บทที่ 222 เจ้าจงใจใส่ร้ายข้า!
ในฐานะผู้อาวุโสประจำสมาคมการค้าเฟิงยวิน พวกเขาจะไม่ทราบถึงความล้ำค่าของโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับนิรันดร์ได้อย่างไร
จึงมิแปลก ที่หลังได้ประจักษ์เห็นของอันล้ำค่ามากกว่า พวกเขาทุกคนจะตื่นตะลึงจนแสดงออกมาชัดเจนเช่นนี้
เมื่อขวดหยกนี้บรรจุโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์ แล้วขวดหยกที่เหลืออีกสิบเก้าขวดเล่า
สงสัยดังนั้น เหวินเฟยจึงเปิดขวดหยกที่สองอย่างตื่นเต้น ซึ่งเมื่อจุกขวดหยกที่สองถูกเปิดออก แสงสุกใสแบบเดียวกันก็เบ่งบาน และเงาของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ก็ปรากฏขึ้น
จากนั้น ขวดหยกที่สาม สี่ และห้าก็ถูกเปิดพิสูจน์โดยเหวินเฟยอย่างยากลำบาก ด้วยมือไม้รวมถึงหัวใจที่ยังสั่นเทาไม่หยุดและไม่มีทีท่าจะคลายลงนอกจากเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ
เช่นเดียวกับเหวินจิงเทาและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในโถงหลัก ที่อัตราความเร็วของจังหวะการเต้นหัวใจสั่นสะท้านมากกว่าปกติ ดังจนคนยังโถงได้ยินกันทั่ว ไม่รู้ว่าเป็นของผู้ใดบ้าง
เมื่อขวดหยกทั้งยี่สิบถูกเปิดจนครบ เหวินเฟยผู้นำสมาคมการค้าเฟิงยวินก็แทบยืนทรงตัวไม่ไหว รู้สึกไม่ค่อยมั่นคงเล็กน้อย แม้แต่ผู้อาวุโสอย่างเหวินจิงเทารวมถึงคนอื่นๆ ก็สูญเสียอาการเดียวกัน
โดยเฉพาะเหวินจิงเทา หัวใจเขาร้อนวูบวาบ แววตาละโมบโลภมากก็ฉายแววขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์ยี่สิบเม็ด!
เป็นเรื่องปกติ ที่ไม่ว่าผู้ใดจะถูกครอบงำจนเกิดความละโมบครั้นได้พบโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์ทั้งยี่สิบนี้
“แล้วสมาคมการค้าของเจ้า สามารถซื้อโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์ทั้งยี่สิบเม็ดนี้ได้หรือไม่” หยางเสี่ยวเทียนเอ่ยถาม
ทำเหวินเฟยกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เขาสูดหายใจเข้าลึกสงบอารมณ์พร้อมเอ่ยขึ้นทันที “สมาคมการค้าของเราจ่ายได้ขอรับ แล้วไม่ทราบว่าใต้เท้าหลง ต้องการขายตรงหรือมอบหมายให้สมาคมการค้าของเราประมูลหรือขอรับ”
“ขายตรงเท่าไหร่” หยางเสี่ยวเทียนถามเข้าประเด็น โดยไม่รั้งรอฟังเรื่องไร้สาระอื่นๆ
“สองแสนเหรียญทองต่อหนึ่งเม็ด ใต้เท้าหลงเห็นเป็นเช่นไรขอรับ” เหวินเฟยถามหยางเสี่ยวเทียนด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลใจ
“ตกลง” หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้า
แม้โอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์จะปรากฏพบยากกว่าโอสถทั่วไป แต่ทุกสิ่งล้วนเป็นราคาที่สร้างผลกำไร ไม่เช่นนั้น ก็ประเมินค่าและทำการตลาดไม่ได้
“อย่างไรก็ตาม” หยางเสี่ยวเทียนเปลี่ยนน้ำเสียง พร้อมชี้มือไปยังเหวินจิงอวี๋ “นางจำเป็นต้องดำเนินกิจการนี้ และเมื่อสมาคมการค้าเจ้าเปิดประมูลโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์ทั้งยี่สิบเม็ด นางต้องมีส่วนในการประมูลโอสถเหล่านั้นด้วย”
เพราะหากเหวินจิงอวี๋เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดประมูลมัน ความน่าเชื่อถือแลไว้วางใจจะตกเป็นของนาง
เหวินเฟย เหวินจิงเทา และผู้อาวุโสคนอื่นๆ ล้วนประหลาดใจแต่เป็นความรู้สึกที่ต่างกันออกไป
“ตกลง” เหวินเฟยยิ้มด้วยยินดี
ใบหน้างดงามของเหวินจิงอวี๋เปี่ยมด้วยความสุข นางก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับให้กับหยางเสี่ยวเทียนอย่างสุดซึ้ง “เป็นพระท่านมากเจ้าค่ะ ใต้เท้าหลง”
ต่อจากนั้น สมาคมการค้าเฟิงยวินได้นำทองคำจำนวนสี่ล้านเหรียญให้แก่หยางเสี่ยวเทียน
หลังเก็บมันใส่ในแหวนเตาหลอม หยางเสี่ยวเทียนก็เอ่ยขึ้นอีก “ที่ข้ามาเยือนสมาคมเจ้าคราวนี้ เพราะข้ายังมีเรื่องอีกอย่างที่ต้องทำ”
จากนั้นหยางเสี่ยวเทียนก็หยิบสาส์นออกมาหกฉบับ มอบให้เหวินเฟยกับมือ ก่อนเขาจะเปิดอ่านด้วยความสับสนพร้อมสีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมืดลงอย่างฉุนเฉียว
เหวินเฟยชี้นิ้วไปยังเหวินจิงเทาด้วยความโกรธ ทำเขาและผู้อาวุโสคนอื่นๆ พลันตกตะลึง “เหวินจิงเทา เจ้ากล้าสมคบคิดกับพรรคดาบโลหิต ปล้นสินค้าจากสมาคมเรางั้นรึ!”
เหวินจิงเทาสะดุ้งตกใจ พร้อมเปิดปากแย้งทันที “ท่านผู้นำ ไม่ใช่ข้า”
“สาส์นทั้งหกฉบับนี้ เจ้าเขียนส่งถึงผู้นำพรรคดาบโลหิต ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขบวนขนส่งสินค้าเรา นี่คือลายมือของเจ้า!” เหวินเฟยคำรามอย่างเคร่งขรึม
“ไม่ใช่ข้า สาส์นต้องถูกทำขึ้นแน่!” เหวินจิงเทายังคงโต้เถียงปกป้องตนเอง ก่อนชี้มือหาหยางเสี่ยวเทียนด้วยบันดาลโทสะ “เป็นเจ้า เจ้าจงใจใส่ร้ายข้า!”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เขาก็เคลื่อนไหวหมายชกหยางเสี่ยวเทียนด้วยความโกรธแค้น ระหว่างหมัดใกล้ถึงตัวบุคคลในชุดคลุมดำ เขาก็ถูกฝ่ามือจากเหวินเฟยเข้าขัดขวางจนร่างเซถลากลับไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เหวินจิงเทาเจ้าคนทรยศ ร่วมมือกับพรรคดาบโลหิต ปล้นสินค้าจากสมาคมเราไม่พอ เจ้ากล้าลงมือกับใต้เท้าหลงงั้นรึ!” เหวินเฟยคำรามลั่นด้วยความโกรธ
“มีผู้ใดอยู่ข้างนอกบ้าง เข้ามาจับเหวินจิงเทาไว้เดี๋ยวนี้!”
ครั้นเหวินจิงเทาเห็นสถานการณ์เริ่มไม่เข้าท่า เขาจึงชกผนึกหมัดบังคับให้ทุกคนต้องถอยกลับในหมัดเดียว แล้วหนีออกนอกโถงหลักด้วยความตื่นตระหนก ก่อนคนทุกฝ่ายจากสมาคมการค้าเฟิงยวินจะไล่ตามเขาไป
เหวินจิงเทาหาทางออกจากสมาคมการค้าเฟิงยวินสาขาหลักอย่างสิ้นหวัง ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แม้ต้องสู้กับคนจำนวนไม่น้อยเพื่อฝ่าออกมาจนบาดเจ็บ แต่สุดท้าย เขาก็หลบหนีออกมาได้ ซึ่งคนของสมาคมก็สูญเสียไปมากเช่นกัน
ตกกลางคืน
เหวินจิงเทาซ่อนตัวอยู่ยังกระท่อมร้างหลังหนึ่งในเมืองเสินเจี้ยนเงียบๆ ผู้เดียวด้วยความหวาดวิตก เพราะกลัวจะมีใครพบเจอที่หลบภัย
ซึ่งในระหว่างที่เขายังเป็งกังวลจวนแทบสติหลุดอยู่นั้น ร่างคนผู้หนึ่งก็พลันผลีผลามเดินเข้ามา
“ผู้ใดกัน!” เหวินจิงเทาแผดเสียงต่ำพร้อมเคลื่อนไหว
“ใต้เท้า ข้าเอง” เหวินซิ่วหลานกล่าวขณะปรากฏตัว
เหวินจิงเทารู้สึกโล่งใจ พร้อมลดกำปั้นลงทันที
เหวินซิ่วหลานหยิบแหวนอวกาศออกมา มอบให้เหวินจิงเทากก่อนเอ่ยขึ้น “ใต้เท้า นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการ ทุกอย่างอยู่ข้างในครบแล้ว”
เหวินจิงเทาเปิดแหวนอวกาศตรวจดูของภายในแล้วพยักหน้า
“ใต้เท้า ท่านจะหนีออกจากอาณาจักรเสินไห่จริงหรือเจ้าค่ะ”
เหวินจิงเทาถอนหายใจ แล้วพูดด้วยความเกลียดชัง “เหวินจิงอวี๋นังสารเลว สักวันหนึ่ง ข้าจะทำลายนางให้สิ้นซาก”
“ส่วนใต้เท้าหลงนั้น ข้าจะเสาะหาให้แน่ชัดว่ามันคือผู้ใด แล้วสังหารมันด้วยมือข้าเอง!” เหวินจิงเทาขบกรามแน่น แววตาเปี่ยมด้วยจิตสังหาร
“สังหารข้า ด้วยมือของเจ้าเองงั้นหรือ” จู่ๆ สุ้มเสียงเย็นเยียบกลับดังสอดเสียดความสงบขึ้น โดยไม่ปรากฏร่างของบุคคลที่สามแต่อย่างใด