บทที่ 68 แผนกำจัดสัตว์ร้ายต่อเนื่อง
อสูรพายุทรายเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดใหญ่ ความเร็วค่อนข้างช้า ไม่เท่าความว่องไวของสุนัขป่าม่วง
ตัวอสูรพายุทรายที่จางเนี่ยนชวนโจมตีอยู่ในขั้นฝึกปราณระดับ 3 เท่านั้น มันจะเป็นคู่ต่อสู้ของจางเนี่ยนชวนได้อย่างไร
เมื่อเห็นกระบี่ไผ่เขียวฟาดลงมาอย่างรวดเร็ว มันไม่ทันตั้งตัว หลบหลีกไม่ทัน
ใบมีดสีเขียวหยกมีความคมกริบเยียบเย็น แผ่ประกายแสงสว่างวับ ดุจแสงออโรร่าในอวกาศลึกที่ที่ราบสูงหิมะ ภาพลักษณ์ที่สวยงามมาก
ราวกับงานศิลป์ ดึงดูดสายตาของผู้คน
แต่ชั่วพริบตาต่อมา งานศิลป์ชิ้นนี้ก็ฟันลงบนร่างอสูรพายุทรายอย่างกะทันหัน เฉือนอสูรพายุทรายออกเป็นสองท่อน เลือดสาดกระจายทั่วทะเลทราย
ร่างกระบี่สีหยกเขียวคว้างหยาดเลือดสัตว์ขึ้นมา บิดวนกลางอากาศ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ฟันฉับไปยังอสูรพายุทรายตัวที่สอง
จางเนี่ยนชวนใช้กระบี่ไผ่เขียวด้วยตัวเอง ปะทะเพียงครั้งแรกก็ฆ่าอสูรพายุทรายได้หนึ่งตัว สิ่งนี้ทำให้ใจของเขาตื่นเต้นกับอาวุธวิญญาณใหม่ที่ไม่ธรรมดา
เมื่อเทียบกับดาบบินเหล็กมืดนี่ใช้ได้ดีมากกว่า จึงเกิดเจตนารมณ์การต่อสู้พลุ่งพล่าน
ตัวนางเองเป็นผู้ฝึกตนขั้นฝึกปราณระดับ 6 อยู่แล้ว ในบรรดาอสูรพายุทรายเหล่านี้ ตัวที่พลังสูงที่สุดก็ไม่เกินขั้นฝึกปราณระดับ 4
บวกกับการร่วมมือกับหลินหาน ซ่งหมิงฮุ่ย และจูชินอีกสามศิษย์พี่ที่อยู่ปลายขั้นฝึกปราณ การกวาดล้างสัตว์ร้ายพวกนี้ก็ไม่ยาก
"สองศิษย์น้อง พวกเราก็อย่ามองดูอย่างเดียว รีบลงมือด้วยกันเร็วๆเถอะ"
ซ่งหมิงฮุ่ยร้องเรียก เมื่อเห็นพลังของกระบี่ไผ่เขียว นางแอบกำหมัดขบกรามด้วย ช่างน่าเสียดายที่ตัวนางไม่มีอาวุธระดับนี้ คราวหน้าคงต้องพยายามขอมาจากนิกายให้ได้
"ซ่งซื่อเจ๋อ ระวังตัวด้วย"
หลินหานพยักหน้า
พูดจบ เขากับจูชินก็ลงมือพร้อมกัน
กระบี่ไผ่เขียวสองเล่มออกจากฝัก กลายเป็นสายแสงสีเขียวสองสาย ร่วมกับกระบี่ไผ่เขียวของจางเนี่ยนชวน พุ่งฟันฉับไปที่ฝูงอสูรพายุทราย
ซ่งหมิงฮุ่ยใช้อาวุธวิญญาณติดตัวอีกชิ้นหนึ่งออกมา 'ชีเหลียนหลิง'
นี่คืออาวุธวิญญาณระดับ 1 ระดับกลาง อยู่ในระดับเดียวกับตาข่ายอู่จินเทียนโหลว เป็นหนึ่งในสองอาวุธวิญญาณติดตัวของซ่งซื่อเจ๋อ
ในนิกายชิงซาน ศิษย์ที่มีอาวุธวิญญาณสองชิ้นในเวลาเดียวกันมีไม่มาก โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีอาวุธติดตัวหนึ่งสองชิ้นเฉพาะศิษย์ปลายขั้นฝึกปราณเท่านั้น
ชีเหลียนหลิงมีสีแดงโดยรวม ถึงแม้ว่าจะทำมาจากไหม แต่ถ้าอัดพลังเข้าไป ก็จะเปลี่ยนเป็นมีดคมสำหรับตัดศีรษะคนได้ นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้ความยืดหยุ่นสูงสุด ใช้พันรัดศัตรูได้
อาวุธวิญญาณชิ้นนี้เมื่อถูกปลุกขึ้นมา ก็คลุมอยู่บนบ่าทั้งสองของซ่งหมิงฮุ่ย ม้วนรัดอยู่บนแขนทั้งสองของนาง
ชีเหลียนหลิงขยับไปตามการควบคุมของซ่งหมิงฮุ่ย เหมือนอย่างงูแดงที่ปราดเปรียวพุ่งไปข้างหน้า เผชิญหน้าครั้งแรกก็ฟันหัวอสูรพายุทรายขั้นฝึกปราณระดับ 2 ขาดทันที
ถึงแม้อสูรพายุทรายเหล่านี้จะมีจำนวนมาก มีกว่าสิบตัว แต่ว่าพลังโดยรวมก็ไม่ลึกซึ้งนัก
ภายใต้การโจมตีของซ่งหมิงฮุ่ยทั้งสี่คน อสูรพายุทรายเหล่านี้ไม่สามารถโต้กลับได้เลย ถูกกวาดล้างจนเกลี้ยง
ตลอดกระบวนการนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ถึงขนาดที่จางซื่อหงไม่ต้องลงมือเลย
เมื่อฆ่าอสูรพายุทรายหมดฝูง คาราวานก็กลับสู่ความสงบเรียบร้อยได้ภายใต้การจัดการของจางซื่อหง
สมาชิกคาราวานทั้งหลายมองซากอสูรพายุทรายกว่าสิบตัวที่นอนตายเกลื่อนกลาด แล้วก็หันไปมองซ่งหมิงฮุ่ยทั้งสี่ ในใจลอบขนลุกพร้อมๆกับรู้สึกขอบคุณที่รอดชีวิต
พวกเขาทั้งหมดเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีทางสู้อสูรพายุทรายได้
โชคดีจริงๆที่ได้ร่วมเดินทางกับศิษย์นิกายชิงซานทั้งสี่คนนี้ ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์คงไม่คิดอยากรู้
ถึงแม้ว่าจางซื่อหงผู้นำก็เป็นผู้ฝึกตน แต่พลังของเขาอยู่แค่ระดับ 3 ขั้นฝึกปราณ เผชิญกับอสูรพายุทรายหนึ่งถึงสองตัวอาจจะสู้และมีโอกาสชนะได้บ้าง
แต่ครั้งนี้ถูกอสูรพายุทรายถึงสิบกว่าตัวโจมตีกะทันหัน รวมถึงตัวที่อยู่ในขั้นฝึกปราณระดับ 4 ถึงจะมีสิบจางซื่อหงก็ไม่พอต่อสู้
หลังจากกำจัดอสูรพายุทรายฝูงนี้ได้ การเดินทางต่อไปก็สะดวกขึ้นมาก ไม่มีเจออุปสรรคใดๆอีก
ตอนนี้ หลินหานเสนอว่าพวกเขาสามารถเดินทางกลับนิกายได้แล้ว และกำลังจะแยกทางกับคาราวาน
"ข้าคิดว่าอสูรพายุทรายพวกนี้ไม่ได้เป็นทั้งหมด บางทีอาจจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ที่นี่"
"พวกเราควรที่จะพักอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน เพื่อดูว่ายังมีอสูรพายุทรายตัวไหนมาก่อกวนอีกไหม?"
"ถ้ายังมีอสูรพายุทรายมาสร้างความวุ่นวาย โจมตีพ่อค้า ภารกิจนี้เราควรจะทำให้เสร็จสมบูรณ์ ถ้าจะกำจัดสัตว์ร้ายก็ต้องถอนรากถอนขน"
ซ่งหมิงฮุ่ยพูดเสนอความคิดของนาง นางกังวลว่าภารกิจกำจัดอสูรพายุทรายครั้งนี้คงจะไม่ง่ายอย่างนั้น
นางตรวจนับซากอสูรพายุทรายอย่างคร่าวๆแล้ว รวมทั้งหมด 14 ตัว
ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง จำนวนอสูรพายุทรายที่หัวหน้านิกายบอกมา อยู่ที่ราวๆ 26 ตัว
เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังไม่ได้กวาดล้างอสูรพายุทรายให้หมดเกลี้ยง ยังมีตัวรอดหนีไปอีก
ถ้าไม่กำจัดอสูรพายุทรายที่หลุดรอดพวกนี้ ถือว่าภารกิจครั้งนี้ยังทำไม่สำเร็จเลย
กำจัดสัตว์ร้ายได้แค่ครึ่งเดียว จะเรียกว่าอะไรได้
นิกายยังให้รางวัลกระบี่ไผ่เขียวกับจางเนี่ยนชวน จูชิน และหลินหานทั้งสามด้วยซ้ำ ถ้าพวกเขากลับไปอย่างร้อนรนแบบนี้ โดยไม่สนใจอสูรพายุทรายที่รอดไป ก็ถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
"ซ่งซื่อเจ๋อพูดมีเหตุผล ข้าเห็นว่าอสูรพายุทรายพวกนี้มีจำนวนไม่มาก ต้องยังมีตัวที่ยังกำจัดไม่หมดแน่ๆ ถ้าหยุดมือตอนนี้ ข้ากลัวว่าจะเป็นภัยแฝงในอนาคต"
จางเนี่ยนชวนพยักหน้าเบาๆ
ในบรรดาสี่คน ซ่งหมิงฮุ่ยอาวุโสสูงสุด อายุมากที่สุด ทุกคนชอบเรียกนางว่าซ่งซื่อเจ๋อ ในตอนนี้ถือว่านางเป็นหัวหน้าโดยปริยาย
คำพูดของซ่งซื่อเจ๋อ พวกเขาทั้งสามคนจะฟังกัน
จางเนี่ยนชวนมีความคิดของตัวเอง แต่ในตอนนี้ความคิดของเขาไม่ได้อยู่ที่เรื่องว่าอสูรพายุทรายมีจำนวนมากแค่ไหน หากแต่เงยหน้ามองไปรอบๆ
"ซ่งซื่อเจ๋อ ข้าอยากจะกวาดอสูรพายุทรายที่นี่ให้หมดเช่นกัน แต่ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ พวกเราจะไปตามหาอสูรพายุทรายส่วนที่เหลือได้อย่างไร?"
กำจัดสัตว์ร้ายให้หมดสิ้น แน่นอนว่าเขาเต็มใจทำ แต่ก่อนจะทำ ก็ต้องมีวิธีหาอสูรพายุทรายที่รอดไปเหล่านั้นก่อน
ครั้งนี้ พวกเขาถือว่าโชคดีมาก ที่เดินทางตามคาราวานมาก็เจออสูรพายุทรายโจมตีเข้ามาเอง
แล้วต่อไปจะทำอย่างไร? จะเดินตามคาราวานต่อไปเรื่อยๆ ลองใช้โชคดูดีไหม?
เมื่อจางเนี่ยนชวนเสนอความคิดนี้ออกมา ซ่งหมิงฮุ่ยและหลินหานก็คิดแล้วคิดอีก ชั่วขณะนั้นก็นึกไม่ออกว่ามีวิธีอื่นอีกไหม งั้นก็แค่ลองใช้โชคดู เดินตามคาราวานต่อไปก็แล้วกัน
ทำได้แค่นี้จริงๆ
ก่อนที่จะออกเดินทาง กลุ่มคนทั้งหมดเลือกซากอสูรพายุทรายที่มีค่าพอสมควรมาสองสามตัว
เนื้อและเลือดของสัตว์ร้ายพวกนี้สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ กระดูกก็นำมาเป็นส่วนผสมของยา ในสายตาของสมาชิกคาราวานแล้ว ถ้าขนส่งไปขายในเมืองก็จะได้หินวิญญาณกลับมาจำนวนหนึ่ง อย่าปล่อยให้มันเสียเปล่า
จางซื่อหงเดาได้ว่าซ่งหมิงฮุ่ยและคนอื่นๆจะถือพกลำบาก เขาจึงเสนอว่าเขาจะซื้อซากอสูรพายุทรายพวกนี้ไป ให้เงิน 320 ก้อนหินวิญญาณเป็นค่าตอบแทน
ด้วยวิธีนี้ ก็เท่ากับได้ขายซากอสูรพายุทรายในทันที
ค่าของซากอสูรพายุทรายเหล่านี้ อยู่ในช่วงของเงินก้อนนี้แหละ ขายไปก็ไม่ขาดทุน
สำหรับการซื้อขายนี้ ซ่งหมิงฮุ่ยย่อมตกลงแน่นอน
ยังไงก็ต้องขายอยู่แล้ว สู้จัดการเสียตรงนี้ให้เสร็จๆไป แล้วก็ถือโอกาสผูกมิตรกับคาราวานด้วย
ถ้าให้พวกเขาหอบหิ้วไปเอง คงลำบากแน่ๆ ถุงเก็บของก็ใส่ไม่หมด
ติดต่อกลับไปให้นิกายส่งคนมารับของ ระยะทางไกลขนาดนี้ จะต้องรอจนถึงเมื่อไหร่กัน
"งั้นข้าน้อยต้องขอบคุณสี่ท่านมากที่ให้ความเมตตา"
เมื่อการซื้อขายเสร็จสิ้น และจ่ายหินวิญญาณแล้ว จางซื่อหงก็เดินทางต่อไปพร้อมกับซ่งหมิงฮุ่ย
เส้นทางต่อไป เนื่องจากซ่งหมิงฮุ่ยทั้งสี่ได้แสดงฝีมือล้างฝูงอสูรพายุทราย สมาชิกคาราวานทั้งหลายจึงให้ความเคารพนับถือทั้งสี่คนยิ่งนัก ไม่มีทีท่าดูถูกเลย พร้อมกันนั้นก็รู้สึกสบายใจกับเส้นทางข้างหน้ามากขึ้น
พวกเขาเดินทางไปจนครบ 1000 กว่าลี้สุดท้าย กำลังจะเข้าเมืองฮั่นโจว ตลอดทาง ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอะไร ไม่เจอการโจมตีจากอสูรพายุทรายอีกเลย
สำหรับผลลัพธ์นี้ สมาชิกคาราวานต่างดีใจยินดี ในขณะที่ซ่งหมิงฮุ่ยรู้สึกผิดหวังไม่น้อย
เพราะไม่ได้เห็นร่องรอยของอสูรพายุทรายเลยอีกแล้ว
ดูเหมือนจางซื่อหงจะสังเกตเห็นความผิดหวังบนใบหน้าของซ่งหมิงฮุ่ย เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
"ซ่งเต่าโหยว ถ้าพวกท่านอยากจะฆ่าอสูรพายุทรายต่อ เพื่อปราบปรามภัยจากสัตว์ร้ายที่นี่ ข้ามีวิธีที่พอจะลองทำได้อยู่"
"วิธีอะไรหรือ?"
ซ่งหมิงฮุ่ยได้ยินดังนั้นตาก็สว่างวาบ รีบถามด้วยความใจจดใจจ่อ