ตอนที่ 22 : การสอบเข้ามหา’ลัยของผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ ! ผู้ปลุกพลังระดับ S !
ตอนที่ 22 : การสอบเข้ามหา’ลัยของผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ ! ผู้ปลุกพลังระดับ S !
ตกดึก
ที่บ้านตระกูลเหลียนในเมืองปิ้นไห่
หัวหน้าตระกูลเหลียน เหลียนเจิงมองไปที่ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองด้วยสีหน้าแปลกใจ เธอเพิ่งกลับมาจากเก็บเลเวล
“นี่เธอพูดอะไรของเธอ หนิงเอ๋อ ? นี่ปฏิเสธคำเชิญของตระกูลตงฟางงั้นเหรอ ? คุณชายของตระกูลตงฟางน่ะปลุกพลังระดับ S ขึ้นมาได้เลยนะ !”
“ถ้าทั้งสองคนร่วมมือกันเข้าหอฝึกฝน งั้นต้องได้อันดับ 1 ในการสอบเข้ามหา’ลัยปีนี้แน่ นี่มัน...”
“พ่อ !” เหลียนอี้หนิงขัดเหลียนเจิงและพูดขึ้นมาเสียงแข็ง “หนูตกลงกับเพื่อนไว้แล้ว เราจะตั้งทีมกัน พ่อไม่ต้องห่วง”
เหลียนเจิงคิ้วขมวดและถามขึ้น “แล้วเพื่อนลูกปลุกพลังได้ระดับไหน ? ระดับ A เหมือนลูก ? รึว่าระดับ B ?”
“เท่าที่พ่อรู้มา ปีนี้มีผู้ปลุกพลังระดับ S หน้าใหม่แค่ 4 คนในเมืองปิ้นไห่ พวกเขามีทีมของตัวเองแล้ว ถ้าลูกไปร่วมทีมกับคนอื่น...”
เมื่อเห็นเหลียนอี้หนิงหลบสายตา เหลียนเจิงจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดขึ้น “ไม่ใช่ระดับ S ? ไม่ใช่ระดับ A ? ไม่ใช่ระดับ B ด้วย....รึว่าเป็นระดับ C ? !”
“หนิงเอ๋อ ! พ่อยอมเรื่องอื่นได้ แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับอนาคตของลูก ลูกไปอยู่ทีมเดียวกับผู้ปลุกพลังระดับ C ได้ยังไง....”
“พ่อคะ !” เหลียนอี้หนิงพึมพำออกมาอีกรอบ “ไม่ ไม่ใช่ระดับ C แต่เป็นระดับ D ต่างหาก...”
“ว่าไงนะ ? !” สีหน้าของเหลียนเจิงหม่นลง เขารีบพูดขึ้นมา “ระดับ D ? หนิงเอ๋อ นี่ลูกไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย ? ผู้ปลุกพลังระดับ D จะไปมีประโยชน์อะไร ลูก...”
เมื่อเห็นว่าเหลียนอี้หนิงหน้าแดงขึ้นมา เหลียนเจิงก็รีบถามขึ้น “เขาเป็นใคร ? คนที่ลูกชอบงั้นเหรอ ? พ่อไม่มีทางยอมแน่ !”
“พ่อ...”
“พี่ใหญ่ !” อยู่ ๆ เหลียนฉิงเอ๋อก็เดินเข้ามาและพูดขึ้น “พี่ ฉันรู้ว่าหนิงเอ๋อจะอยู่ทีมกับใคร ถึงเขาจะปลุกพลังได้แค่ระดับ D ทว่าเขาน่ะแข็งแกร่ง !”
เหลียนเจิงมองไปที่น้องสาวตัวเองที่อายุน้อยกว่าเขาเป็นสิบปี จากนั้นเขาก็ข่มความโกรธเอาไว้และถามขึ้น
“เธอเคยเจอเด็กนั่นมาแล้วเหรอ ?”
“ใช่”
“เป็นยังไง ? แล้วเขาอาชีพอะไร ?”
“นักบวชระดับ D”
“นักบวช ? !” เหลียนเจิงยกมือขึ้นกุมอก เขากลัวว่าหัวใจเขาจะวายตาย
“พี่ใหญ่ !” เหลียนฉิงเอ๋อพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “อย่าประเมินเขาต่ำไป ถึงเขาจะเป็นแค่นักบวชระดับ D แต่เขาปกปิดความลับบางอย่างเอาไว้แน่ !”
เหลียนเจิงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ความลับ ? เธอรู้ได้ยังไง ?”
เหลียนฉิงเอ๋อพูดขึ้น “ฉันส่งข้อความหาพี่บอกว่าฉันเจอเขตแดนลับใหม่ไม่ใช่เหรอ ?”
“ใช่ ฉันพอรู้เรื่องนี้มาบ้าง”
“เด็กนั่นเคลียร์เขตแดนลับใหม่ด้วยตัวคนเดียว !” เหลียนฉิงเอ๋อพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “เขตแดนลับระดับยากเลเวล 15 !”
“ว่าไงนะ ? !”
....
วันที่ 7 เดือนมิถุนายน
การสอบเข้ามหา’ลัยสำหรับผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ในเมืองปิ้นไห่และทั้งประเทศ
มีคนเป็นพัน ๆ เดินข้ามสะพานมา
หากผ่านการทดสอบ มันก็เหมือนกับปลาหลี่ฮื้อที่โดดข้ามประตูมังกร พวกเขาจะได้เข้าไปอยู่ในเส้นทางที่กว้างใหญ่กว่าเก่าและต่อสู้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์
ถึงจะสอบตก ทว่าก็ยังเลือกที่จะเป็นผู้ปลุกพลังที่รับงานนอกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารรึเสื้อผ้าไปตลอดชีวิต
“ทุกคน ! ทุกคน ! ฉัน ปิงปิง เพื่อนสนิทของทุกคน ตอนนี้ฉันอยู่หน้าหอฝึกฝนทางทะเลตะวันออกของเมืองปิ้นไห่ วันนี้มีผู้ปลุกพลังหน้าใหม่กว่า 20,000 คนในเมืองปิ่นไห่ที่จะเข้าหอฝึกฝนเพื่อรับการสอบเข้ามหา’ลัยในปีนี้...”
ที่นอกหอฝึกฝนในทะเลตะวันออกของเมืองปิ้นไห่ ก่อนที่จะเช้า มันก็มีคนมารอกันเต็มไปหมดทั้งคนธรรมดา, นักข่าว, ทีมงานและแม้แต่ทหารกับหมอที่มาเข้าร่วมงานทดสอบนี้ด้วย....
ยังไงซะผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ที่เข้ารับการสอบก็ต้องสู้กับมอนสเตอร์ ดังนั้นย่อมเกิดการบาดเจ็บขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา การตายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยด้วยซ้ำ
การสอบเข้ามหา’ลัยทุกปี มันจะมีคนตายหลักร้อยคน
บอกได้ว่ามนุษย์ในโลกนี้ชินกับเรื่องความเป็นความตายกันแล้ว !
การสอบเข้ามหา’ลัยในทุก ๆ ปีคืองานใหญ่สำหรับเผ่ามนุษย์ก็ว่าได้ !
ปิงปิง เด็กสาวน่ารักผมสั้นที่กำลังพูดอยู่กับกล้องเอียงหัวพร้อมกล้องที่จับภาพไปที่หอฝึกฝนด้านหลังเธอ
หอคอยทรงวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 กม.สูงเสียดฟ้าขึ้นไปปรากฏต่อหน้าผู้ชม
“ผู้ชมทุกคน นี่คือหอฝึกฝน !”
“ในการสอบเข้ามหา’ลัย, สอบจบมหา’ลัยรึแม้แต่การรับรองอาชีพในทุก ๆ ปี ผู้ปลุกพลังทุกคนก็ต้องผ่านการทดสอบจากหอฝึกฝน !”
“เมื่อ 300 ปีก่อน โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา มีหอฝึกฝนหลายพันแห่งปรากฏขึ้นมาตามที่ต่าง ๆ ในโลก นี่คือของขวัญจากพระเจ้าที่มอบให้กับมนุษย์ !”
“หอฝึกฝนนี้มีทั้งหมด 999 ชั้น มันมีข่าวลือว่าคนที่ขึ้นไปชั้นที่ 1,000 ได้นั้น พวกเขาจะทะลวงผ่านขีดจำกัดระหว่างมนุษย์กับเทพได้ พวกเขาจะกลายเป็นเทพทันที !”
“โชคร้าย ผ่านมา 300 ปีแล้ว มนุษย์เราได้ส่งผู้ปลุกพลังที่แกร่งที่สุด 10 คนเข้าไปในหอฝึกฝน แต่พวกเขาก็ไปถึงแค่ชั้น 723 เท่านั้น !”
“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมประเทศเราถึงได้จริงจังกับการฝึกฝนผู้ปลุกพลัง ! ฉันหวังว่าผู้ปลุกพลังหน้าใหม่นั้นจะเดินตามรอยเท้าบรรพบุรุษและผ่านชั้นที่ 999 ของหอฝึกฝนไปได้ !”
ผู้ชมทางบ้านพากันตื่นเต้นไปตาม
ในวันนี้ มันมีเมืองหลวงของเขตและเมืองใหญ่ต่าง ๆ กว่า 30 แห่งทั่วประเทศที่ทำการถ่ายทอดสดการสอบเข้ามหา’ลัยตามเมืองของตัวเอง
“พ่อ แม่ ในอนาคตผมอยากเป็นผู้ปลุกพลัง !”
“ในอดีตพ่อก็เคยเข้าไปในหอฝึกฝนมาแล้ว”
“พ่อ พ่อ พ่อไปถึงชั้นไหน ?”
“เหมือนจะ....ชั้น 3...”
“ชิ...เกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับเข้ามหา’ลัยคือชั้น 10 พ่อนี่ขี้แพ้จริง ๆ เลย...”
“ลูกรัก ช่วยไว้หน้าพ่อสักหน่อยเถอะ ....”
“ฮ่าฮ่า เจ้าหนู นายนี่น่ารักจริง ๆ ...”
ใบหน้าอันน่ารักของปิงปิงกลับมาในกล้องอีกครั้ง เธอพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ปีนี้เมืองปิ้นไห่ของเรามีผู้ปลุกพลังระดับ S อยู่หลายคน เมื่อ 10 วันก่อน สถานีโทรทัศน์ของเราได้สัมภาษณ์พวกเขาและได้ทำการโหวตสำหรับผู้ปลุกพลังหน้าใหม่...”
“ตอนนี้ผลโหวตออกมาแล้ว !”
ปิงปิงกระแอมและประกาศออกมา “อันดับ 1 ของผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ของเมืองปิ้นไห่คือมู่หรงเสวี่ยเหินจากเขตตงไห่ของเมืองปิ้นไห่ !”
มีภาพของคนคนหนึ่งถูกฉายขึ้นมาบนจอ
เธอมีผมสีเงิน, ใบหน้างดงาม และมีตาสีทองราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้ในดวงตา
“มู่หรงเสวี่ยเหิน อายุ 17 ปี ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ของเมืองปิ้นไห่ จากโรงเรียนแห่งที่ 2 !”
“อาชีพที่ปลุกพลังขึ้นมาได้คือ....ทูตสวรรค์ !”