บทที่ 64 ขวดรุ้งหิมะ
จางเนี่ยนชวนและฉู่ฉินได้ฟังแล้วก็ใช้สรรพวิชาที่มี มาช่วยลู่ฉางเฟิงต่อสู้กับหมาป่าปีศาจ
ผ่านการโจมตีเข้าฆ่าของหมาป่าปีศาจมา จางเนี่ยนชวนระมัดระวังตัวขึ้นมาก รักษาระยะห่างในระดับที่ปลอดภัย ควบคุมดาบบินปั่นป่วนหมาป่าปีศาจ
ไม่ไกลออกไป หลินหานกับเช่อชิงชิงก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ใช้อาวุธวิญญาณคอยควบคุมหมาป่าปีศาจเช่นกัน
ถึงแม้เช่อชิงชิงจะอยู่ขั้นฝึกปราณชั้น 2 แต่อาวุธวิญญาณของนางก็ถือว่าใช้ได้ คือขวดรุ้งสีม่วงขั้นที่ 1 ระดับกลาง มีชื่อว่าขวดรุ้งหิมะ
ขวดรุ้งหิมะใบนี้ ไม่เพียงพ่นแสงสีม่วงออกมาได้ สร้างพลังกดดันควบคุมความเร็วของศัตรู ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง แต่ยังใช้วิชาใบมีดลมโจมตีป้องกันตัวได้อีกด้วย
ปากขวดรุ้งหิมะส่องแสงวาบ ดูเหมือนฝันเหมือนมายา ส่องแสงสีม่วงกว้างใหญ่ตรงไปยังตัวหมาป่าปีศาจอย่างแม่นยำ
อยู่ในแสงสีม่วงนั้น หมาป่าปีศาจรู้สึกเหมือนติดอยู่ในโคลน การเคลื่อนไหวช้าลงไปหลายส่วน
แต่ประสิทธิภาพก็มีแค่นี้แหละ
เช่อชิงชิงถึงแม้จะใช้พลังวิญญาณเยอะเพื่อลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของหมาป่าปีศาจ แต่ตอนนี้ความเร็วของมันก็ยังไม่ได้ช้าลง ยังหลบการโจมตีบางส่วนได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนเดิม
"เช่อชิงชิง รักษาการควบคุมของอาวุธวิญญาณเอาไว้!"
ในฐานะตัวแทนของขบวนหน้า และเป็นผู้นำทีมด้วย พอเห็นเช่อชิงชิงใช้อาวุธวิญญาณได้ผลอยู่บ้าง ลู่ฉางเฟิงก็รีบสั่งทันที
หลังจากได้สัมผัสกับความแข็งแกร่งในการป้องกันของชุดเกราะทองคำด้วยตัวเอง การลงมือของเขาก็ไร้ความลังเลอีกต่อไป
ฝักดาบเพลิงในมือเขาแสดงความยิ่งใหญ่ เปิดปิดอยู่ตลอด ปล่อยพลังกระบี่เพลิงออกมาไม่หยุด ฟาดเข้าใส่หมาป่าปีศาจอย่างไม่ขาดสาย
ในป่าเต็มไปด้วยความโกลาหล เสียงหมาป่าคำรามดังสนั่น เป็นระยะๆก็มีเสียงต่อสู้ดังกระหึ่ม
ห้าคนร่วมมือกัน จัดการหมาป่าลายม่วงตัวนี้ ไม่น่าจะต้องใช้แรงมากนัก
การต่อสู้ดำเนินมาเพียงหนึ่งร้อยกว่ารอบ หมาป่าปีศาจเริ่มรู้สึกว่าสู้ต่อไม่ไหว ความเร็วก็ช้าลงเรื่อยๆ
มันสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่ฝ่ายตรงข้ามทั้งหลายส่งมา ด้วยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด จึงไม่คิดจะสู้แบบเอาเป็นเอาตายอีกต่อไป โดยไม่สนใจป่าไผ่หยกเขียวด้วยซ้ำ
โฮ่ววว!
คำรามอย่างดุดัน พร้อมกับความไม่พอใจและความโกรธแค้น หมาป่าปีศาจสลัดพ้นการควบคุมของขวดรุ้งหิมะ หันหลังวิ่งมุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ อยากจะหนีเข้าไปในป่าลึก
"ห้ามปล่อยเสือคืนเขา!"
แต่ลู่ฉางเฟิงไม่มีท่าทีจะปล่อยให้มันหนีไปง่ายๆ
ความแค้นก่อตัวขึ้นแล้ว เขาไม่อยากเห็นตอนที่กำลังขุดไผ่หยกเขียวอยู่ หมาป่าปีศาจตัวนี้จะวกกลับมาแก้แค้น หรือไปเรียกพวกมาช่วยล้างแค้น
ถึงตอนนั้นจะรับมือยากแน่
ถ้าสังหารได้ก็พยายามสังหารไปเลย ศพของมันมีของมีค่าหลายอย่างที่นำไปทำอาวุธวิญญาณได้
เช่นกรงเล็บคู่นั้น เมื่อกี้ปะทะกับพลังกระบี่เพลิงแต่ไม่เป็นอะไรเลย ลู่ฉางเฟิงเห็นชัดเจนกับตาเลยล่ะ
ได้รับคำสั่งจากลู่ฉางเฟิง หลินหานกับพวกก็เข้าใจถึงความหมายของเขา ไหนจะกล้าปล่อยให้หมาป่าปีศาจหนีไป ทุกคนใช้อาวุธวิญญาณเข้าขัดขวางสกัดกั้น
เช่อชิงชิงทั้งที่พลังจำกัด ใช้ขวดรุ้งหิมะควบคุมหมาป่าปีศาจไม่หยุด พลังวิญญาณก็ใช้ไปเกินครึ่งแล้ว ตอนนี้พอเห็นหมาป่าปีศาจหนีตาย นางก็ฝืนรวบรวมแรงสุดท้าย ไม่สนใจว่าพลังวิญญาณจะหมดไปแค่ไหน
ปากขวดรุ้งหิมะเปล่งแสงเจิดจ้า ส่องแสงสีม่วงออกไปกว้างใหญ่ ราวกับตะเกียงส่องนำทาง ส่องไปที่ตัวหมาป่าปีศาจอย่างแม่นยำ
อยู่ในวงแสงสีม่วงอีกครั้ง หมาป่าปีศาจก็รู้สึกเหมือนโดนพลังกดดัน ทำให้ความเร็วในการวิ่งช้าลงมาอีก
ในตอนที่หมาป่าปีศาจกำลังตื่นตระหนกไม่เลือกทาง ความเร็วก็ลดลง ถือเป็นโอกาสที่จะทุ่มเททุกอย่างแล้ว ลู่ฉางเฟิงก็ไม่สนแล้วว่าจะเป็นการจู่โจมหรือไม่
เขารอจังหวะพอดี แล้วเปิดฝักดาบเพลิงออกอีกครั้ง พุ่งพลังกระบี่เพลิงหกสายออกไป ฟันเข้าใส่หมาป่าปีศาจโดยตรง
ครั้งนี้ เนื่องจากหมาป่าปีศาจมีแต่ความคิดที่จะหนีตาย ความสนใจก็ถูกดึงไปที่การโจมตีขัดขวางของหลินหานทั้งสาม จึงไม่ทันสังเกตการโจมตีของลู่ฉางเฟิง
เมื่อรู้ตัวว่าพลังกระบี่เพลิงกำลังจะมาถึงตัว ก็ใกล้เข้ามาจนจวนตัวแล้ว ถึงแม้หมาป่าปีศาจจะพยายามต่อสู้ขัดขืน อาศัยความคล่องตัวหลบหลีก แต่ครั้งนี้ก็ช้าเกินไปแล้ว
สู้ไม่ไหวตั้งแต่แรก แถมยังถูกขวดรุ้งหิมะควบคุมไว้ ทำให้ความเร็วลดลงไปมาก พลังกระบี่เพลิงหกสายก็ฟาดเข้าใส่มันถึงห้าสาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสในพริบตา คำรามด้วยความเจ็บปวดและโกรธแค้น
แม้ว่าจะโดนโจมตีเข้าเป้า แต่ก็มีอีกหนึ่งสายที่พลาดเป้าไป
แต่หมาป่าปีศาจตัวนี้มีหนังหนาเนื้อแน่น การป้องกันก็ไม่อ่อนด้วย ไม่ถึงกับตายในครั้งเดียว แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในสภาพบาดเจ็บหนัก มันยังไม่สลบ ยังลุกขึ้นวิ่งและกระโดดได้อยู่
เดาได้ว่าหมาป่าปีศาจมีชีวิตชีวาอึด โจมตีเข้าครั้งเดียวอาจไม่พอจะเอาชีวิตมันได้ ลู่ฉางเฟิงจึงไม่รอช้า ฝักดาบเพลิงก็เปิดปิดอย่างดุดัน ปล่อยพลังกระบี่เพลิงหกสายจู่โจมหมาป่าปีศาจอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน จางเนี่ยนชวนสี่คนเห็นจังหวะก็ลงมือทันที ต่างใช้อาวุธวิญญาณเล็งใส่หมาป่าปีศาจ กลายเป็นการจู่โจมแบบรวมพลังกันเลยทีเดียว
พลังกระบี่เพลิง รวมกับดาบบินสองเล่ม ใบมีดลมที่ขวดรุ้งหิมะส่งออกมา ครอบคลุมพื้นที่กว้างจนหมาป่าปีศาจหลบไม่พ้น
เพราะบาดเจ็บจึงทำให้พลังต่อสู้ลดลงมาก หมาป่าปีศาจจะหลบการโจมตีครั้งนี้ได้อย่างไร
หากเป็นตอนที่สภาพดียอยู่ ด้วยความได้เปรียบทางเผ่าพันธุ์ ความเร็วคล่องแคล่ว อาจจะดิ้นรนสักหน่อย แล้วหนีรอดไปได้ แต่ในเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้วแน่ๆ
วินาทีถัดมา การโจมตีของทุกคนก็ถาโถมลงมา ทั้งหมดกระแทกลงบนร่างของหมาป่าปีศาจอย่างจัง ทำให้มันส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดอีกไม่กี่ครั้ง แล้วก็หมดลมหายใจไปอย่างรวดเร็ว
ศึกครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนถึงได้ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
เช่อชิงชิงยังคงระแวดระวังตัว ใช้ขวดรุ้งหิมะฟันเพิ่มไปที่ซากหมาป่าปีศาจอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่มีโอกาสโต้กลับได้อีก
"ครั้งนี้ต้องขอบคุณทุกคนมาก พวกเราพักผ่อนสักหน่อย เติมพลังวิญญาณ จากนั้นค่อยขุดไผ่หยกเขียวออกมา บรรทุกใส่รถม้าไป"
ลู่ฉางเฟิงมองขวดรุ้งหิมะในมือเช่อชิงชิงอีกครั้ง
อาวุธวิญญาณชิ้นนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเช่อชิงชิงใช้ และเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฝีมือของเช่อชิงชิงด้วย
แต่เดิมคิดว่าเด็กสาวคนนี้อ่อนแอ ไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ ไม่คิดว่าอาวุธในมือนางจะดีทีเดียว ครั้งนี้ก็ช่วยได้ไม่น้อยเลย
เช่อชิงชิงกับหลินหานได้ยินดังนั้น ก็เก็บอาวุธวิญญาณทันที แล้วนั่งขัดสมาธิ ฟื้นฟูพลังวิญญาณ
ลู่ฉางเฟิงมองสำรวจศพหมาป่าปีศาจ แล้วก็มองไปที่ฉู่ฉิน
"ฉู่ฉิน เจ้าเก็บศพให้เรียบร้อยล่ะ หมาป่าลายม่วงตัวนี้ทิ้งเสียของ เนื้อสัตว์ปีศาจขั้นที่ 1 มีผลบำรุงร่างกาย เอากลับไปนิกายทำเป็นอาหาร เป็นประโยชน์ต่อการฝึกตน"
"กรงเล็บ หนังหมาป่าของมันก็สามารถนำไปเป็นวัตถุดิบหลอมอาวุธได้ น่าจะทำอาวุธวิญญาณขั้นที่ 1 ได้สองสามชิ้น กลับไปให้ผู้อาวุโสจือเวยดูสักหน่อย..."
ลู่ฉางเฟิงสั่งอยู่สองสามประโยค แล้วนั่งขัดสมาธิฟื้นฟูพลัง เริ่มรีบเร่งเติมพลังวิญญาณที่ใช้ไป
คนที่เหลือก็ไม่พูดอะไร รีบเร่งฟื้นฟูร่างกายเช่นกัน
ราวครึ่งชั่วยามต่อมา ทุกคนก็ฟื้นฟูได้แปดเก้าส่วน มองดูท้องฟ้าเวลาเที่ยง ก็ไม่อยากรอช้าอีกต่อไป
การขุดไผ่หยกเขียวใส่รถ น่าจะใช้เวลาทั้งบ่าย พยายามอย่าให้ล่าช้าจนถึงตอนกลางคืน ใครจะรู้ว่าถึงตอนกลางคืน บนภูเขาดำจะมีสัตว์ปีศาจอื่นโผล่มาอีกหรือเปล่า
ยิ่งน้อยเรื่องยิ่งดี ถ้าสามารถนำไผ่หยกเขียวกลับไปได้เร็วที่สุดก็ยิ่งดี
ทุกคนมาถึงป่าไผ่หยกเขียว เห็นไผ่วิเศษเป็นทิวแถว ส่วนใหญ่สูงกว่าสิบเมตร รวมตัวกันเป็นทะเลไผ่ขนาดย่อมสีเขียวอ่อน
ไผ่หยกเขียวแตกต่างจากไผ่ทั่วไป เนื้อไผ่อุดมไปด้วยพลังปราณ ทั้งต้นมีสีเขียวอ่อนดุจหยก แวววาวใส สวยงามมาก
ในป่าไผ่ มองเห็นหน่อไผ่ขนาดเท่าหน่อไผ่ทั่วไปที่กำลังแทงหน่อขึ้นมาอยู่หลายต้น เปลือกหน่อมีสีน้ำตาลอ่อนห่อหุ้ม
มองเห็นหน่อไผ่กว่าสิบต้น และไผ่หยกเขียวอีกกว่าร้อยต้น ทั้งห้าคนก็ยิ้มแย้มด้วยความดีใจ
การปราบหมาป่าครั้งนี้ไม่ได้เสียเปล่าเลยจริงๆ