมาจัดการอสูรพายุทรายโดยเฉพาะ และก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่น้อยเลย
สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้อสูรพายุทรายไม่มีวันสิ้นซาก ผุดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ เป็นเพราะว่าอสูรพายุทรายมีความสามารถในการขยายพันธุ์ที่แข็งแกร่งมาก และรังที่พวกมันอาศัยอยู่ก็เป็นความลับสุดๆ
ก็เหมือนกับแมลงสาบนั่นแหละ ฆ่าไปสักสิบ สักร้อยตัวมันก็ไม่มีประโยชน์ ต้องไปกำจัดพวกมันที่แหล่งกำเนิดในรังให้ได้
ถ้าไม่ทำลายให้ถึงราก ฤดูใบไม้ผลิมาถึงมันก็แตกกิ่งใบขึ้นมาใหม่ คือหลักการนั่นเอง
"แนวคิดการหาที่ตั้งรังของอสูรพายุทรายผ่านทรายชักนำฟังดูเป็นวิธีที่ไม่เลวเลย แต่ไม่ทราบว่าทรายชักนำนี่ต้องหลอมอย่างไร จางเสี่ยวยินดีบอกหรือไม่?"
ในเมื่อจางซื่อหงพูดถึงทรายชักนำขึ้นมาแล้ว จางเนี่ยนชวนเดาว่าอีกฝ่ายอาจจะรู้วิธีหลอมสร้างอาวุธวิญญาณประเภทนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดถึงหรอก
ไม่ผิดไปจากที่คิด คำพูดถัดมาของจางซื่อหงก็พิสูจน์ให้เห็นถึงข้อสงสัยของจางเนี่ยนชวน
"วิธีหลอมสร้างทรายชักนำน่ะ ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว หลายปีผ่านไป ยังจำได้แม่นยำเลย"
จางซื่อหงยิ้มน้อยๆ "แม้ว่าทรายชักนำนี่จะเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่ตระกูลขั้นสร้างฐานนั้นสรุปออกมาเพื่อต่อกรกับอสูรพายุทราย ตามกฎของโลกยุทธ์ จะไม่เผยแพร่ออกไปง่ายๆ"
"แต่พวกเขายอมให้ข้าศึกษาวิธีนี้ เห็นทีจะอยากให้ข้านำทรายชักนำนี้ไปแจกจ่ายในระหว่างการเดินทางค้าขาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ฝึกตนทั้งหลายกำจัดอสูรพายุทรายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพื่อปกป้องความสงบสุขของท้องถิ่น"
หลังจากพูดไปหลายคำ จางซื่อหงก็หยิบกระดาษปากกาออกมา จากนั้นก็เขียนวิธีหลอมสร้างทรายชักนำลงไปตามความทรงจำ
"เวลาไปไหนมาไหนก็ต้องพึ่งพาสหาย พวกเราคุยกันถูกคอ ดังนั้นสูตรหลอมสร้างนี่ข้าจะมอบให้พวกท่านแล้วกัน ตัวข้าเองก็เรียนมาจากที่อื่นเหมือนกัน"
"ในพวกท่านมีใครเป็นช่างหลอมอาวุธบ้างไหม? การหลอมสร้างทรายชักนำ ต้องการช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่งชั้นกลางขึ้นไป"
จางซื่อหงยื่นสูตรทรายชักนำให้อย่างใจกว้าง
"ขอบคุณจางเสี่ยวมาก"
เมื่อเห็นท่าทีของจางซื่อหง ซ่งหมิงฮุ่ยก็ไม่คิดอะไรมากอีกต่อไป
นางรับสูตรทรายชักนำมา จากนั้นก็มองหน้าหลินหาน จางเนี่ยนชวน และจูชินไปมา
เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครในพวกเขาที่เป็นช่างหลอมอาวุธ
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ จางซื่อหงก็เดาผลลัพธ์ออก ได้แต่ส่ายหัว แล้วพูดว่า "ข้าไม่ได้ปิดบังอะไร ในกองคาราวานของเราก็ไม่มีช่างหลอมอาวุธเหมือนกัน"
"ท่านผู้ฝึกตนทั้งหลาย หากต้องการฝากคนหลอมสร้างทรายชักนำ ลองขอความช่วยเหลือจากนิกายของพวกท่านดูสิ"
"ในรัศมีพันลี้นี้ ไม่มีช่างหลอมอาวุธที่อยู่ประจำ จะหาก็เป็นเรื่องยุ่งยากเหลือเกิน อีกทั้งเนื่องจากที่นี่ทรัพยากรขาดแคลน ราคาของก็สูงลิ่ว ค่าหลอมอาวุธจะสูงกว่าราคาปกติมาก คงสู้ไปขอความช่วยเหลือจากนิกายของท่านไม่ได้"
คำพูดสุดท้ายของจางซื่อหง ให้ข้อเสนอแนะที่ดีมากไปเลย
ความจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เนื่องจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อมในทะเลทราย จำนวนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ มีน้อยกว่าพื้นที่อื่นที่มีน้ำและดินอุดมสมบูรณ์มาก
ส่วนผู้ฝึกตนที่ประจำอยู่ที่นี่ ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่างหลอมอาวุธในหมู่ผู้ฝึกตน ถือเป็นบุคลากรที่ขาดแคลน หายากยิ่งกว่า ถึงแม้ว่าจะหาคนได้ การจ่ายเงินให้หลอมอาวุธก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ของยิ่งหายาก ยิ่งมีค่า ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ถ้าให้คนนอกหลอมอาวุธ ซ่งหมิงฮุ่ยเองก็ไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่
ถ้าจะพูดถึงในนิกายชิงซาน คนที่สามารถหลอมสร้างทรายชักนำนี้ได้ ก็ต้องเป็นลู่จือเวยผู้เป็นผู้อาวุโสอย่างแน่นอน
ด้วยความสามารถด้านการหลอมอาวุธของนาง การหลอมสร้างทรายชักนำไม่ใช่ปัญหาแน่นอน
การขอร้องลู่จือเวยให้ช่วยหลอมสร้าง เป็นความคิดที่ดี ซ่งหมิงฮุ่ยก็คิดจะนำสูตรหลอมสร้างทรายชักนำกลับไปด้วย เก็บรวบรวมไว้ในนิกาย
หลังจากเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของจางซื่อหง เขาก็ให้ของขวัญอีกหนึ่งชิ้นแบบเกินคาด
"การหลอมสร้างทรายชักนำ วัตถุดิบหลักคือกระดูกสัตว์จากอสูรพายุทราย บนเกวียนของเรายังมีอสูรพายุทรายสองสามตัว พวกท่านสามารถเอากระดูกสัตว์ไปได้เลย ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยกันครั้งก่อนแล้วกัน"
สามารถรับรู้ได้ว่า จางซื่อหงรู้จักยับยั้งชั่งใจ เป็นผู้มีมารยาทในการติดต่อกับผู้อื่น ได้รับคำชมไม่น้อยเลย
ซ่งหมิงฮุ่ยก็ไม่เกรงใจ ตัดแต่งกระดูกสัตว์สามชุด พูดคำอำลากันแล้วก็พากันแยกทางกับขบวนพ่อค้าทันที
มองตามขบวนพ่อค้าเดินเข้าเมือง จนหายไปจากสายตา หลังจากนั้นก็หวังว่าต่อไปจะได้มีโอกาสพบกันอีก สี่คนมองดูท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง ปรึกษาหารือกันว่าจะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้
พวกเขาจะนำสูตรทรายชักนำกลับไปนิกายสักรอบ เพื่อขอร้องลู่จือเวยให้ช่วยหลอมสร้าง
นิกายชิงซานอยู่ห่างจากที่นี่เกือบ 6,000 ลี้ การเดินทางร่วมกันก็เพื่อให้มีคนคอยดูแลกัน มิฉะนั้นหากส่งแค่คนเดียวกลับนิกาย อีกสามคนก็จะไม่สบายใจไม่น้อย
เช้าวันต่อมา ทั้งสี่จึงเริ่มออกเดินทาง
ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ทั้งสี่คนเดินทางกลับไปตามเส้นทางเดิม ในที่สุดก็มาถึงนิกายชิงซาน ถึงจะเหนื่อย แต่ก็ไม่มีเวลาพัก
ซ่งหมิงฮุ่ยขอพบลู่จือเวยทันที รายงานเรื่องอสูรพายุทรายและทรายชักนำให้นางทราบ
ลู่จือเวยฟังรายงานของซ่งหมิงฮุ่ยจนจบ ทราบที่มาที่ไป และขอร้องให้นางช่วยหลอมสร้างทรายชักนำ เพื่อตัดรากถอนโคนอสูรพายุทราย ใบหน้าเย็นชาของนางก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา
"การทำสิ่งใดให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และการรู้ว่าควรจะกำจัดรังของอสูรพายุทราย ขจัดภัยร้ายให้สิ้นซาก ความตั้งใจของพวกเจ้านี่ ทำให้ข้าสมควรลงมือ"
"การหลอมสร้างทรายชักนำ ให้ข้าเป็นผู้จัดการเอง"
หลังจากตอบตกลงที่จะหลอมสร้างทรายชักนำ ลู่จือเวยก็ปิดตัวเข้าห้องในวันนั้นเลย
ในฐานะช่างหลอมอาวุธระดับ 1 ชั้นสูง การหลอมสร้างทรายชักนำที่เป็นอาวุธระดับ 1 ชั้นล่าง ย่อมไม่ยากแน่นอน
ได้รับสูตรและวัตถุดิบในการหลอมสร้างทรายชักนำมาแล้ว ลู่จือเวยไม่ได้ลงมือทันที แต่ใช้เวลาครึ่งวันในการศึกษาทำความเข้าใจ เมื่อเข้าใจทฤษฎีการหลอมสร้างแล้ว จึงค่อยเริ่มลงมือหลอม
สาเหตุที่ทรายชักนำสามารถดึงดูดอสูรพายุทรายได้ ก็อยู่ที่กระดูกสัตว์ของมัน
สิ่งนี้ดึงดูดให้อสูรพายุทรายมารวมตัวกันได้ ก็เพราะมันสามารถส่งกลิ่นอายเพื่อนพ้องเดียวกันออกมา
อสูรพายุทรายมีความอ่อนไหวต่อกลิ่นอายเพื่อนพ้องแบบนี้มาก สามารถรับรู้ได้ในระยะร้อยลี้
แต่โดยปกติแล้วกลิ่นอายเพื่อนพ้องในกระดูกสัตว์จะไม่สามารถแผ่ซ่านออกมาได้แม้แต่น้อย ซ่อนอยู่ลึกมาก ไม่สามารถดึงดูดอสูรพายุทรายได้เลย
ดังนั้น จุดสำคัญที่สุดของการหลอมสร้างทรายชักนำจึงอยู่ที่การสกัดเอากลิ่นอายเพื่อนพ้องที่ซ่อนอยู่ในกระดูกสัตว์ออกมา ผสมผสานกับวัตถุดิบอื่นๆ แล้วทำให้กลายเป็นอาวุธวิญญาณ
ขณะที่ใช้อาวุธวิญญาณชิ้นนี้ มันจะทำให้กลิ่นอายเพื่อนพ้องนี้คงอยู่ได้นาน
ทฤษฎีก็คือเช่นนี้ะ ไม่รู้ว่าคนฉลาดคนไหนเป็นผู้ค้นพบ แสดงให้เห็นว่าในโลกของผู้ฝึกตนนั้น มีคนฉลาดจำนวนไม่น้อยซ่อนตัวอยู่
ลู่จือเวยเข้าใจทฤษฎีนี้แล้ว ก็อดชื่นชมไม่ได้
ต้องรู้ว่า เมื่อผู้ฝึกตนสังหารสัตว์ร้ายอย่างอสูรพายุทรายได้ ตัวสัตว์ร้ายเองก็ไม่ได้มีค่ามาก เพราะพวกมันไม่สามารถรวมยาในเป็นแก่นได้ ดังนั้นส่วนใหญ่ก็นำไปขายเป็นอาหารได้แค่นั้น
ใครจะเอากระดูกมันไปทำอะไรล่ะ แล้วยังค้นพบวิธีดึงดูดอสูรพายุทราย ทำเป็นทรายชักนำออกมาได้ด้วย
ถ้าเอาทรายชักนำนี่ไปเป็นเหยื่อล่อ ดึงดูดให้อสูรพายุทรายไปโจมตีพ่อค้า หรือตระกูลฝึกตน หรือนิกาย แม้กระทั่งอำเภอเมือง...
พอก่อน พอแล้ว นี่ไม่ใช่ความคิดที่ผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมะควรจะมีเลย
เว้นแต่ใช้มันจัดการศัตรูคู่อาฆาต ลู่จือเวยถึงจะยอมรับได้บ้าง
ส่ายหัวไล่ความคิด ไม่คิดเรื่องนี้ต่อ ในสองวันต่อมา ลู่จือเวยก็จดจ่ออยู่กับกระบวนการหลอมอาวุธ
นางควบคุมไฟแท้ในร่างกายอย่างช้าๆ ใช้ชุบเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับวัตถุดิบต่างๆ สกัด รวมเข้าด้วยกัน ตลอดกระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีความผิดพลาดใดๆ
จนกระทั่งเช้าวันที่สาม เธอก็ออกมาพร้อมกับทรายชักนำที่หลอมสำเร็จแล้ว