ตอนที่แล้วตอนที่ 35 ทวงคืนไข่มุกหยางแท้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 37 ผู้สืบทอดของเทพไท่ซวี

ตอนที่ 36 ตำหนักเซียนไท่ซวี


ตอนที่ 36 ตำหนักเซียนไท่ซวี

หุบเขาไท่ซวี สถานที่ต้องห้ามในตงโจว

สถานที่แห่งนี้กลับหัวกลับหาง ภูมิประเทศมีความวุ่นวายซับซ้อน หากผู้ฝึกตนธรรมดาก้าวเข้ามาแล้วไม่มีทางจะออกไปได้เลย

ครั้งหนึ่งมีผู้ฝึกตนระดับหยางบริสุทธิ์ขั้นสูงสุดเข้าไปสำรวจหุบเขานี้ แต่สุดท้ายเขาไม่เคยออกมาอีกเลย หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปีต่อมาโคมไฟวิญญาณของเขาที่ตั้งไว้ในนิกายได้ดับลงโดยสมบูรณ์

จนถึงบัดนี้เขายังไม่ออกมา ดังนั้นหุบเขาไท่ซวีแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามในหัวใจของผู้ฝึกตนจำนวนมาก

ผู้ฝึกตนธรรมดาจะอยู่ห่างจากหุบเขาไท่ซวีเข้าไว้ แต่วันนี้มีผู้ฝึกตนสองคนเดินเข้าใกล้หุบเขาเรื่อยๆ

นั่นก็คือเยี่ยเสวียนและหยวนเฟิง

หยวนเฟิงได้พบกับเยี่ยเสวียนระหว่างถูกไล่ล่า เพราะหลังจากที่เยี่ยเสวียนหนีออกมาได้ไม่นาน หลินต้าจู้ก็รู้ตัว น่าแปลกที่หลินต้าจู้และผู้ฝึกตนกลุ่มเดิมที่ไล่ล่าเยี่ยเสวียนสามารถค้นพบตำแหน่งของเยี่ยเสวียนได้เสมอ

สุดท้ายเยี่ยเสวียนทำได้เพียงวิ่งหนีต่อไป จากนั้นเขาก็ได้พบกับหยวนเฟิง

ในเวลานั้นหยวนเฟิงเล่าว่ากำลังหนีการตามล่าของผู้อาวุโสสูงสุดเช่นกันและเขาอยู่ในสภาพน่าเวทนามาก เยี่ยเสวียนไม่มีข้อสงสัยในตัว ‘สหายผู้แสนดี’ คนนี้และทั้งสองเริ่มการหลบหนีด้วยกัน

จนถึงวันนี้ทั้งสองคนถูกไล่ล่ามาถึงสถานที่สิ้นหวังเช่นหุบเขาไท่ซวี

“พี่เยี่ย ไปต่อไม่ได้แล้วนะ” เมื่อมองไปที่หุบเขาไท่ซวีซึ่งปกคลุมด้วยหมอกหนา หยวนเฟิงจึงตัวสั่นโดยอัตโนมัติ

หุบเขาไท่ซวีมีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่ผู้ฝึกตนของตงโจวจริงๆ

“พวกเรายังมีทางเลือกอีกหรือ?” เยี่ยเสวียนย้อนถาม

ไกลออกไปมีผู้ฝึกตนกำลังไล่ตามมาติดๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ตั้งใจที่จะปล่อยทั้งสองคนไป

หยวนเฟิงมองย้อนกลับไปยังกลุ่มผู้ฝึกตนที่ไล่ตามมา จากนั้นกัดฟันพูดว่า “ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าทำได้เพียงสละชีวิตเพื่อติดตามวีรบุรุษเท่านั้น!”

ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นกระโดดและตกไปในหุบเขาไท่ซวี

เมื่อกลุ่มผู้ฝึกตนมาถึง ทั้งสองคนก็หายตัวไปแล้ว

“เฮ้อ ดูเหมือนว่าเยี่ยเสวียนจะตกไปในหุบเขาไท่ซวีที่ไร้ทางออก แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถแก้แค้นด้วยมือตัวเองได้” ผู้ฝึกตนหญิงระดับมิ่งตานถอนหายใจและสรุปความเป็นตายของเยี่ยเสวียน

ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ก็พยักหน้ายอมรับผลนี้ด้วยความไม่เต็มใจ แม้จะไม่สามารถฆ่าศัตรูด้วยมือของตัวเองได้ แต่เมื่อตกไปในหุบเขาไท่ซวีแล้วเยี่ยเสวียนไม่มีโอกาสรอดแน่นอน

กระนั้นยังมีคนหนึ่งเสียใจต่อการจากไปของเยี่ยเสวียน “กายหยางศักดิ์สิทธิ์ของข้า!”

ในไม่ช้าบรรดาผู้ฝึกตนก็แยกย้ายกันไปทีละคน เพราะไม่มีใครอยากอยู่ใกล้หุบเขาไท่ซวี

หลังจากนั้นไม่นาน เหนือท้องฟ้าพลันปรากฏเรือเซียนลำหนึ่งขึ้นมา

“ที่พำนักของเทพไท่ซวี!”

หุบเขาไท่ซวีดำรงอยู่มานานกว่าหมื่นปีแล้ว ในช่วงเวลาเหล่านี้ผู้ฝึกตนตั้งแต่ระดับกลั่นลมปราณไปจนถึงระดับหยางบริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนตกลงไปที่นั่น แต่ไม่มีใครสามารถค้นหาเส้นทางที่ถูกต้องได้เลย แต่เยี่ยเสวียนถูกลิขิตให้มาที่นี่ ช่างเป็นลิขิตสวรรค์ที่ลำเอียงจริงๆ

ซูอันทอดถอนใจพลางเอ่ย “แต่ข้าต้องขอบคุณเยี่ยเสวียนที่ช่วยนำทาง มิฉะนั้นข้าคงไม่กล้าเข้าไปจริงๆ เพราะดูเหมือนว่าข้าจะหลงอยู่ในนั้นแน่นอน”

ตัวร้ายประเภทใด อ่อนแอกว่าตัวเอกชายขนาดนี้

แต่ก็นับว่าคุ้มค่าที่เขาใช้คำแนนตัวร้ายจำนวนสูงถึงสามร้อยคะแนนเพื่อแลกกับตราประทับวิญญาณสีม่วงอ่อน แม้ว่าตราประทับนี้จะมีราคาแพง แต่ผลลัพธ์ดีมาก เพราะแม้แต่ในหุบเขาไท่ซวีที่แสนวุ่นวายสับสน  มันยังระบุตำแหน่งของเยี่ยเสวียนได้ชัดเจน

ทว่าก่อนจะมองหาเยี่ยเสวียน มาเสี่ยงดวงกันก่อน!

คะแนนคนร้ายนับพันหายไปและ ‘เคล็ดวิชาทะลวงจิต’ ปรากฏบนแผงระบบโปร่งใส

เคล็ดวิชาทะลวงจิต : ความสามารถในการแยกแยะทัศนคติของผู้อื่นต่อตนเอง

“?” เครื่องหมายคำถามปรากฏบนหน้าผากของซูอัน

นี่เป็นเคล็ดวิชาแบบใด?

เขาพูดไม่ออกจริงๆ เพราะการเสี่ยงโชคของเขาต้องมุ่งเน้นไปที่การโจมตีเยี่ยเสวียนในอนาคต ดังนั้นไม่ควรโชคร้ายขนาดนี้!

        เขาทดลองใช้เคล็ดวิชาทะลวงจิตที่เพิ่งได้มาใหม่โดยหันไปมองผู้คนรอบกายทันที

ถูเซิ่งหนานและบุปผามรณะส่องแสงสีส้มซึ่งแสดงถึงความภักดี พี่ชิงหลิง หลีเอ๋อร์และคนอื่นๆ ส่องแสงสีชมพู ซึ่งแสดงถึงความรักและการมีทัศนคติเชิงบวก ในขณะที่ฉู่อินเป็นสีชมพูอ่อน ดูเหมือนว่าผลการฝึกในปัจจุบันจะค่อนข้างดี...

“เซิ่งหนาน ฉู่อิน พี่ชิงหลิงและบุปผามรณะติดตามข้าเข้าไปในนั้น แต่พยายามเดินใกล้ข้าเข้าไว้ หลีเอ๋อร์ เจ้า...มาด้วย”

บุปผามรณะที่กล่าวถึงคือผู้หญิงคนหนึ่งในอาภรณ์สีดำและสวมหน้ากากสีดำ นางมีรูปร่างที่เหมือนเปลวความร้อนจนไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน

นางคือผู้คุมกฎของหน่วยบุปผามรณะและยังถูกเรียกขานว่าหมายเลขหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันคือบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้บัญชาของซูอัน

เดิมทีซูอันต้องการปล่อยเยี่ยหลีเอ๋อร์ให้รอที่เรือเซียน เพราะนางยังอยู่ในระดับจื่อฝู่และไม่มีอักษรเวทให้ใช้ด้วยซ้ำ

แต่เมื่อนึกถึงการโจมตีทรงอานุภาพของเยี่ยหลีเอ๋อร์ต่อเยี่ยเสวียน ซูอันจึงตัดสินใจพานางไปด้วย

เขาทิ้งถังซืออวิ๋นและป้าถังไว้บนเรือเซียนโดยฝังตราประทับวิญญาณสีม่วงอ่อนให้พวกนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญหายที่ไม่คาดฝัน

จากนั้นซูอันเป็นผู้นำในการกระโดดเข้าหุบเขาไท่ซวี

ถังซืออวิ๋นยืนอยู่บนหัวเรือพลางเฝ้ามองพวกซูอันเดินจากไป นางยืนมองเป็นเวลานานและความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งยิ่งลุกโชน

หลังจากที่พวกซูอันหลุดเข้าไปในสายหมอกพลันบังเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้น ซูอันสูญเสียการรับรู้ทิศทางทันทีและทุกคนที่อยู่รอบกายหายไปเช่นกัน มีเพียงบุปผามรณะที่ยังติดตามซูอันเหมือนเงา

โชคดีที่ตราประทับวิญญาณสีม่วงอ่อนสามารถสัมผัสได้ว่าคนอื่นอยู่ไม่ไกล หมายความว่าพวกเขายังไม่ถูกเคลื่อนย้ายห่างจากกันมากนัก

ในไม่ช้าทุกคนได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งผ่านการเชื่อมโยงของตราประทับวิญญาณสีม่วงอ่อน

ซูอันสัมผัสได้ถึงทิศทางของตราประทับวิญญาณสีม่วงอ่อนซึ่งเป็นเป้าหมาย เขาฉีกยิ้มกว้างออกมา ได้เวลาเก็บเกี่ยวกุยช่ายแล้วสิ

  ……

“มรดกของผู้อาวุโสเซียนถูกซ่อนอยู่ที่นี่จริงด้วย!”

เมื่อมองไปยังที่พำนักเซียนไท่ซวีซึ่งปรากฏตรงเบื้องหน้าและรัศมีที่เปล่งออกมานั้น เยี่ยเสวียนแสดงสีหน้าประหลาดใจแล้วหัวเราะออกมาด้วยความบ้าคลั่ง

ราวกับว่าเขาต้องการระบายความอัดอั้นตันใจในช่วงเวลานี้ออกมาทั้งหมด

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ซูอันกับผู้ฝึกตนโง่ๆ ที่ไม่แยกแยะถูกผิดเหล่านั้นจะต้องไม่เชื่อแน่ เพราะไม่เพียงแต่เราไม่ตาย เรายังค้นพบมรดกของท่านเซียนด้วย!”

“พวกเจ้าทุกคนรอข้าก่อนเถอะ!”

หยวนเฟิงก็ตกตะลึงมากเช่นกัน ทว่าดวงตาของเขามืดมิดและเขาแอบถอนหายใจเบาๆ

แต่เยี่ยเสวียนผู้จมอยู่กับความสุขไม่ได้สังเกตเห็น เขาพูดว่า “พี่หยวน นี่เป็นโอกาสสำหรับเราสองพี่น้อง!”

ทั้งสองก้าวเข้าไปในตำหนักเซียนไท่ซวีด้วยความตื่นเต้น

เพียงเหยียบขั้นบันไดที่มุ่งสู่ตำหนักเซียนไท่ซวี ทันใดนั้นตำหนักเซียนอันเงียบสงบเริ่มส่งเสียงคำรามและเสียงเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ดังมาจากทุกทิศทุกทาง

“ข้าชื่อไท่ซวี ผู้คนเรียกขานเทพไท่ซวี ผู้ครองรูปลักษณ์ว่างเปล่าและหยั่งรู้ความลึกลับทั้งหมดของสรรพชีวิต ไม่มีศัตรูเหลืออยู่ในโลกนี้แล้ว แต่น่าเสียดายที่อานุภาพของระดับบรรลุวิถีนั้นโหดร้ายนัก ข้าเปล่าเปลี่ยวอยู่ในหุบเขาแห่งนี้นานนับหมื่นปีแล้ว จนกว่าจะสิ้นอายุขัย อนิจจา” น้ำเสียงเก่าแก่นั้นมีร่องรอยของความเหงาและความโศกเศร้าอยู่

“หากสามารถรอดชีวิตมาถึงตำหนักเซียนไท่ซวีของข้าได้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีวาสนาและถ้าผ่านการทดสอบของข้าในครั้งนี้ เจ้าสามารถสืบทอดตำหนักเซียนไท่ซวีและสืบทอดมรรควิธีไท่ซวีสายตรงได้”

เมื่อได้ฟังเงื่อนไขของเทพไท่ซวีแล้ว เยี่ยเสวียนรู้สึกหัวใจเต้นแรงและตะโกนเสียงดังว่า “ผู้อาวุโสขอรับ ผู้เยาว์จะทำสุดความสามารถแน่นอน!”

แต่ดูเหมือนว่าเสียงนี้จะถูกตั้งค่าไว้ล่วงหน้า เยี่ยเสวียนจึงไม่ได้คำตอบใดๆ กลับมา

มีเพียงภาพตรงหน้าเท่านั้นที่เปลี่ยนไป จากนั้นเยี่ยเสวียนและหยวนเฟิงมาปรากฏตัวในสถานที่ที่ดูเหมือนวงแหวน

หุ่นเชิดเหล็กสีทองระดับจื่อฝู่ขั้นปลายสองตัวปรากฏยังฝั่งตรงข้ามของคนทั้งสอง

“ด่านแรก เอาชนะหุ่นเชิด”