บทที่ 26 เรามาพนันกันดีหรือไม่
บ่อนพนันหยกเขียวนั้นตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองฉีซาน ซึ่งเป็นบ่อนการพนันที่ใหญ่ที่สุดก็ว่าได้!
มันเป็นสถานที่ที่มีบรรดากองกำลัง และผู้มีอิทธิพลมากมายจากหลายเมือง เข้าไปเล่นพนันกันที่นั่น
ดังนั้น บ่อนการพนันจึงมีกำไรมหาศาล และถือว่านี่เป็นกิจการหลักที่มีกำไรของตระกูลฉีก็ว่าได้
เมื่อหลัวเฉิงและหลัวอวิ๋นมาถึงบ่อนพนันหยกเขียว ที่นั่นก็เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากแล้ว
ในฝูงชนจำนวนมากนั้น มีคนอยู่สองกลุ่มกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ขณะนี้
“คุณชายหลิน โปรดปล่อยคุณชายหลัวฉีกลับไปเถิด พวกเราตระกูลหลัวย่อมมีทางออกสำหรับเรื่องเงินอยู่แล้ว”
ชายชราในชุดสีเทากล่าวอย่างสงบ และมียามหลายคนของตระกูลหลัวติดตามเขามาขณะนี้
หลัวเฉิงรู้จักชายชราผู้นี้เป็นอย่างดี เขามีแซ่ฉิน ซึ่งเป็นพ่อบ้านภายใต้บังคับบัญชาของลุงเขาหลัวเหิง
อีกด้านหนึ่งที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพ่อบ้านฉิน ซึ่งผู้นำคือหลินเซียวนายน้อยแห่งตระกูลหลิน ถัดจากเขาคือปีศาจน้อยฉีตงแห่งตระกูลฉี
ใบหน้าด้านขวาของฉีตงยังคงบวมเล็กน้อย เขายังไม่หายดีจากการที่หลัวเฉิงตบหน้าเขาในวันนั้น
หลัวฉีก้มศีรษะลงและยืนอยู่ข้างๆ หลินเซียว เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขายุ่งเหยิง ทั่วทั้งร่างดูโทรมมากในขณะนี้
“ฮ่าฮ่า ข้ายังคงยืนยันเช่นเดิม จะส่งเงินมาแต่โดยดี หรือจะให้เขาใช้หนี้ด้วยแขนข้างหนึ่งก็ตามใจพวกท่าน”
หลินเซียวยกสัญญาหนี้ของหลัวฉีขึ้นมาสะบัด ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มประหนึ่งล้อเล่น
“เป็นไปได้งั้นหรือที่ตระกูลหลัว ซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ในเมืองฉีซาน จะไม่มีปัญญาแม้แต่จะเอาเงินเพียงเล็กน้อยนี้ออกมากระนั้นหรือ”
ฉีตงตะโกนด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ตระกูลหลัวช่างไร้ยางอายไม่สมกับนามสามตระกูลใหญ่ ต่อจากนี้ไปข้าคิดว่าคงต้องเหลือเพียงสองตระกูลใหญ่แล้วกระมัง!”
พ่อบ้านฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยสีหน้าไม่พอใจยิ่ง ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“ตระกูลหลัวของเรา ย่อมไม่มีปัญหากับการจ่ายเงินเพียงเล็กน้อยนี้อยู่แล้ว”
เสียงก้องดังฟังชัดนั้นเป็นเสียงของหลัวเฉิง ผู้กำลังเดินผ่านฝูงชนแล้วก้าวเข้ามา
“หลัวเฉิง!” ฉีตงปล่อยเสียงคำรามต่ำในลำคอ
เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาคือหลัวเฉิง ฉีตงก็ยกมือขึ้นแตะแก้มขวาที่ยังบวมด้วยสีหน้าโกรธแค้น
“เจ้ากล้าดียังไงถึงมาที่นี่!”
ฉีตงจ้องไปยังหลัวเฉิงด้วยสายตาราวกับจะกลืนกินเขาทั้งเป็น!
บรรดาศิษย์ของตระกูลหลินและฉี ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างมีแววตาเย็นชา
เพราะคนในตระกูลของพวกเขา ถูกทำร้ายโดยคนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเตี๊ยมจุ้ยอวิ๋นเชวี่ยนั้น อาจกล่าวได้ว่ามันสร้างความอับอายให้สองตระกูลใหญ่มิใช่น้อย
“หลัวเฉิง…”
หลัวฉีเงยหน้าขึ้นและมองไปยังหลัวเฉิงด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้ที่มาในครานี้จะเป็นหลัวเฉิง
หลัวเฉิงยังคงเดินตรงไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ทันบรรลุถึงหลัวฉี ก็ถูกหลินเซียวหยุดไว้ก่อน
หลินเซียวยกสัญญาหนี้ของหลัวฉีขึ้นมา จากนั้นเหยียดยิ้มกล่าวว่า “ช้าก่อนคุณชาย ทั้งหมดสามแสนแปดหมื่นตำลึง จงจ่ายมาแต่โดยดี”
“สามแสนแปดหมื่นตำลึง…” หลัวเฉิงถึงกับชะงัก
เขาไม่คิดเลยว่า หลัวฉีจะกล้าทำถึงขนาดนี้ นี่เป็นรายได้เกือบครึ่งหนึ่งของตระกูล!
ใบหน้าของหลัวฉีพลันแสดงความขุ่นเคือง เขามองไปยังหลินเซียวแล้วตวาดด้วยความโกรธ
“ข้าไม่ได้เสียพนันมากมายถึงขนาดนี้ ตอนนั้นข้าเมามาก พวกเจ้าต้องรวมหัวกันกลั่นแกล้งข้า หลินเซียวเจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”
“ฮ่าฮ่า หลัวฉี เป็นบุรุษอย่าคิดใส่ร้ายผู้อื่น... อักษรที่เขียนอยู่บนสัญญาแผ่นนี้ เจ้าล้วนเขียนเองทั้งหมด” ริมฝีปากของหลินเซียวโค้งงอด้วยความภาคภูมิใจ
จากนั้นเขามองไปยังหลัวเฉิง แล้วยื่นแขนไปข้างหน้ากลางมือออกกล่าวว่า “รอช้าอยู่ไย รีบส่งเงินมา”
พ่อบ้านฉินที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็มองดูหลัวเฉิงด้วยสายตาประหลาดใจ
เท่าที่เขารู้มานั้น ตระกูลหลัวไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้ในคราเดียว
หลัวเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่”
“ไม่งั้นหรือ” หลินเซียวหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนแสงเย็นวาวจะประกายในดวงตาเขา
จากนั้นกล่าวด้วยท่าทางประหนึ่งล้อเล่นแต่ไม่ขัน “แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่? ล้อข้าเล่นงั้นหรือ?”
ปัง!
ฉีตงไม่อาจทนเฉยได้อีกต่อไป พลันปาดมือตบฉาดลงบนโต๊ะ แล้วตะโกนว่า “ไฉนเจ้าจึงกล่าววาจาไร้สาระเช่นนี้ เจ้าอยากถูกทุบตีกระนั้นหรือ!”
หลัวเฉิงเหลือบมองหลินเซียว ฉีตง และคนอื่นๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นเรามาพนันกันดีหรือไม่ ข้าจะให้เจ้าชกข้าสามหมัด ข้าจะวางเดิมพันด้วยเงินสามแสนแปดหมื่นตำลึง”
“หากเจ้าชกข้าสามครั้ง แล้วข้ายังยืนอยู่ได้ สัญญาหนี้ของหลัวฉีจะถือว่าจบกัน! หากข้าแพ้เดิมพัน ข้าจะจ่ายให้เจ้าเพิ่มอีกสามแสนแปดหมื่นตำลึง เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า”