ตอนที่แล้วบทที่ 220 เหวินจิงอวี๋ถูกกล่าวหา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 222 เจ้าจงใจใส่ร้ายข้า!

บทที่ 221 นางสั่งให้ผู้ใต้บัญชาเขียนมัน


เหวินจิงเทาหัวเราะเยาะ “เหวินจิงอวี๋ เจ้ายังกล้ากล่าววาจาเหลวไหลอีกงั้นหรือ”

แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ เหวินเฟยก็เอ่ยแทรกขึ้น ทำเหวินจิงเทาต้องหันกลับมาสนใจ ว่าเขาจะกล่าวสิ่งใด

“นี่ไม่ใช่ลายมือเหวินจิงอวี๋จริงๆ”

เหวินจิงเทาประหลาดใจ หมายโต้แย้งก่อนเหวินเฟยจะชี้มือไปยังสาส์นที่อ้างว่าเป็นของเหวินจิงอวี๋ “สาส์นฉบับนี้ เขียนโดยผู้อื่นที่พยายามเลียนแบบลายมือของจิงอวี๋ ข้าได้ศึกษาลายมือจิงอวี๋ดูแล้ว”

“มีหลายจุดที่สามารถพิสูจน์ได้ เช่น คำว่า”สายลม“ที่จิงอวี๋เขียนนั้นนุ่มนวลกว่ามาก แต่คำว่า”สายลม“ในสาส์นฉบับนี้กลับไม่มีความรู้สึกนุ่มนวลเลย”

“สาส์นนี้ ถูกเขียนโดยชายผู้หนึ่ง”

คำพูดของเหวินเฟย ทำเหวินจิงเทาและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ถึงกับตื่นตกใจ เพียงดูลักษณะจากตัวอักษรเขาก็สามารถเห็นข้อแตกต่างของมันได้ด้วยหรือ

ไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าเหวินเฟยจะนำบันทึกการขายของนางมาเทียบกับสาส์น เพื่อตรวจตราดูลักษะตัวอักษรอันวิจิตรงดงามโดยเฉพาะของเหวินจิงอวี๋อย่างละเอียดรอบคอบ

แล้วทำไม เขาถึงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่ต้องพินิจพิจารณาดูลายมือของเด็กผู้หญิง เพื่อช่วยนางให้พ้นข้อกล่าวหา

“แม้นไม่ได้เขียนโดยเหวินจิงอวี๋ แต่นางก็อาจสั่งผู้ใดสักคนที่อยู่ใต้บัญชานาง เขียนเรื่องนี้ก็เป็นได้” เหวินจิงเทายังคงหาข้อโต้แย้ง

เหวินเฟยส่ายศีรษะและกล่าวว่า “สาส์นฉบับนี้ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจิงอวี๋เป็นผู้เขียน และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านางสั่งผู้ใดเขียนมัน”

เพราะอันที่จริงแล้ว เหวินเฟยยังทราบและมองเห็นบางอย่างจากเหวินจิงเทา ว่ากำลังคิดหาทางทำเรื่องใด เพียงตอนนี้ เขายังไม่สามารถหาหลักฐานหรือข้อพิสูจน์มัดตัวจิงเทาได้ชัดเจนนัก

อีกทั้งเหวินจิงเทา ยังมีผู้อาวุโสหลายคนคอยให้การสนับสนุนแลเชื่อมั่นว่าเป็นคนดี จึงทำให้ทุกวันนี้ เขากลายเป็นพวกทะนงตนจนไม่อยากเห็นผู้อื่นได้รับความดีความชอบไปมากกว่าตน

ขณะเหวินเฟยส่ายศีรษะด้วยเอือมระอา สายตาก็พลันเหม่อมองผ่านไปยังมุมมืดหนึ่งภายในโถง ระหว่างละสายตาจากมันเพียงชั่วแล่น เขาก็เหลือบเพ่งดูมันอย่างถนัดตาอีกครั้ง

ปรากฏสิ่งที่เขาเห็น คือเงาดำตะคุ่มของบุคคลผู้หนึ่ง ยืนนิ่งอยู่ยังมุมมืดเบื้องหน้าระดับสายตาเขาพอดิบพอดี

“นั่นผู้ใด!” เหวินจิงเทาตะโกน ครั้นประสบท่าทีแปลกไปของเหวินเฟยแล้วหันมองตาม จนสังเกตเห็นร่างคนยังมุมมืดนั้น ซึ่งเหล่าผู้อาวุโสทุกคนก็พานตกตะลึงไปตามๆ กัน

เวลานี้ ร่างของบุคคลในเงามืดก็ย่างกรายปรากฏตัวออกมารับแสงสว่าง แต่มันกลับทำให้เหวินเฟย เหวินจิงเทาพร้อมบรรดาผู้อาวุโสคนอื่นๆ สะดุ้งตกใจ

เมื่อพบว่าความมืดมนยังมุมของโถงนั้น เกิดจากกลิ่นไอที่แผ่ออกมาปกคลุมรอบกายเขาเสียส่วนใหญ่

ครั้นเหวินจิงอวี๋เห็นหยางเสี่ยวเทียนผู้ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากหัวมังกร ใบหน้าอันงดงามของนางก็พลันประหลาดใจ

“ใต้เท้าหลง!”

เหวินเฟยและผู้อาวุโสอื่นๆ ต่างตื่นตะลึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินว่าบุคคลนี้คือใต้เท้าหลง นักปรุงโอสถลึกลับผู้ยิ่งใหญ่

ใต้เท้าหลงตอนนี้ เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งแลโชคลาภประจำสมาคมการค้าเฟิงยวิน ที่ไม่ว่าผู้ใดในสมาคมก็ต่างกราบไหว้บูชาด้วยความนับถือ

“ข้าเหวินเฟย ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสมาคมการค้าเฟิงยวิน ข้ามิทราบจริงๆ ว่าท่านคือใต้เท้าหลง” เหวินเฟยยกกำปั้นพร้อมโค้งคำนับ

“เมื่อครู่ข้ากระทำล่วงเกินท่านแล้ว โปรดอภัยให้ข้าด้วย” เขากล่าว คำนับนิ่งในท่านั้นด้วยรู้สึกผิด

หยางเสี่ยวเทียนช้อนรับมือเขาแล้วกล่าวขึ้น “ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากหรอก ข้ามาเยือนที่นี่เพราะมีโอสถต้องการขายให้แก่สมาคมการค้าเฟิงยวินของเจ้า แต่ข้าไม่ทราบว่าสมาคมเจ้า จะรับมันได้หรือไม่”

เมื่อเหวินเฟย ผู้นำสมาคมการค้าเฟิงยวินได้ยินสิ่งนี้ ก็รู้สึกตื่นเต้นจนน้ำเสียงเริ่มสั่นเล็กน้อย “ขะ ข้าสงสัยว่าใต้เท้าหลง ต้องการขายโอสถชนิดใดหรือขอรับ”

ครั้งล่าสุดที่หยางเสี่ยวเทียนขายโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับนิรันดร์สิบขวดหยกให้แก่สมาคมการค้าเฟิงยวิน มันได้สร้างชื่อเสียงแลผลกำไรมหาศาล กระทั่งพวกเขาแทบกลายเป็นสมาคมมหาอำนาจในวันเดียว

ทำให้เหวินเฟยคาดการณ์ในสิ่งที่หยางเสี่ยวเทียนกล่าวเมื่อครู่ ว่าครานี้เขาอาจนำโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับนิรันดร์ยี่สิบเม็ด มาขายให้แก่สมาคมการค้าเฟิงยวินอีกเป็นได้

ซึ่งความรู้สึกสำราญใจนี้ ไม่เพียงเหวินเฟยเท่านั้นที่รู้สึก แต่บรรดาผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ต่างตื่นเต้นยินดีเช่นกัน

รวมถึงเหวินจิงเทาด้วย

ไม่รอช้า หยางเสี่ยวเทียนก็หยิบขวดหยกออกมายี่สิบขวดหยก พร้อมวางมันลงบนโต๊ะอย่างใจเย็นจนครบ

หัวใจเหวินเฟยสั่นไหวจนไม่เป็นจังหวะ ครั้นมองดูขวดหยกที่หยางเสี่ยวเทียนหยิบออกมาทีละขวดจนครบยี่สิบตรงหน้าเขา

ตอนนี้ เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ ว่าใต้เท้าหลง กำลังจะขายโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับนิรันดร์ยี่สิบเม็ด ให้แก่สมาคมการค้าของพวกเขา

เหวินเฟยยื่นมือไม้ที่กำลังสั่นเทา หยิบขวดหยกบนโต๊ะอันแรกขึ้นมาพิสูจน์ขณะหัวใจยังคงเต้นระรัว

ทันทีที่เขาเปิดจุกขวดหยก เสียงสัตว์คำรามอย่างแผ่วเบาก็พลันดังขึ้นสี่สุ้มเสียง พร้อมกับแสงอันเจิดจรัส

ภายใต้แสงสว่างอันแจ่มจรัส ดูคล้ายจะมีเงาของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่สี่ชนิด

ร่างกายเหวินเฟยสั่นสะท้าน ครั้นเห็นว่าภายในขวดหยกยังมือนี้ ปรากฏมีเงาของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ประทับอยู่ เช่นนั้น เป็นไปได้ไหมว่าโอสถในขวดหยกนี่จะคือ…

คิดได้ดังนั้น เลือดลมในเส้นลมปราณก็พลันไหลเวียนไปทั่วกาย รู้สึกประหนึ่งโลกกระเทือนด้วยเขาจวนยืนทรงตัวไม่อยู่ ดวงตาขณะมองดูขวดหยกในมือ ก็พานไหวสั่นอย่างตื่นเต้น

“โอ โอสถวิญญาณสี่ประการ!”

โอสถวิญญาณสี่ประการงั้นหรือ!

ทั้งยังเป็นโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์อีกด้วย!

เมื่อเหวินจิงเทาและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ได้ยินว่าขวดหยกบรรจุโอสถวิญญาณสี่ประการ พวกเขาก็ต่างปรี่รุดหน้าไปดูให้ประจักษ์แก่สายตาตนเอง

สายตาทุกคู่พลันเบิกตะลึง ครั้นเห็นโอสถที่อยู่ภายใน

ปรากฏว่ามันเป็นโอสถชั้นยอดสุดในบรรดาโอสถขั้นเซียนเทียน ที่ใช้สำหรับปรับแต่งปราณแท้ยังตันเถียน โอสถวิญญาณสี่ประการ อีกทั้งยังเป็นระดับนิรันดร์ด้วย!

แม้แต่โอสถวิญญาณหลงหู่ระดับนิรันดร์ คนในราชวงศ์เทียนโต้วผู้ทรงอิทธิพล ที่ขึ้นชื่อเรื่องครอบครองสมบัติหายากอันล้ำค่ามหาศาล ก็ยังไม่มีโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับนิรันดร์ไว้ในถือครอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด