ตอนที่ 37 ผู้สืบทอดของเทพไท่ซวี
ตอนที่ 37 ผู้สืบทอดของเทพไท่ซวี
เยี่ยเสวียนก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หวั่นเกรง เพราะหลังจากเปิดใช้งานกายหยางศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ความอ่อนแอในช่วงเวลาสั้นๆ หายไปและเขาสามารถใช้เคล็ดวิชาเทียนหยางเสวียนได้อีกครั้ง การเอาชนะคู่ต่อสู้ระดับจื่อฝู่ขั้นปลายจึงไม่คุ้มที่จะให้เขาใช้วิชาลับด้วยซ้ำ
โดยปกติ หุ่นเชิดเหล็กสีทองระดับจื่อฝู่ขั้นปลายค่อนข้างทรงพลังมากแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยเสวียน มันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
หยวนเฟิงในอีกด้านหนึ่งก็พยายามสุดกำลัง เขาใช้อาวุธเวทที่บิดาทิ้งไว้ให้และสามารถเอาชนะหุ่นเชิดได้สำเร็จ
โดยไม่รอให้ทั้งสองคนได้พักผ่อน ด่านต่อไปก็มาเยือน
“ด่านที่สอง เอาชนะหุ่นเชิดที่อยู่ในระดับเดียวกันคนละสองตัว”
หุ่นเชิดเหล็กสีทองสี่ตัวที่มีรูปลักษณ์เหมือนด่านแรกปรากฏยังฝั่งตรงข้ามของทั้งสอง
เยี่ยเสวียนยังไม่กลัวและเขาจัดพลังเวทเป็นการทักทาย
“ด่านที่สาม เอาชนะหุ่นเชิดที่อยู่ในระดับเดียวกันคนละห้าตัว”
แต่หุ่นเชิดในระดับจื่อฝู่ขั้นปลายถึงห้าตัว เกรงว่าต้องเป็นผู้ฝึกตนระดับเดียวกันที่มีพรสวรรค์พิเศษจริงๆ เท่านั้นจึงจะสามารถเอาชนะพวกมันได้
ในครั้งนี้หยวนเฟิงพยายามต่อสู้อย่างหนักและใช้พลังเวทกับเคล็ดวิชาต่างๆ ที่ตนรู้ กระนั้นเขายังสู้ไม่ได้ ในไม่ช้าจึงพ่ายแพ้ในด่านที่สามและถูกส่งออกไปนอกสังเวียน
“ด่านที่สี่ เอาชนะหุ่นเชิดที่อยู่ในระดับเดียวกันสิบตัว”
“...”
การทดสอบของเทพไท่ซวีดูเหมือนจะง่ายเกินไป เพราะมีแค่หุ่นเชิด หุ่นเชิดและหุ่นเชิด
เมื่อถึงด่านที่แปด เยี่ยเสวียนได้เผชิญหน้ากับหุ่นเชิดระดับมิ่งตานสองตัว
การเปลี่ยนแปลงของเคล็ดวิชาเทียนหยางเสวียนได้เริ่มขึ้นแล้ว หากไม่ใช่เพราะเปิดใช้งานกายหยางศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเข้ากับเคล็ดวิชาเทียนหยางเสวียนได้ดีจึงทำให้เขาใช้มันได้นานขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น เกรงว่าเขาจะผ่านไปไม่ได้จริงๆ
สุดท้ายก่อนที่พลังจะสิ้นสุดลง หุ่นเชิดเหล็กสีทองสองตัวถูกเยี่ยเสวียนแทงทะลุแกนกลางจนสิ้นท่า จากนั้นเยี่ยเสวียนนั่งยองๆ บนวงแหวนด้วยอาการเหนื่อยหอบ
“ผู้อาวุโสไท่ซวีทรมานกันเกินไปแล้ว ด่านต่อไปอย่าเป็นหุ่นเชิดอีกเลย”
“ด่านที่เก้า เอาชนะ...”
ทันใดนั้นหัวใจของเยี่ยเสวียนเต้นแรง
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าข้าจะพูดถึงหุ่นเชิดระดับมิ่งตานสักกี่ตัวล่ะ”
ในเวลานี้ เสียงอันสง่างามกลายเป็นเสียงที่มีอารมณ์ขัน
“ความสามารถแบบก้าวกระโดดและเอาชนะคู่ต่อสู้ในระดับมิ่งตานได้ ถือว่าเจ้าได้พิสูจน์ความสามารถของตนแล้ว ในด่านต่อไปและเป็นด่านสุดท้ายคือการทดสอบหัวใจที่แข็งแกร่งของเจ้า”
“เจ้า เจ้ามีใจที่จะต่อสู้เพื่อไปถึงจุดสูงสุดและมีจิตใจตระหนักถึงเส้นทางที่ถูกต้องหรือไม่!” ทันใดนั้นเสียงทวีความยิ่งใหญ่สูงส่ง ให้ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ ราวกับเป็นพลังยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และภายใต้น้ำเสียงนี้ แม้แต่การโกหกก็เป็นไปไม่ได้
เยี่ยเสวียนไม่สะท้านและหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิ เขาจดจำคำพูดกล้าหาญที่เคยกล่าวไว้ตอนลงจากภูเขาครั้งแรกได้ บัดนี้เขาพูดมันด้วยความกระตือรือร้น “ผู้เยาว์คนนี้จะทะยานเหนือเมฆและมุ่งสู่จุดสูงสุดของวิถีแห่งเซียน!”
“เจ้า เจ้าจะยึดมั่นในความตั้งใจจริงและผดุงคุณธรรมในโลกนี้หรือไม่!” เสียงนั้นยังคงถามต่อ
เมื่อนึกถึงคนสารเลวซูอันและผู้ปลูกฝังมารหลินต้าจู้ เยี่ยเสวียนจึงพูดโดยไม่ลังเล “หากผู้เยาว์สามารถสืบทอดจากผู้อาวุโสได้ ความชั่วจะถูกกวาดล้างและโลกต้องคืนสู่ความบริสุทธิ์!”
“ดีมาก ผู้สืบทอด ตำหนักเซียนไท่ซวีแห่งนี้จะถูกส่งมอบให้เจ้าและข้าหวังว่าเจ้าจะก้าวไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญ อย่าทะนงตนเพราะคำว่าทายาทไท่ซวีของข้า”
“หากทำได้ จงนำตำหนักเซียนนี้ติดตัวไปด้วยเพื่อเป็นสักขีพยานแห่งระดับบรรลุวิถีและให้ข้าได้เห็นทิวทัศน์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน” ช่วงท้ายของเสียงเจือความเหงาและเงียบหายไปโดยสิ้นเชิง
จบเสียงที่ดังก้อง เยี่ยเสวียนและหยวนเฟิงจึงถูกส่งไปที่ประตูตำหนักเซียนไท่ซวี จากนั้นตำหนักเซียนไท่ซวีทั้งหลังค่อยๆ ย่อขนาดลงและตกอยู่ในมือของเยี่ยเสวียน
แท้จริงแล้วตำหนักเซียนไท่ซวีหลังนี้ยังเป็นสมบัติวิญญาณด้วย
นอกจากนี้ยังมีความมั่งคั่งตลอดชีวิตของเทพไท่ซวี ทั้งเคล็ดวิชาและอาวุธเวทนับไม่ถ้วน ประเมินมูลค่าไม่ได้เลย
ด้วยตำหนักเซียนหลังนี้ แม้ว่าตลอดทั้งชีวิตเขาจะต้องต่อสู้กับต้าซาง ต้องล้างแค้นให้กับบิดามารดา จวบจนสามารถโค่นล้มต้าซางและไอ้สารเลวซูอันลงแล้ว เขาจะยังมีทุนเหลืออีกจำนวนหนึ่งด้วย
นี่คือความมั่งคั่งที่เขาได้รับหลังจากผ่านการทดสอบมากมาย!
เมื่อคิดเช่นนี้ รอยยิ้มของเยี่ยเสวียนปรากฏขึ้น ทว่าก่อนที่เขาจะได้มองเข้าไปใกล้ๆ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านหลัง
“โย่ ตำหนักจิ๋วหลังนี้ดูสวยมากนะ”
จากนั้นมือของเยี่ยเสวียนคลายออกโดยไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว ตำหนักเซียนไท่ซวีพลันหลุดลอยออกไปทันที
ดวงตาของเขาเบิกกว้างจนแทบระเบิดออกมา
“ไอ้ซูอันเ*ดแ*ง คืนตำหนักเซียนของข้ามา!”
เยี่ยเสวียนหันกลับไปมองและแน่นอนว่าเขาได้เห็นร่างที่เกลียดเข้ากระดูกดำพร้อมลิ่วล้ออีกจำนวนหนึ่ง
ซูอันโยนตำหนักเซียนหยกสีขาวเล็กๆ ในมือด้วยความอ่อนโยน “เยี่ยเสวียน ข้ารบกวนให้เจ้าหาสมบัติดีๆ แบบนี้ให้แล้ว”
เยี่ยเสวียนเสียสติไปโดยสิ้นเชิง เขาสูญเสียภาพลักษณ์แสนดีที่ให้ไว้กับเทพไท่ซวีไปโดยปริยาย
“ซูอัน นั่นคือตำหนักเซียนของข้า เจ้าสมควรตาย เจ้าสมควรตาย!”
แม้ว่าร่างกายของเขาจะถึงขีดจำกัดไปแล้ว แต่เขายังบังคับใช้เคล็ดวิชาเทียนหยางเสวียนอย่างต่อเนื่อง พลังงานและเลือดในกายเพิ่มขึ้น ร่างกายของเขาสูงใหญ่ขึ้นและเขาพุ่งเข้าใส่ซูอันราวกับปีศาจบ้าคลั่ง
ทุกครั้งที่เยี่ยเสวียนทำงานหนักเพื่อให้ได้บางสิ่งมาครอง ทว่าในชั่วพริบตาเขามักจะถูกซูอันแย่งชิงไป ทั้งยังถูกใส่ร้าย ถูกไล่ล่า แม้กระทั่งถูกผู้ปลูกฝังมาร...
คราวนี้แม้แต่ตำหนักเซียนไท่ซวีที่เขาได้มาด้วยความยากลำบาก เพียงพริบตาเดียวก็ถูกพรากไปอีก ไม่ว่าเยี่ยเสวียนจะสงบแค่ไหน สุดท้ายเขาไม่สามารถมีเหตุผลได้เลย
“เฮอะ!”
ร่างของถูเซิ่งหนานซึ่งแข็งแกร่งกว่าหอคอยเหล็กเข้ามาปิดกั้นหนทางของเยี่ยเสวียนไว้ทันที
“หลีกไป!” เยี่ยเสวียนตวาดด้วยความโกรธและต่อยถูเซิ่งหนานด้วยพลังที่ไม่มีใครเทียบได้
พลั่ก!
ถูเซิ่งหนานปล่อยหมัดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง หมัดต่อหมัดปะทะกัน!
หลังจากการระเบิด
ร่างกายของเยี่ยเสวียนกระเด็นออกไปเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ แขนที่ใช้ต่อสู้อ่อนยวบทันทีและกระดูกที่แขนกลายเป็นผุยผง
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลังจากเปิดใช้งานกายหยางศักดิ์สิทธิ์แล้วความแข็งแกร่งของเขาทวีคูณ แต่ยังสู้สุนัขรับใช้ของไอ้สารเลวคนนี้ไม่ได้
เขาย่อมไม่รู้ว่าถูเซิ่งหนานได้กินมังกรระดับมิ่งตานไปถึงสองตัว และมังกรหนึ่งในสองตัวนั้นถูกเยี่ยเสวียนสังหารเองด้วย
ตอนนี้พลังวิญญาณของถูเซิ่งหนานเต็มเปี่ยมจนแทบล้น ความแข็งแกร่งนั้นมากกว่าเมื่อก่อนสองเท่าและการทะลวงถึงระดับหยางบริสุทธิ์อยู่ใกล้แค่เอื้อม
“อะไร ข้าคิดว่าเจ้าเป็นเทพบุตรผู้เก่งกาจ แต่กลับกลายเป็นไอ้กระจอกคนหนึ่ง!” ซูอันอยู่ห่างออกไป เขามองเยี่ยเสวียนด้วยความดูถูกและพูดเย้ยหยัน
ด้วยเคล็ดวิชาทะลวงจิต เขาจึงมองเห็นความมืดมนรุนแรงของเยี่ยเสวียนที่มีต่อเขา แสดงให้เห็นว่าเกลียดเขาจนแทบตาย!
“ซู! อัน!”
เยี่ยเสวียนกัดฟันกรอดและเค้นเสียงลอดไรฟันออกมา
“อา! เสียงดังมาก ข้ากลัวจังเลย!” ซูอันยกมือปิดหูแล้วหันไปมองชิงหลิงที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีและเขาแสร้งทำตัวน่าสงสาร “พี่ชิงหลิง เขาโหดร้ายต่อข้ามาก ข้ากลัวจังเลย ข้าอยากให้เจ้ากอดปลอบจะได้หายกลัว”
ชิงหลิง “...”
เฮ้อ เจ้าเด็กน้อย!
นางค่อยๆ ดึงซูอันมาไว้ในอ้อมแขน ปล่อยให้ใบหน้าหล่อเหลาซบบนหน้าอกนุ่มๆ ของตน
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยเสวียนซึ่งถูกซูอันเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกือบจะเป็นลมด้วยความโกรธเมื่อเห็นฉากนี้
ไอ้โจรชั่วคนนี้สมควรตาย! สมควรถูกประณาม!!!
“เคล็ดวิชาเทียนหยางเสวียน...เปลี่ยนแปลงกายหยางศักดิ์สิทธิ์!”
ขณะนี้เยี่ยเสวียนเหมือนกลายเป็นแสงสว่าง รอบตัวของเขาเปล่งประกายและผมของเขาตั้งตรงกลายเป็นทองคำบริสุทธิ์
มือขวาที่ถูกทำลายกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง พลังวิญญาณรุนแรงมาก!
นี่คือพลังลึกลับที่ซุกซ่อนไว้ของเคล็ดวิชาเทียนหยางเสวียน