ตอนที่แล้วบทที่ 27 เถ้าแก่ซูแห่งศาลาหลิงอวิ๋น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 ฉีถิงแห่งตระกูลฉี

บทที่ 28 หมัดเดียวก็พอ!


หลินเซียวยืนอ้าปากค้างราวกับว่าเขาถูกตบหน้าอยู่กลางจัตุรัส เขาสูดหายใจลึกๆ เพื่อระงับสติอารมณ์ จากนั้นเหลือบมองโอสถผลึกทับทิมด้วยแววตาโลภ แล้วกล่าวกับหลัวเฉิง

“เช่นนั้นก็ดี! ข้ายอมรับเดิมพันของเจ้า หากเจ้าสามารถรับหมัดทั้งสามของข้าได้โดยไม่ล้มลง หนี้ของหลัวฉีถือว่าจบกัน! แต่หากเจ้าไม่สามารถรับมันได้ โอสถสองเม็ดนี้จะเป็นของข้า!”

ตราบใดที่เขาได้โอสถระดับสามดาวสองเม็ดนี้ เขาก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับ แปดได้อย่างรวดเร็ว!

เมื่อได้รู้เช่นนี้ ไหนเลยเขาจะยอมปล่อยให้โอสถดีๆ ที่มาส่งถึงหน้าประตูบ้านหลุดไปได้แล้ว!

“คุณชายหลัวเฉิง!” พ่อบ้านฉินรีบกล่าวขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

ครั้นเขาเห็นว่าหลัวเฉิงกำลังจะตกลง พ่อบ้านฉินจึงกล่าวว่า “ข้าคิดว่า เราควรพิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนก่อนดีหรือไม่…”

ด้วยมูลค่าของโอสถระดับสามดาวสองเม็ด มันมากพอที่จะใช้หนี้พนันของหลัวฉีได้อย่างง่ายดาย

แม้นหลัวเฉิงจะมีความก้าวหน้าของระดับพลังยุทธ์ที่รวดเร็ว แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าหลัวเฉิงจะสามารถรับหมัดทั้งสามของหลินเซียวได้ เมื่อเรื่องทั้งหมดนี้สามารถคลี่คลายได้โดยง่าย แล้วไยต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงด้วยเล่า

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลินเซียวก็กังวลว่าหลัวเฉิงจะเปลี่ยนใจ ดังนั้นเขาจึงรีบเดินไปยังพื้นที่โล่งแล้วกล่าวยั่วยุทันที “ทำไมหลัวเฉิง เจ้าเดิมพันแล้วเกิดกลัวขึ้นมากระนั้นหรือ”

“ฮ่าฮ่า เจ้าไม่จำเป็นต้องยั่วยุข้า ข้าจะไม่มีทางปฏิเสธในสิ่งที่ข้าเป็นคนริเริ่มอยู่แล้ว” หลัวเฉิงหัวร่อแล้ว เพราะรู้ดีว่าหลินเซียวกำลังคิดอะไรอยู่

หลังกล่าวจบ หลัวเฉิงเดินตรงไปยังพื้นที่เปิดโล่งทันที ก่อนยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหลินเซียว

ฉากที่ผู้คนโดยรอบเห็นนี้ ทำให้พวกเขาอดมิได้ที่จะพร่ำบ่น

วาจาส่วนใหญ่ล้วนกล่าวว่า “ไฉนหลัวเฉิงจึงกล้ายอมรับการเดิมพันนี้ ทั้งที่รู้ว่าตนเองนั้นจะต้องแพ้อยู่แล้ว ต้องเป็นคนไร้หัวคิดขนาดไหนกัน”

บ้างก็มีความคิดที่อิจฉาริษยายิ่ง ว่าเหตุใดคนที่เดิมพันกับหลัวเฉิงในครานี้กลับมิใช่เขา

“หลินเซียว สั่งสอนให้เขาได้รู้สำนึกเสียบ้าง!” ฉีตงตะโกนดังลั่น

คนที่มีท่าทางตื่นเต้นมากสุดในตอนนี้คือเขา ดูเหมือนเขาต้องการจะเห็นฉากที่หลัวเฉิงถูกหลินเซียวทุบตีราวกับสุนัขข้างทาง

หลินเซียวมองไปยังหลัวเฉิงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มมาดมั่น “หลัวเฉิง หากเจ้าจะรู้สึกเสียใจในตอนนี้ จงรับรู้ไว้ว่ามันสายเกินไปแล้ว!”

หลัวเฉิงเหลือบมองเขาแล้วกล่าวอย่างใจเย็น “ไยข้าต้องเสียใจด้วยเล่า”

น้ำเสียงราบเรียบที่หลัวเฉิงเปล่งออกมา พานให้หลินเซียวรู้สึกไม่พอใจ แล้วกล่าวเยาะเย้ย

“ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ไฉนเจ้าซึ่งเป็นคนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา กลับมีความมั่นใจได้มากถึงเพียงนี้ เจ้าคิดว่าตัวเองจะสามารถรับหมัดของข้าได้จริงน่ะหรือ”

สีหน้าของหลัวเฉิงยังคงมิเปลี่ยนแปลง จากนั้นเขาตั้งท่าต่อสู้แล้วกล่าวว่า “เจ้าจะรู้ได้อย่างไรหากไม่ลงมือ!”

“ฮึ่ม! กับคนเช่นเจ้าข้าไม่จำเป็นต้องใช้ถึงสามหมัดหรอก แค่หมัดเดียวก็เกินพอ!” ครั้นกล่าวจบเขาก็โผเข้าหาหลัวเฉิงทันที

“รับมือ!” เขาแผดตะโกนลั่นและชกเข้าที่หน้าหลัวเฉิงโดยตรง

ความโกรธที่มีใจ หลินเซียวอัดแน่นมันไว้ในหมัดนี้ เขาทุ่มพลังกายทั้งหมด หมายโค่นให้ล้มในหมัดเดียว

หลินเซียวเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นหลอมกายาระดับเจ็ด ต่อให้หมัดนี้จะเป็นเพียงหมัดธรรมดา แต่มันก็มีน้ำหนักมากกว่าหกร้อยจิน

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนก็ต่างบีบมือกลั้นหายใจ โดยคิดว่าหมัดนี้ของหลินเซียว ต้องทำให้หลัวเชิงผิวหนังฉีกขาดเป็นแน่

อย่างไรก็ตาม ภาพที่ทุกคนจินตนาการไว้มันก็ไม่เกิดขึ้น

ปัง!

หลัวเฉิงใช้เพียงฝ่ามือก็สกัดหมัดของหลินเซียวได้โดยตรง ร่างกายของหลัวเฉิงหนักราวกับขุนเขา เพราะมันไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย!

“รับได้งั้นหรือ!”

“ข้าตกใจไปเองคนเดียวงั้นหรือ”

ดวงตาของแต่ละคนที่ประสบพบฉากนี้ ต่างเลี้ยวซ้ายแลขวามองหน้าซึ่งกันและกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้านี้

หลัวเฉิงสามารถรับหมัดของหลินเซียวง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร!

ทั้งเขายังไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ!

“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้!” หลินเซียวอุทานด้วยความตกตะลึง

เขาไม่สามารถยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ได้ ทำเอาดวงตาของเขาถึงกับเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจยิ่ง

“หนึ่งกระบวนท่า” หลัวเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เขาเอื้อมมือไปปัดใช้อาภรณ์ของตนที่เปื้อนฝุ่นด้วยท่าทางใจเย็น จากนั้นมองไปทางหลินเซียว

“มาลองอีกครั้ง และไม่จำเป็นต้องออมมือ!”

ความล้มเหลวที่จะเอาชนะหลัวเฉิงด้วยกระบวนท่าเดียว ทำให้หลินเซียวรู้สึกอับอายจนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ไม่ช้าเขาก็แผดเสียงคำรามลั่น

พัฟ!

วิหคยักษ์ตัวหนึ่งซึ่งมีปีกยาวกว่าหกฉื่อ ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหลินเซียวทันที มันคือวิญญาณยุทธ์ของเขา อินทรียักษ์ระดับสี่ดาว!

การเรียกวิญญาณยุทธ์ออกมาเช่นนี้ นั่นเท่ากับว่า หลินเซียวถูกบีบให้จนมุมจึงต้องทุ่มพลังสุดตัว เขาปรี่เข้าหาหลัวเฉิงและปล่อยหมัดพุ่งออกไปทันที

“ตายซะ! สะบั้นศิลา!!” หลินเซียวคำรามเสียงต่ำ

เขาใช้ทั้งวิญญาณยุทธ์และวรยุทธหมัดที่แข็งแกร่งสุดของเขา อาจเรียกได้ว่าการโจมตีในครั้งนี้คือทุกสิ่งที่เขามีก็มิผิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด