บทที่ 67 เกิดเรื่องบนเส้นทางการค้าหูลู่
เมื่อเพิ่งก้าวเข้ามาในชายแดนทะเลทราย สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือทะเลทรายสีเหลืองไกลสุดสายตา อากาศร้อนระอุทรมาน แห้งแล้งยิ่งนัก
โชคดีที่ที่นี่ไม่ถือว่าเป็นเขตร้าง ผู้ฝึกตนมีร่างกายแข็งแรงเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดามาก สามารถทนสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ได้
ในพุ่มไม้ขนาดยักษ์ตรงชายแดนทะเลทรายตะวันออก มีโรงเตี๊ยมที่ดำเนินกิจการอยู่ราวๆสิบกว่าแห่ง ค่าที่พักก็ไม่แพง
สามคนเลือกโรงเตี๊ยมที่ชื่อว่า หูลู่ เข้าพักที่ใกล้ที่สุด
ในโรงเตี๊ยมหูลู่ ธุรกิจไม่ค่อยดีนัก เงียบสงบมาก ไม่มีใครเข้าพักมาหลายวันแล้ว พอมีซ่งหมิงฮุ่ยกับอีกสามคนมาเข้าพักถึงมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
ในช่วงสองสามวันแรก พวกเขาทุกคนไม่ค่อยปรับตัวได้ เพราะไม่เคยอยู่ในทะเลทรายมาก่อน
ก่อนอื่นพวกเขาต้องเตรียมน้ำและอาหารรวมถึงเสบียงสำคัญจำเป็นให้พร้อม หลังจากคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่แล้วถึงจะเริ่มไปสอบถามเจ้าของโรงเตี๊ยมเกี่ยวกับเส้นทางการค้าของขบวนพ่อค้า
เนื่องจากในโรงเตี๊ยมมีลูกค้าน้อย ในช่วงไม่กี่วันนี้มีเพียงผู้ฝึกตนสัญจรผ่านมาหนึ่งคนกับพระสงฆ์สมถะอีกหนึ่งรูป เจ้าของร้านจึงค่อนข้างว่างและเริ่มคุยเล่นกับซ่งหมิงฮุ่ยและอีกสามคนขึ้นมา
เส้นทางการค้าในที่นี่ไม่ใช่ความลับ คำตอบก็ได้มาเมื่อเริ่มสอบถามเพียงครั้งเดียว
ชายแดนทะเลทรายตะวันออกของเอี้ยนหวงมีชื่อเรียกหนึ่งว่า ตงซาเจิน หมายถึงพื้นที่ทะเลทรายทางทิศตะวันออก
ถึงจะเรียกว่า "เจิน" ซึ่งแปลว่าเมือง แต่จริงๆแล้วที่นี่มีผู้อยู่อาศัยไม่ถึงห้าร้อยคน ขนาดเล็กมากจนแทบไม่ต้องนับ เพียงแต่มีโรงเตี๊ยมสักสิบกว่าแห่งเพื่อความสะดวกในการจดจำ ดึงดูดลูกค้าจากขบวนพ่อค้า จึงคิดชื่อเรียกแบบนี้ร่วมกัน
ในตงซาเจิน เส้นทางการค้าที่เชื่อมต่อกับทะเลทรายเบื้องลึกมีเพียงสายเดียว ชื่อของมันก็เดียวกับชื่อโรงเตี๊ยมนี้ คือ หูลู่
พอพูดถึงเส้นทางการค้าหูลู่ เจ้าของร้านก็เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนเส้นทางช่วงหลังๆมานี้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องพูดคุยเล่นหลังมื้ออาหารเกี่ยวกับจุดกำเนิดและพัฒนาการของเส้นทางการค้า
ในนั้นรวมถึงเรื่องอสูรพายุทรายโจมตีขบวนพ่อค้าด้วย
เมื่อรู้ว่ามีอสูรพายุทรายปรากฏตัวจริงและโจมตีขบวนพ่อค้าหนึ่ง สี่คนก็รู้ว่ามาถูกที่แล้ว
"ขอถามท่านเจ้าของโรงเตี๊ยมหน่อย เหตุอสูรพายุทรายโจมตีเกิดขึ้นเมื่อไร?" จางเนี่ยนชวนถาม
เจ้าของโรงเตี๊ยมเป็นชายหนวดเคราดกดำ พูดคำไทยได้ชัดถ้อยชัดคำมาก เขาฉีกยิ้มเป็นมิตร ตอบว่า
"เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนกว่าๆแล้วล่ะ เรื่องร้ายแรงทีเดียว ขบวนพ่อค้าทั้งกลุ่มนั้นมีราวยี่สิบถึงสามสิบคน ได้ยินว่ามาจากอาณาจักรฉี เป็นคนต่างถิ่น น่าเสียดายต้องโชคร้ายไปสิ้นชีพในปากอสูรพายุทรายด้วยกันทั้งหมด"
พูดถึงตรงนี้ เจ้าของโรงเตี๊ยมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็อดถามไม่ได้
"ข้าเห็นท่าทางการแต่งตัวและกิริยาของทั้งสามท่านไม่ธรรมดา ดูไม่เหมือนผู้ฝึกตนสัญจรทั่วไป เป็นลูกศิษย์ตระกูลหรือลูกศิษย์นิกายที่มาผจญภัยกันหรือ?"
"ข้าแนะนำทุกท่านว่าอย่าเข้าไปลึกในทะเลทรายเอี้ยนหวงเชียว พายุทรายและอสูรพายุทรายบางตัวในนั้นอันตรายร้ายกาจยิ่งนัก ไม่ค่อยเหมาะกับการท่องเที่ยวชมวิว ไม่น่าสนุกเลย"
"ข้าน้อยเป็นศิษย์นิกายชิงซานแห่งเขตหลูซาน จางเนี่ยนชวน"
"ท่านนี้คือซ่งซือเจ๋อ ศิษย์พี่นิกายเดียวกัน ส่วนสองท่านนี้เป็นหลินซือซิงกับชูซือซิง"
จางเนี่ยนชวนแนะนำเรียบๆ
"นิกายชิงซาน..."
เจ้าของโรงเตี๊ยมพึมพำ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนิกายนี้ แต่เขาไม่ได้ซักต่อ
ทุกคนไม่ได้คุยต่อในเรื่องนิกายชิงซานอีก
ต่อมาหลังจากพูดคุยกันลึกถึงเรื่องอสูรพายุทราย ทั้งสี่จึงตัดสินใจบุกเองและย่างกรายสู่เส้นทางการค้าหูลู่เพื่อตามหาฝูงอสูรพายุทรายนั้น
หลังจากพักอยู่ในโรงเตี๊ยมสิบกว่าวัน ขบวนพ่อค้าที่ชื่อว่าต้าถงมาถึง จางเนี่ยนชวนทั้งสี่ใช้เหตุผลที่ว่าไม่คุ้นเคยเส้นทาง ขอร้องเดินทางไปกับขบวนพ่อค้าด้วยกัน
หัวหน้าขบวนพ่อค้าเป็นผู้ฝึกตนหนุ่มนามจางซื่อหง ฝึกตนถึงขั้นฝึกปราณชั้น 3 เมื่อทราบว่าทั้งสี่คนสังกัดนิกาย ระดับฝึกตนต่างถึงขั้นฝึกปราณชั้น 5 เศษ จากการพูดคุยดูท่าทางเข้ากันได้ดี จึงรับปากทันที
ช่วงหลังได้ยินจากเจ้าของโรงเตี๊ยมพูดถึงเรื่องอสูรพายุทรายโจมตีขบวนพ่อค้าบนเส้นทางการค้าหูลู่ ทำให้สมาชิกขบวนพ่อค้าก็เพิ่มความระมัดระวัง กลัวเจออสูรพายุทรายโจมตีเช่นกัน
ตอนนี้ได้ผู้ฝึกตนจากนิกายสี่คนร่วมเดินทางไปด้วย หากเกิดเจออสูรพายุทรายจริงๆก็ยังพอมีที่พึ่งพา
ได้รับอนุญาตจากขบวนพ่อค้า ซ่งหมิงฮุ่ยสี่คนจึงเริ่มต้นเดินทางด้วยกัน
ก่อนจะออกเดินทาง พี่หญิงซ่งก็อดกังวลไม่ได้ บอกกำชับหลินหานทั้งสามสักคำ
"ครั้งนี้พวกเรามาที่นี่กำจัดปีศาจ เพื่อทำให้สำเร็จภารกิจของนิกายก็จริง แต่ในฐานะศิษย์นิกายชิงซาน พวกเราต้องไม่รังแกขบวนพ่อค้าไพร่ฟ้าพวกนี้อย่างไม่มีเหตุผล อย่าได้ไปทำให้ชื่อเสียงนิกายเสียหายเป็นอันขาด"
จางเนี่ยนชวนพยักหน้า "ซือเจ๋อเตือนไว้ก่อนแล้ว ข้าจะระวัง"
ส่วนหลินหานยิ้มแหยๆ "ไม่หรอกๆ ซือเจ๋อวางใจได้"
ชูชินไม่พูดอะไร แต่เขาก็พยักหน้ารับ
เช่นนี้ ผ่านไปเพียงคืนเดียว ทุกคนกินอาหารเช้าที่โรงเตี๊ยมเสร็จแต่เช้าตรู่ ก็ออกเดินทางแต่หัววัน
ครั้งนี้ขบวนพ่อค้าต้าถงขนสินค้าประเภทสิ่งทอ ผลิตมาจากอำเภอกว้างเต๋อ จะขนส่งไปยังเขตหลงเจียงทางชายแดนตะวันตกของอาณาจักรชู
เขตหลงเจียงเป็นพื้นที่ชายขอบติดกับอาณาจักรฉี อุตสาหกรรมสิ่งทอล้าหลังมาก ทุกปีจะต้องรวบรวมสิ่งทอจากที่ต่างๆในอาณาจักรชูมาเติมเต็มตลาด
ผ้าทอจากอำเภอกว้างเต๋อมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ทำให้สมาคมการค้าต้าถงมองเห็นผลประโยชน์ตรงนี้
พ่อค้ามักแสวงหาผลประโยชน์อย่างเอาจริงเอาจัง
"ท่านทั้งสามมาจากนิกายชิงซาน พูดแล้วพวกเราก็เป็นชาวบ้านเดียวกัน"
"ข้าน้อยเกิดที่เขตหลูซานตั้งแต่เด็ก เป็นชาวท้องถิ่นอำเภอกว้างเต๋อ ตั้งแต่นานมาแล้วที่ได้ยินชื่อเสียงของนิกายชิงซาน..."
จางซื่อหงช่างพูดมาก รู้ว่าควรหลีกเลี่ยงหัวข้อหนัก ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องความตกต่ำของนิกายชิงซานสักคำ บนเส้นทางปากก็แทบไม่ได้หยุดเลย
ชูชินกับหลินหานพูดน้อย มีเพียงถามตอบสั้นๆ โชคดีที่จางเนี่ยนชวนกับซ่งหมิงฮุ่ยมีแนวโน้มจะเป็นโรคพูดมาก สามารถสนทนากับจางซื่อหงได้อย่างเป็นธรรมชาติ
หลังจากเดินทางไปสองวัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายยิ่งกลมกลืนมากขึ้น จางซื่อหงเล่าเรื่องสนุกๆที่ขบวนเคยพบเจอในอดีต บรรยายภูมิประเทศวัฒนธรรมและประสบการณ์ค้าขายในที่ต่างๆ
ระหว่างทาง ซ่งหมิงฮุ่ยทั้งสี่ก็ได้ชมทัศนียภาพอันแปลกตาในทะเลทราย
อาทิเช่น พายุทรายขนาดเล็ก ทรายดูด หินวงแหวนเป็นต้น
ควันเดียวดายในทะเลกว้าง ดวงตะวันลับขอบฟ้า
ทิวทัศน์ทะเลทรายในสายตาของทั้งสี่คนในตอนแรก ถือว่ามีกลิ่นอายเฉพาะตัวจริงๆ
เช่นนี้ ทุกอย่างราบรื่นไปอีกหลายวัน จนกระทั่งได้เดินทางมาถึงหนึ่งในสามของเส้นทางหูลู่ วันนี้ ที่ด้านหน้าขบวนพ่อค้าก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน
"ไม่ดีแล้ว มีอสูรพายุทราย!"
การโจมตีมาอย่างกะทันหัน สมาชิกขบวนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าสุดร้องตกใจออกมา เมื่อจำได้ว่าเป็นอสูรพายุทรายก็ใจหายวาบไม่น้อย
จากเสียงตะโกนของเขาคนหนึ่ง สมาชิกขบวนพ่อค้าที่เป็นคนธรรมดาต่างแตกตื่นทันที
ในรอบกว่าหนึ่งปีมานี้ ขบวนการค้าต้าถงได้เผชิญการโจมตีฉับพลันจากอสูรพายุทรายอีกคร้ัง
ฝูงอสูรพายุทรายมีเกือบสิบตัว รูปร่างตัวใหญ่เทียบเท่าวัวป่า รูปร่างภายนอกคล้ายกิ้งก่า เป็นสัตว์เลื้อยคลาน
ไม่มีตัวที่มีระดับสูงกว่าอย่างราชาอสูรพายุทรายปะปนอยู่ในนั้น สติปัญญาต่ำมาก พลังโดยรวมอยู่ระหว่างขั้นฝึกปราณชั้น 3-4
เมื่อเกิดการโจมตี ขบวนพ่อค้าก็วุ่นวายไปหมด ซ่งหมิงฮุ่ยสี่คนแน่นอนว่าจะไม่ยอมนั่งดูอยู่เฉยๆ
ผู้โจมตีพอดีเป็นอสูรพายุทรายที่ต้องการ ถ้าไม่ลงมือเดี๋ยวนี้จะรอเมื่อไร
"จัดการ!"
จางเนี่ยนชวนออกมือก่อน ชักกระบี่ไผ่เขียวออกมา ฟาดกระบี่ผ่านอากาศ ปล่อยแสงกระบี่สีเขียวเข้มเจิดจ้าบาดตา พุ่งเข้าหาอสูรพายุทรายที่เข้ามาประชิดที่สุด