บทที่ 34 ไป๋เจ๋อตัวเล็ก
หุบเขาฉูซานนั้นมียอดเขาหลายแห่ง แต่มีเพียงสามสิบหกแห่งเท่านั้นที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเท่านั้นที่รวมอยู่ในรายชื่อยอดเขาอย่างเป็นทางการของฉูซาน ทว่าในทะเลหมอกอันไม่มีที่สิ้นสุดของหุบเขาฉูซานนั้นยังมียอดเขาที่รกร้างอีกกว่าร้อยแห่ง
ยอดเขาเจดีย์ขุมทรัพย์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ปัจจุบันที่นี่ไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่จริงๆ นี่เคยแล้วเป็นหนึ่งในยอดเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในฉูซาน เป็นเพราะยอดเขาเจดีย์ขุมทรัพย์เคยเป็นที่ตั้งของเจดีย์มารซึ่งเป็นสิ่งวิเศษชั้นนําของโลก
เป็นเวลาห้าร้อยปีแล้วที่เจดีย์ได้หายไป ที่นี่ยังคงเป็นสวรรค์ที่มีทิวทัศน์สวยงาม เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่ม ป่าอุดมสมบูรณ์และน้ําตก
ศิษย์ของฉูซานรุ่นนี้ยังไม่เกิดเมื่อเจดีย์ยังคงอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยเห็นเจดีย์มารด้วยตาของพวกเขาเอง ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังเห็นมันผ่านภาพวาด
ภาพวาดเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงหอคอยสำริดที่ยิ่งใหญ่ตระการตาตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก ลมหนาวโหมกระหน่ำอยู่รอบๆ คลื่นมารกระหน่ำเหนือศีรษะ ถึงกระนั้นเจดีย์ก็ปราบปรามทั้งหมดนี้ได้สําเร็จ มันช่างเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ
เจดีย์ทองเหลืองขนาดใหญ่นั้นนําความรุ่งโรจน์มาสู่ฉูซานเป็นเวลาหลายพันปี อย่างไรก็ตาม ยอดเขาเจดีย์ขุมทรัพย์ในปัจจุบันเป็นสถานที่ที่มีเพียงกลิ่นหอมของดอกไม้และเสียงของสรรพสัตว์ เขาฉูซานไม่เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว
ชูเหลียงจ้องมองทิวทัศน์โดยรอบและอดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งใจเล็กน้อย
สำหรับเหตุผลที่ซูจื่อชิงเรียกเขามาที่นี่เขาก็ไม่ได้คิดมากและแน่นอนว่าด้วยความสุภาพของเขา เขาจึงต้องมาพบเธอ
ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่าจดหมายที่เธอส่งให้เขานั้นแปลก มีความเป็นไปได้สูงที่ซูจื่อชิงจะไม่ได้เขียนมัน หรือบางทีเขาอาจจะกำลังถูกแกล้งอยู่ก็เป็นได้ ในกรณีนี้ การมาที่นี่หมายความว่าเขาสามารถหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังได้จดหมายนั้นได้
ชูเหลียงมิได้มาโดยประมาท เขาเพียงแค่ไม่กังวลว่าจะมีคนมาทำร้ายเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่มีศัตรูภายในนิกายของเขา
นอกจากนี้ ที่นี่ก็คือฉูซาน ตี้หนิวเฟิ่งคืออาจารย์ของเขา แม้เธอจะไม่ได้ทำอะไรให้เขา แต่เธอทำให้เขารู้สึกปลอดภัยมาก คนทั้งหลายในฉูซานไม่เคยเห็นเขาหรือเคยได้ยินว่าเขาก่อเรื่องมาก่อน ดังนั้นด้วยภาพลักษณ์ที่สงบเสงี่ยม พวกเขาจึงเชื่อกันว่าศิษย์ของตี้หนิวเฟิ่งเป็นคนดี แล้วใครจะกล้ามายั่วยุเขาได้ เพราะมันอาจเสี่ยงทำให้ตี้หนิวเฟิ่งโกรธไปด้วย
ด้วยความคิดดังกล่าว ชูเหลียงจึงมาที่นี่โดยมิได้คิดอะไรมากมายนัก
และทันทีที่เขาลงมาถึงที่ยอดเขานี้ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากป่าด้านหน้า มันฟังดูไม่เหมือนฝีเท้ามนุษย์เอาเสียเลย มันฟังดูเป็นฝีเท้าของสัตว์ร้ายบางชนิด
"อืม.."
ชูเลี่ยงเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณนั้นอย่างระแวดระวัง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นร่างสีขาวตระหง่านโผล่ออกมาจากป่า
ร่างนี้สูงประมาณ 7 ฟุตครึ่ง ผิวขาวเงิน หัวของมันเหมือนมังกรซึ่งมีเขาเหมือนกวาง คอของมันคลุมด้วยแผงคอขาวบริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังมีหางยาวคล้ายเสือและกีบเท้าคล้ายม้า มันมีเกล็ดสีขาวทั้งตัวส่องแสงระยิบระยับสะท้อนแสงแดด
"ฮุ้ววว" สิ่งมีชีวิตร้องเสียงดัง
มันร้องคล้ายกับเสียงกวาง สัตว์ประหลาดวิ่งออกจากป่าด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
ชูเหลียงหยุดชั่วคราวเพื่อดูสิ่งมีชีวิตนี้ให้ชัดเจน
เขาพูดอย่างงงวย "ไป๋เจ๋อ"
จริงๆ สัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นลูกของไป๋เจ๋อ สัตว์พิทักษ์สวรรค์แห่งฉูซาน
เขาไม่มีเวลาที่จะตอบโต้ สายฟ้าสีเงินพุ่งตรงมาที่เขา เขาหลบมันไม่ทัน
โครม!
...
“เยี่ยม”
บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลๆ ร่างสามร่างที่มีใบไม้และเปลือกไม้เต็มตัวกำลังส่งเสียงสะใจอย่างเงียบๆ พวกเขาคือชางจื่อเหลียงและคนรับใช้ทั้งสองนั่นเอง
ชางจื่อเหลียงเมื่อเห็นไป๋เจ๋อชนเข้ากับชูเหลียงอย่างแรงเขาก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
"ฮ่าฮ่า ต่อให้ตี้หนิวเฟิ่งจะยิ่งใหญ่มาจากที่ใด เธอจะกล้ากับไป๋เจ๋อได้หรือ" เขากล่าว
"นายท่าน โปรดระวัง" คนรับใช้กระซิบ "ถ้าไป๋เจ๋อหาร่องรอยของพวกเราเจอ มันจะอันตรายมาก"
"ข้ารู้ๆ " ชางจื่อเหลียงตอบอย่างโกรธเคือง
นิกายเซียนอมตะทุกนิกายมีสัตว์พิทักษ์สวรรค์อยู่ พวกมันมีความจงรักภักดี ทรงพลังและมีอายุยืนยาว เมื่อพวกมันบรรลุข้อตกลงกับนิกายหนึ่ง พวกมันมักจะปกป้องอยู่ที่นั่นเป็นพันปี
สัตว์พิทักษ์สวรรค์แห่งฉูซานคือ ไปเจ๋อ แน่นอนว่าตอนนี้มันไม่ใช่ไป๋เจ๋อตัวก่อนหน้านี้แล้ว ไป๋เจ๋อตัวนั้นเข้าใจภาษามนุษย์ เข้าใจความสมดุลของหยินและหยาง สามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณและมีพลังแห่งสวรรค์
ไป๋เจ๋อแห่งยอดเขาเจดีย์ขุมทรัพย์ในสมัยโบราณเคยรับผิดชอบเฝ้าเจดีย์มาร แต่เมื่อเจดีย์มารหายไป ไปเจ๋อตัวนั้นก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และตั้งแต่นั้นมา มันก็อยู่สันโดษมานานหลายร้อยปีโดยไม่เคยปรากฏออกมา
สิ่งที่พวกเขาเห็นตอนนี้คือลูกหลานของไป๋เจ๋อ มันอายุเกือบหกร้อยปี
ที่เรียกมันว่าลูกนั้นถูกต้องแล้ว สําหรับสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุยืนยาวเป็นพิเศษเช่นนี้ หนึ่งร้อยปีอาจเทียบเท่ากับหนึ่งปีของมนุษย์ ดังนั้น ไป๋เจ๋อตัวนี้ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง
ยอดเขาผู้พิทักษ์เป็นยอดเขาที่ชูซานสร้างขึ้นเฉพาะสำหรับสัตว์พิทักษ์สวรรค์ เหล่าศิษย์ถูกห้ามเยี่ยมชมและรบกวนสัตว์พิทักษ์สวรรค์ โดยทั่วไปแล้วสัตว์พิทักษ์สวรรค์เองก็จะไม่ออกจากยอดเขานั้น
อย่างไรก็ตาม
ไม่กี่วันก่อน ชางจื่อเหลียงและคนรับใช้สองคนของเขาเบื่อและมาเดินเที่ยวที่ยอดเขาเจดีย์ขุมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม วินาทีที่พวกเขามาถึง พวกเขาต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากลูกไป๋เจ๋อ
แม้ว่าพวกเขาจะกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน สิ่งมีชีวิตที่ฉูซานหวงแหนและปกป้องตัวนี้... พวกเขาไม่สามารถทำได้เลย นั่นเพราะไป๋เจ๋อทุกคนเกิดมาพร้อมกับพลังที่เกือบจะเทียบเท่ากับระดับการบ่มเพาะที่ห้า
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็ได้กลายเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดของทั้งสาม..
ลูกไป๋เจ๋อได้เหยียบย่ำทั้ง 3 คนอย่างแรง โดนขวิดจนกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง
หลังจากกลับมาถึงยอดเขาเมฆาขอบฟ้า สิ่งที่พวกเขาทําไปถึงห้าวันคือนอนคว่ำอย่างหมดสภาพเพียงเท่านั้น
ต่อมาชางจื่อเหลียงถามพ่อของเขาและรู้ว่าลูกไป๋เจ๋อได้ไปอยู่ที่ยอดเขาเจดีย์ขุมทรัพย์มาไม่กี่เดือนนี้และวิ่งเล่นไปมาอยู่ที่นั่น
ชางจื่อเหลียงได้แต่ยอมรับความโชคร้ายของตัวเองเท่านั้น และตอนนี้พวกเขาจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นคนอื่นผ่านเหตุการณ์ร้าย ที่พวกเขาเคยประสบมา
อย่างไรก็ตาม การแสดงออกที่มีความสุขของทั้งสามคนอยู่เพียงชั่วครู่และค่อยๆ แข็งทื่อ และ... กลายเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่เชื่อ พวกเขาดูเหมือนจะเห็นภาพที่คาดเดาไม่ได้เสียแล้ว
ชางจื่อเหลียงพึมพํา "เกิดสิ่งใดขึ้น.."
ลูกสมุนกล่าวอย่างตกตะลึง “ข้าก็ไม่เข้าใจขอรับ”
ลูกสมุนอีกคนไม่ได้พูดอะไรสักคําและจ้องมองอย่างสับสน
โดยทั้ง 3 คนมีสีหน้างุนงงอย่างมากในตอนนี้
...
"ไป๋เจ๋อ..."
พอไป๋เจ๋อกระโจนเข้ามา ชูเหลียงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบสัตว์สวรรค์ชนิดนี้ แต่ศิษย์ทุกคนของนิกายฉูซานได้รับการสอนมาตั้งแต่เด็ก และสัตว์สวรรค์ไปเจ๋อเป็นเพื่อนที่มีค่าที่สุดของนิกายนี้ เขาทั้งหลายจะไม่ทำร้ายมัน
ดังนั้นแม้ว่าเด็กคนนี้จะทําร้ายชูเหลียง เขาก็ทำได้เพียงอดทน นอกจากนี้ มันยังมีความเร็วและพลังที่เหนือกว่าเขามาก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่มีทางตอบโต้ได้เลย..
ชูเหลียงล้มลงกับพื้น เขาถึงกับหลับตาเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับประสบการณ์อันเจ็บปวดที่กําลังจะมาถึง
อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรร้อนๆ เหนียวๆ บนใบหน้า
เมื่อชูเหลียงลืมตาอีกครั้งก็เห็นลิ้นยาวสีชมพู
ไปเจ๋อที่ยิ่งใหญ่.. กำลังเลียหน้าข้างั้นหรือ
นอกจากนี้เมื่อมองอย่างใกล้ชิดเขาสามารถเห็นได้ว่าดวงตาของเจ้าตัวนี้มีความรู้สึกตื่นเต้นที่อธิบายไม่ได้ เด็กคนนี้เหมือนรู้จักเขา
"อะไรกัน"
ชูเหลียงไม่เข้าใจเลย
มันเป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เคยเจอมันมาก่อน มันสนิทกับข้าถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
ชูเหลียงไตร่ตรองและคิดถึงความเป็นไปได้ที่เป็นไปได้มากที่สุด
อาจเป็นเพราะ.. ข้าหล่อ
"โอ้ โอ้" เจ้าตัวเล็กร้องอย่างร่าเริง
มันดูเหมือนพยายามจะคุยกับข้าหรือ
อย่างไรก็ตาม ชูเหลียงไม่เข้าใจภาษาของสัตว์ จึงเป็นเรื่องยากสําหรับเขาที่จะเข้าใจเจตนาของเด็กคนนี้ ปฏิกิริยาเดียวที่เขาทําได้คือเอามือลูบคอมัน
"โอ้ โอ้"
ไป๋เจ๋อวิ่งรอบชูเหลียงสองรอบอย่างมีความสุข แล้วมันก็เข้ามาใกล้เขา และก้มหัวกับลำตัวท่อนบนลง
"หืม" ชูเลี่ยงขมวดคิ้ว
มันอาจจะต้องการให้ข้า ขี่หลังของมัน
แต่สัตว์สวรรค์ไม่ค่อยอนุญาตให้มนุษย์ขี่พวกมันมิใช่หรือ ถ้าสัตว์สวรรค์ยอมให้มนุษย์ทำสิ่งนี้ นั่นหมายความว่าสัตว์บนสวรรค์ยอมรับเขา
เมื่อเผชิญกับโอกาสที่หายากและความกระตือรือร้นของเด็กคนนี้ ชูเหลียงจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาจึงลุกขึ้นและเข้าใกล้มันอย่างช้าๆ
เนื่องจากเกรงว่าเขาอาจเข้าใจเจตนาของมันผิด เขาจึงเคลื่อนไหวช้าและระมัดระวัง
โชคดีที่เขาดูเหมือนจะเข้าใจเจตนาของเจ้าตัวนี้ได้อย่างถูกต้อง
ในที่สุดชูเหลียงก็ปีนขึ้นไปบนหลังของเจ้าตัวเล็ก เมื่อเขานั่งลง...
"โอ้ โอ้" มันตะโกนอย่างมีความสุขอีกครั้ง
มันลุกขึ้นลุกขึ้นและวิ่งทันที!
ชั่วพริบตาเดียวลูกสัตว์สวรรค์ตัวนี้ก็วิ่งอย่างรวดเร็วเหมือนฟ้าผ่า มันเร็วกว่ากระบี่บินของชูเหลียงหลายเท่า ในชั่วพริบตา พวกเขาก็ได้หายเข้าไปในป่าทึบ
ต้นไม้โดยรอบดูเหมือนจะวิ่งผ่านพวกเขาไปในทิศทางตรงกันข้าม ทิวทัศน์ที่ผ่านไปมีเพียงภาพเบลอในสายตาของชูเหลียง
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขากำลังพุ่งอยู่ในอากาศและน้ำตกสีเงินก็ปรากฏต่อหน้าเขา นี่คือน้ำตกขนาดใหญ่ที่ยอดเขาเจดีย์ขุมทรัพย์
หลังจากเจดีย์มารหายไป มันทิ้งไว้เพียงปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ไว้ที่เดิมของมัน และกลายเป็นทะเลสาบในภายหลัง
น้ำตกที่ชูเหลียงมองนั้น เทลงมาตรงกลางทะเลสาบขนาดใหญ่ เสียงของมันดังกึกก้องเหมือนฟ้าร้อง
ตอนนี้ทะเลสาบนี้อยู่ในสายตาของชูเหลียงแล้ว แต่ลูกสัตว์ตัวนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง ตรงกันข้าม จู่ๆ มันก็พุ่งตรงไปยังน้ำตกด้านหน้า
"เฮ้ๆๆ " ชูเหลียงอดไม่ได้ที่จะร้อง
ซูมม!
เมื่อเสียงน้ำตกท่วมหูชูเหลียง เจ้าตัวเล็กก็พุ่งทะลุไปที่หลังน้ำตก สิ่งที่เขาเห็นนอกม่านน้ำไม่ใช่ภูเขา แต่เป็นโพรง
ปรากฏว่ามีอีกโลกหนึ่งซ่อนอยู่ที่นี่!
นี่คือถ้ำน้ำตกหรือ
พวกเขาเดินทางผ่านป่าทึบและเข้าไปในม่านน้ำ แต่การเดินทางยังไม่จบ... ดูเหมือนเด็กคนนี้จะพยายามพาชูเหลียงเข้าไปสุดถ้ำ
ถ้ําที่มืดมิดตรงหน้าเหมือนเหวลึก อย่างไรก็ตาม ลูกสัตว์ตัวนี้ยังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มันแบกชูเหลียงวิ่งไปข้างหน้าต่อไป
เส้นทางนั้นยาวไกลกว่าที่เขาคิดอย่างมาก
และในที่สุดชูเหลียงก็เห็นปลายถ้ำน้ำตกแห่งนี้ มันเป็นถ้ำ ข้างในนั้น..
ผู้หญิง…