ตอนที่แล้วบทที่ 61 ปรมาจารย์ปิดตัวฝึกตน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 63 พลังกระบี่เพลิงกล้า เกราะวิเศษอวดเดช

บทที่ 62 บุกภูเขาดำ ล้อมล่าหมาป่าปีศาจ


ในตำหนักใหญ่ของนิกายชิงซาน

ศิษย์น้องกว่ายี่สิบคนมาชุมนุมกัน

เพื่อให้พร้อมสำหรับการย้ายและปลูกไผ่หยกเขียว ลู่หยวนซานจึงเรียกเช่อชิงชิงมาร่วมด้วย

เมื่อศิษย์น้องได้ยินจากปากของลู่หยวนซานว่า นิกายได้ค้นพบป่าไผ่หยกเขียว พวกเขาก็คิดถึงประโยชน์ของไผ่หยกเขียวได้ในทันที

ไผ่หยกเขียวเองสามารถนำมาหลอมสร้างอุปกรณ์ได้ ส่วนหน่อไผ่เมื่อกินเข้าไปก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย จุดประสงค์ที่นิกายจะย้ายไผ่หยกเขียวกลุ่มนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว

มีประโยชน์แก่นิกายและทุกคนอย่างแน่นอน

เช่อชิงชิงอาสาสมัครเป็นคนแรก แสดงความเต็มใจที่จะไปภูเขาดำ เพื่อนำไผ่หยกเขียวกลุ่มนั้นกลับมา

ในฐานะที่เป็นศิษย์หลอมยาของนิกาย เข้าใจความรู้เรื่องสมุนไพรและพืชวิญญาณมากมาย ไม่มีใครจะเหมาะสมไปกว่านางในการขุดและย้ายไผ่หยกเขียวกลับมาที่นิกายอีกแล้ว

หากไม่ให้นางไป ศิษย์น้องคนอื่นก็ไม่ค่อยรู้วิธีขุดไผ่หยกเขียวอย่างถูกต้องนัก ถ้าไม่ระวังให้ดี ยังไม่ทันนำกลับมาที่นิกายก็อาจเสียหายไปซะก่อน

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องให้เช่อชิงชิงไปด้วย

ส่วนเรื่องการดูแลสวนยา ก็ต้องฝากไว้กับหลี่เหวยเซียวชั่วคราว

โชคดีที่หลังจากลู่ผิงออกอุบายให้หลี่เหวยเซียวเข้ามาเป็นศิษย์ของเช่อชิงชิง เด็กหนุ่มคนนี้ผ่านการเรียนรู้ในช่วงนี้มา เขาก็พอจะสามารถดูแลสวนยา บริหารจัดการเองได้หนึ่งถึงสองเดือน แม้จะลำบากไปบ้าง

ส่วนเช่อชิงชิงก็จะได้มีโอกาสห่างจากสวนยาไประยะหนึ่ง เพื่อไปช่วยนิกายย้ายไผ่หยกเขียวที่ภูเขาดำ

"ชิงชิง เจ้าน่าจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับไผ่หยกเขียวดี รู้วิธีขุดและย้ายปลูก ครั้งนี้ต้องขอให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยไปด้วยแล้ว"

"นี่ก็เป็นเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาด้วยนะ ส่วนเรื่องสวนยา ฝากไว้กับเด็กหนุ่มเหวยเซียวไปก่อน ข้าจะคอยดูแลเป็นระยะด้วย"

เมื่อเห็นเช่อชิงชิงตกลงจะไปภูเขาดำ ลู่หยวนซานก็ยิ้มอย่างปลื้มใจ

"อีกเรื่องหนึ่ง บนภูเขาดำมีหมาป่าลายม่วงตัวหนึ่งคอยเฝ้าไผ่หยกเขียวอยู่ หมาป่าตัวนี้มีกำลังประมาณขั้นฝึกปราณระดับ 7"

"แค่เช่อชิงชิงเพียงคนเดียว ยังไม่เพียงพอจะสู้กับหมาป่าตัวนั้น ทุกอย่างต้องระวังไว้ให้มาก ยังมีศิษย์น้องท่านใดอีกบ้างที่ยินดีจะไป"

ลู่หยวนซานมองสำรวจไปที่ศิษย์น้องทั้งหลาย

เขารู้ดีถึงความสำคัญของเช่อชิงชิง ภารกิจครั้งนี้จำเป็นต้องให้นางมีส่วนร่วม นิกายหวังไว้ว่านางจะช่วยลู่ฉางเฟิงนำไผ่หยกเขียวกลับมา

ส่วนคนอื่นๆ ก็แล้วแต่ศิษย์น้องจะสมัครใจแล้วกัน

"หมาป่าลายม่วง..."

"หมาป่าขั้นฝึกปราณระดับ 7 ข้าที่ขั้นฝึกปราณระดับ 3 นี่สู้ไม่ได้แน่ๆ"

"ศิษย์พี่จาง ท่านถึงขั้นฝึกปราณปลายแล้วนี่ ไม่ลองไปหน่อยหรือ?"

"ข้าว่าศิษย์พี่ฉู่ก็ควรจะลองไปนะ"

เหล่าศิษย์น้องต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน บางคนพูดถึงจางเนี่ยนชวนกับฉู่ฉิน

จางเนี่ยนชวนเป็นศิษย์ของลู่จือเวย มีกำลังถึงขั้นฝึกปราณระดับ 6

ส่วนฉู่ฉินแม้จะไม่ใช่ศิษย์ของผู้อาวุโส แต่มีพรสวรรค์ไม่เลว เป็นพรสวรรค์คู่น้ำทองคำ อายุราวๆเดียวกับจางเนี่ยนชวน ประมาณ 28-29 ปี มีกำลังฝึกปราณถึงระดับ 5

ลู่หยวนซานรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จึงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

"ด้านกำลังความสามารถ ผู้ที่จะไปควรมีกำลังราวๆขั้นฝึกปราณระดับ 5-6 นอกจากนี้ อาจารย์ลุงฉางเฟิงได้ตอบตกลงเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน ว่าจะนำพวกเจ้าไปด้วย เรื่องความปลอดภัยไม่ต้องกังวลมาก"

ก่อนที่จะเรียกศิษย์น้องมาชุมนุมกัน ลู่หยวนซานได้แจ้งให้ลู่ฉางเฟิงและลู่จือเวยรู้ถึงสองภารกิจนอกนิกาย คือการย้ายไผ่หยกเขียวกับการกำจัดอสูรพายุทราย

เมื่อได้ยินว่าท่านพ่อลู่ผิงจะปิดตัวฝึกตนหนึ่งปี และมอบหมายสองภารกิจให้นิกายจัดการก่อนปิดตัว ลู่ฉางเฟิงนึกถึงกล่องดาบเพลิงกับชุดเกราะทองคำที่ตนได้รับมาไม่นาน ก็อดใจไม่ไหวอยากจะลองของ

เขากระหายที่จะได้ลงมือสู้เพื่อทดลองความแข็งแกร่งของอาวุธชุดใหม่

ดังนั้น จึงรับอาสาทำภารกิจย้ายไผ่หยกเขียวทันที อยากจะนำศิษย์น้องไปภูเขาดำ เพื่อกำจัดหมาป่าลายม่วงตัวนั้น

เมื่อลู่ฉางเฟิงเป็นหัวหอก ก็มีศิษย์น้องอาสาตามอย่างรวดเร็ว

ไม่แน่ว่าคนที่ไปทำภารกิจครั้งนี้ อาจจะมีโอกาสได้หน่อไผ่หยกเขียวสักหนึ่งสองต้น หรืออาจจะได้รับกระบี่ไผ่เขียวในชุดแรกๆด้วยซ้ำ

ต้องรู้ไว้ว่า ในนิกายนี้มีผู้อาวุโสลู่จือเวยอยู่

นางเป็นผู้หลอมสร้างอาวุธ เห็นสีหน้าของนางดูดีขึ้นมากแล้ว ไม่เหมือนตอนก่อนที่เหม่อลอยไร้จุดหมาย คงจะก้าวผ่านเงาหมองของการสร้างรากฐานในอดีตมาได้แล้ว หากนำไผ่หยกเขียวกลับมาได้ การหลอมสร้างกระบี่ไผ่เขียวโดยนิกายเองไม่ใช่ปัญหาเลย

ปัญหาอย่างมากก็คือไผ่หยกเขียวอาจมีจำนวนไม่มากนัก กระบี่ไผ่เขียวที่หลอมขึ้นชุดแรกจะมีจำนวนจำกัด ต้องแข่งขันกันสักหน่อยเพื่อให้ได้สิทธิ์ครอบครอง

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องทีหลังค่อยว่ากัน ไม่ต้องคิดมากไปก่อน ขอแค่มีส่วนร่วมในภารกิจก็พอ

บรรยากาศการรับสมัครค่อนข้างคึกคัก มีศิษย์น้องสมัครเข้าร่วมรวมสิบคน

ลู่หยวนซานคัดกรองจำนวนคนแล้ว ตัดสินใจว่าจะไม่ส่งคนออกไปมากขนาดนั้น

สุดท้ายเลือกให้เช่อชิงชิง ฉู่ฉิน จางเนี่ยนชวน หลินหาน ทั้งสี่คนไปด้วย เพื่อช่วยเหลือลู่ฉางเฟิง

กำลังความสามารถของศิษย์น้องทั้งสี่ ยกเว้นเช่อชิงชิงที่เป็นขั้นฝึกปราณระดับ 2 คนอื่นๆล้วนมีกำลังเหนือระดับฝึกปราณระดับ 4 ขึ้นไป ถึงแม้อาจยังไม่ถึงขั้นสามารถสังหารหมาป่าลายม่วง แต่อย่างน้อยก็มีกำลังป้องกันตัวได้ส่วนหนึ่ง และช่วยลู่ฉางเฟิงนำไผ่หยกเขียวกลับมาได้

เมื่อเรื่องนี้ลงตัวแล้ว ภารกิจนอกนิกายอีกอย่างหนึ่ง ลู่หยวนซานตัดสินใจว่าจะจัดการภายหลังจากที่ทุกคนย้ายไผ่หยกเขียวกลับมาก็ไม่สาย

เตรียมกำลังคนและของที่จำเป็นให้พร้อม ลู่ฉางเฟิงพาทุกคนออกเดินทางในวันที่สาม

ก่อนที่จะออกเดินทาง เพื่อให้การขนย้ายไผ่หยกเขียวมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลู่หยวนซานยอมเสียหกชิ้นหินวิญญาณเพื่อเช่าอสูรเหยียบเมฆมาสามตัว

ก่อนหน้านี้ตอนส่งข้าววิญญาณไปที่ตลาดชิงเหอ นิกายก็เคยเช่าอสูรเหยียบเมฆมาช่วยขนส่ง ไม่เพียงทำให้การเดินทางรวดเร็วขึ้น แต่ด้วยความเร็วของอสูรเหยียบเมฆ ยังหลบหนีการปล้นสะดมของกลุ่มนักพรตนอกคอกไปได้อีกด้วย

เรื่องนี้ ลู่ฉางเฟิงเคยเล่าให้ลู่หยวนซานฟังตอนกลับมาถึงนิกายแล้ว

ดังนั้นครั้งนี้ กังวลว่าจะเกิดเรื่องระหว่างทางจนไม่สามารถทำภารกิจที่ลู่ผิงมอบหมายให้สำเร็จ ลู่หยวนซานไม่กล้าประมาทหรือคิดหวังโชคใดๆ

นิกายตอนนี้ยังพอมีเสบียงเหลืออยู่บ้าง เงินที่ควรใช้ก็ต้องไม่ตระหนี่

ทุกคนขึ้นหลังอสูรเหยียบเมฆ ตลอดทางก็ไม่กล้าหยุดพัก มุ่งหน้าไปยังทิศเหนือของเขตหลูซาน ทางทิศที่ตั้งของภูเขาดำ

พวกเขาเคลื่อนที่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าข่าวจะไม่รั่วไหล ไม่เปิดโอกาสให้นิกายหรือนักพรตอื่นที่ทราบข่าว เข้ามาที่ภูเขาดำก่อนแล้วขนไผ่หยกเขียวไปเสียก่อน

เผื่อเหลือเผื่อขาด หากสามารถปกปิดภารกิจและทำให้สำเร็จโดยเร็วได้ยิ่งดี

ทั้งนิกายต่างลุ้นระทึก รอคอยไผ่หยกเขียวกลุ่มนี้ย้ายกลับมาที่นิกาย

ก่อนที่ลู่ฉางเฟิงจะออกเดินทางหนึ่งวัน เช่อชิงชิงถึงกับเลือกพื้นที่อย่างดีไว้ที่หนึ่ง เตรียมพร้อมสำหรับการย้ายปลูกไผ่หยกเขียวทันทีที่ทุกคนกลับมาอย่างมีชัย

ด้วยความช่วยเหลือของอสูรเหยียบเมฆ ในวันที่สามของการเดินทาง พวกเขาก็มาถึงภูเขาดำ

ภูเขาดำตั้งอยู่ทางเหนือของนิกายชิงซาน อยู่ทางสุดเหนือของเขตหลูซาน ติดกับเทือกเขาอู่หมงซาน

ที่นี่อยู่ห่างไกลความเจริญ แทบไม่มีสัตว์ป่าหรือนก รอบๆก็ไม่มีเมืองหรือผู้คน นับเป็นพื้นที่ที่ไร้ผู้คนโดยสิ้นเชิง

หลังจัดการเก็บซ่อนอสูรเหยียบเมฆอย่างดี ใช้สิ่งของรอบกายเล็กน้อยเพื่อปกปิดอสูรทั้งห้า ทุกคนจึงเริ่มปีนขึ้นไปบนภูเขาดำ

บนภูเขาดำนั้น ทิวทัศน์รกร้างว่างเปล่า ดูอ้างว้างเดียวดาย

ต้องปีนไปจนถึงกลางภูเขา จึงจะเริ่มพบความเขียวขจีบ้าง มีพืชพันธุ์ต้นไม้ที่เรียกชื่อไม่ถูกขึ้นอยู่บ้าง ต้นไม้ทั่วไปที่พบเห็นก็เช่น ต้นสน ต้นแอปริคอต เป็นต้น

ไผ่หยกเขียวเองก็ตั้งอยู่ใกล้ยอดเขา ซ่อนตัวอยู่ในป่าต้นสนหนาทึบแห่งหนึ่ง

หลังจากค้นหากันนานกว่าหนึ่งชั่วยาม ลู่ฉางเฟิงทั้งห้าก็พบที่ตั้งของไผ่หยกเขียว และพบหมาป่าลายม่วงที่คอยเฝ้าป่าไผ่อยู่ด้วย

หมาป่าลายม่วงมีรูปร่างใหญ่โต บนตัวเต็มไปด้วยลายม่วง กำลังความสามารถอยู่ในระดับขั้นฝึกปราณระดับ 7

เพราะมีรูปร่างคล่องแคล่วว่องไว พละกำลังระเบิดสูง นับรวมหางด้วยแล้วมีความยาวใกล้ถึงสองเมตร นักพรตระดับเดียวกันทั่วไปเจอเข้าไปคงสู้ไม่ได้แน่

หมาป่าตัวนี้ยึดครองภูเขาดำทั้งลูก ถือตัวว่าเป็นราชาที่นี่ สัตว์ป่าปีศาจตัวอื่นๆแถบนั้นไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่งด้วย มันเป็นจ้าวป่าที่เก่งกาจ

มีสัตว์ร้ายตัวใหญ่ขนาดนี้เฝ้าไผ่หยกเขียวอยู่ หากอยากแตะต้องป่าไผ่แห่งนี้ ก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหมาป่าตัวนี้ได้

ก่อนที่ทุกคนจะได้ลงมือ หมาป่าลายม่วงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมนุษย์ นัยน์ตาคู่นั้นเปล่งประกายดุดันสีม่วงเข้ม

มันเคลื่อนไหวเงียบเชียบ ซ่อนกายอยู่ในป่ารกทึบ ด้วยสัญชาตญาณการล่าของสัตว์ดุร้าย มันจึงเป็นฝ่ายโจมตีพวกลู่ฉางเฟิงก่อนด้วยการจู่โจมอย่างกระทันหัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด