ตอนที่แล้วตอนที่ 38 ตุ๊กตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 40 ลุงอู๋

ตอนที่ 39 ลางร้าย


"ขอให้เธอเจอสิ่งที่กำลังมองหาอยู่นะ" หญิงวัยกลางคนปิดประตู แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลง จากช่องว่างเพียงเล็กน้อยเกาหมิงพบเห็นฉากที่น่าขนลุก

ตุ๊กตากำลังปีนขี้นไปบนเก้าอี้และเริ่มกินบะหมี่อย่างหิวโหย ราวกับว่าข้างในตุ๊กตายักษ์นั้นมีคนซ่อนอยู่

"รีบเดินแล้วอย่าหันกลับไปมอง" ซวนเหวินกระซิบเตือนเกาหมิง พวกเขารีบเคลื่อนตัวออกห่างจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะหยุดลงหลังจากอยู่ห่างเกินสิบเมตร

'มีบางอย่างกำลังมองพวกเราอยู่?' เกาหมิงดีใจที่เขาพาซวนเหวินมาด้วย อพาร์ตเมนต์นี้ผิดปกติมากเกินไป

"ความผิดปกติที่นี่อาจแพร่กระจายไปแล้ว มันเติบโตเร็วเกินไป" ซวนเหวินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "เธอคนนั้นอาศัยอยู่กับผี! พวกมันเหมือนฉัน ไม่ถูกผูกมัดจากโลกเงา เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในระหว่างวัน!"

คำพูดที่หลุดออกมาจากปากซวนเหวินทำให้เกาหมิงถึงกับขนลุก

"ผีซ่อนตัวอยู่ในตุ๊กตานั่นหรือเปล่า?" ยิ่งเกาหมิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตัวสั่น "หลบอยู่ในตุ๊กตาซ่อนตัวจากแสง?"

"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ฉันแค่รู้สึกถึงบางอย่างเท่านั้น" ซวนเหวินตอบอย่างครุ่นคิด ก่อนเลื่อนสายตาไปทางว่านหยู "ดูเหมือนเขาจะเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นมัน"

เกาหมิงมองทางว่านหยู "เธอเห็นอะไร?"

ว่านหยูเล่าถึงสิ่งที่เขาเห็น เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย "มีดวงตาคู่หนึ่งอยู่ในตุ๊กตา มีเด็กสามคนอยู่บนเตียง คนหนึ่งถูกมัด มีขี้เถ้า ธูป และเมล็ดข้าวอยู่บนพื้น มีเครื่องรางอยู่ที่หลังประตู ผมที่อุดตันท่อระบายน้ำเป็นสีเหลือง แต่เด็กและแม่มีผมสีดํา...." ว่านหยูนับนิ้วของเขาแล้วพูดต่อ "ถุงพลาสติกในตู้มีบัตรประจําตัวของคนแปลกหน้า มีคราบเลือดที่ขอบหม้อหุงข้าว.... สิ่งที่หุงอยู่ไม่ใช่ข้าว"

จากนั้นชี้ไปที่ทางเชื่อม ที่นำไปสู่อาคารเอ "ที่นั่น... อันตรายมาก" ว่านหยูพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก ทุกอย่างที่นี่ทำให้เขารู้สึกกลัว

เมื่อซวนเหวินวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ "แม้จะอยู่ในช่วงเวลากลางวันและไม่มีเงา แต่ที่นี่ก็ยังน่ากลัวได้ขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าที่นี่เริ่มหลอมรวมเข้ากับโลกความเป็นจริงไปพอสมควรแล้ว" เธอยื่นข้อเสนอ "ทำไมเราไม่ออกไปก่อนล่ะแล้วหาเรื่องราวที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างแทนไหม?"

"มีคนกำลังเร่งกระบวนการอยู่ ถ้าเราไม่รีบหยุด เรื่องเล่านี้จะเกินควบคุม เราอาจจะสูญเสียทั้งหน่วยงานไป" เกาหมิงเป็นคนออกแบบเกมนี้และรู้ดีว่าเรื่องเล่านี้น่ากลัวแค่ไหน หากปล่อยให้มันเติบโตต่อไปทุกอย่างจะไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป หายนะจะมาเยือน

"มันยากที่จะทําให้เกิดความผิดปกติล่วงหน้า และยิ่งยากเข้าไปอีกที่จะให้อาหารมัน คนที่ทำสมองพวกเขายิ่งผิดปกติ" ซวนเหวินเดินเข้าหาเกาหมิง "ถ้าเราเข้ามาแทรกแซงที่นี่ ศัตรูที่ต้องเจอในคืนนี้จะไม่ใช่แค่เรื่องเล่านี้เท่านั้น แต่ยังเป็นพวกที่ป้อนอาหารมันด้วย พวกเขาสามารถระดมทรัพยากรและใช้ชีวิตคนจำนวนมากเพื่อให้อาหาร แสดงว่าต้องเป็นใครสักคนที่มีอํานาจมากในเขตตะวันออก แม้กระทั่งอาจจะเป็นคนในหน่วยงานของคุณด้วยซ้ำ!"

"ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ” เกาหมิงเห็นด้วยกับซวนเหวิน

"เหตุการณ์ผิดปกติปรากฏขึ้นครั้งแรกที่ซินลู่ ศูนย์สืบสวนมีข้อมูลมากมาย พวกเขาต้องรู้ว่าหลังจากที่ความผิดปกติเริ่มแพร่กระจาย เรื่องเล่าจะเริ่มมีอิทธิพลไม่เพียงแค่ตอนกลางคืน แต่เป็นตอนกลางวันด้วย แต่คุณลองดูสถานการณ์ตอนนี้สิ หลังจากที่ความผิดปกติเกิดขึ้นในอาคารเอ คนจำนวนมากยังคงได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัยอยู่ในอาคารบี"

ซวนเหวินวิเคราะห์สถานการณ์ "คุณคิดว่านี่เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ผู้คนไหม หรือเป็นอุบายที่ใช้ดึงดูดผู้คนให้เข้ามา"

โดยปกติเมื่อเรื่องราวสยองขวัญขยายตัวมาถึงขั้นนี้ถนนทั้งสายควรได้รับการเคลียร์ แต่กลับมีเพียงแค่อาคารเอเท่านั้นที่ถูกปิด ทางศูนย์หลักไม่ได้ส่งใครมาตรวจสอบหรือลาดตระเวนที่นี่ นั่นทำให้เหตุการณ์ทั้งหมดยิ่งดูผิดปกติ

"แล้วคุณคิดว่าตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงดี" เกาหมิงต้องการฟังความคิดเห็นของซวนเหวิน

"ถ้าฉันทํางานให้กับศูนย์ ฉันจะหาตัวการที่ป้อนเรื่องราวสยองขวัญ ฉันจะฆ่ามันเพื่อหยุดการป้อนเรื่องราวชั่วคราว จากนั้นฉันจะเลือกเจ้าหน้าที่ชั้นยอดที่สุดเพื่อเข้าสู่ความผิดปกติ หลังจากรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว ฉันจะรวบรวมทรัพยากรและบุคลากรทั้งหมดเพื่อควบคุมความผิดปกตินี้" ซวนเหวินกล่าวเสริมว่า "ถ้าฉันเป็นคุณ วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยข่าวที่ซ่อนอยู่ว่าเกมได้กลายเป็นความจริงและมีบอสซ่อนอยู่ในอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ ผู้ที่เคลียร์ได้จะได้รับรางวัลใหญ่"

"มันเป็นความคิดที่ดีที่จะให้ผู้คนช่วยผมกําจัดความผิดปกตินี้ แต่ว่าความผิดปกตินี้อันตรายเกินไป แม้แต่ฆาตกรที่ซ่อนตัวอยู่ที่สตูดิโอก็จะไม่มาที่นี่" ความคิดของซวนเหวินได้ขยายความคิดของเกาหมิง อย่างไรก็ตามการพูดนั้นง่ายกว่าการลงมือทำเสมอ

"งั้นทางออกสุดท้ายของพวกเราคือลงมือทำด้วยตัวเอง" ซวนเหวินลดเสียงลง ดูจริงจังมากขึ้น "ใครจะรู้ว่าความผิดปกตินี้กลืนกินผู้คนไปกี่คนแล้ว มันต้องมีสิ่งที่มีค่ามหาศาลอยู่ข้างในนั้นแน่นอน เราจะกลืนกินมันทั้งหมด!"

"เรามีโอกาสชนะมากแค่ไหน?" เกาหมิงถาม

"สามเปอร์เซ็นต์“ซวนเหวินยกสามนิ้วขึ้นมา”เราแทบไม่มีโอกาสชนะเลย โอกาสที่เราจะมีชีวิตรอดออกมาได้มีเพียงแค่สามเปอร์เซ็นต์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยิ่งเรามีชีวิตรอดได้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสสูงขึ้นในอนาคตเท่านั้น"

"คุณดูระวังตัวมาก" เกาหมิงกำมือซ้ายของเขา ขณะเดินไปยังทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารเอและบี

ทางเดินบนชั้นอื่นๆถูกโบกทับด้วยปูนซีเมนต์ มีเพียงชั้นห้าและเก้าเท่านั้นที่ถูกปิดด้วยเทป ถ้ามองดีๆบนเทปนั้นยังมีลวดลายแปลกอยู่ด้วย

เมื่อมองผ่านเทปเข้าไปอาคารเอดูเหมือนจะมืดลง

"อยู่ให้ห่างจากรั้วไว้" ซวนเหวินหยุดยืนอยู่ข้างเกาหมิง ส่วนว่านหยูนั้นแทบไม่อยากจะเข้าใกล้มันด้วยซ้ำ

"นี่ก็ผ่านมาไม่นานเองตั้งแต่เทศกาลเช็งเม้งจนถึงตอนนี้ พวกเราประเมินความโลภและความบ้าคลั่งของมนุษย์ต่ำเกินไป" ความสยดสยองแพร่กระจายด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง

เกาหมิงสะท้าน มือของเขาจับรั้ว เงาที่ซุ่มซ่อนอยู่ที่มุมทางเดินดูเหมือนจะดึงดูดเขา เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังก้องใกล้เข้ามา

"มีคนกำลังวิ่งอยู่?" เกาหมิงสงสัย บรรยากาศน่าขนลุกทวีความรุนแรงขึ้น

เสียงเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มของเกาหมิงมองไปตามทางเดิน กล่องตามทางถูกผลักออกไป เจ้าหน้าที่สอบสวนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกําลังวิ่งตรงมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาถูกแกะสลักด้วยคําพูดแปลกๆมากมาย แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บและกระดูกหัก แต่การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บพวกนั้นเลย

"ไป๋เสี่ยว!" รูม่านตาของเกาหมิงหดลง เขากระโดดข้ามรั้วไปในทันที "เข้าไป!"

ไป๋เสี่ยวดูเหมือนจะไม่มีสติ เขามองไม่เห็นเกาหมิง เมื่อมีคนเรียกชื่อทำให้เขาชะลอตัวลงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เกาหมิงและซวนเหวินไล่ตามรอยเท้าเขาไป แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปในอาคารเอเสียงฝีเท้าก็หายไปอย่างสมบูรณ์

"คุณเห็นนักสืบคนนั้นไหม?" เกาหมิงถามด้วยเสียงกระซิบ

"เห็น เขาควรจะติดอยู่ในความผิดปกติ" ซวนเหวินพยักหน้า "ผู้ชายคนนี้จะต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งมากถึงได้มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ หากนี่เป็นความผิดปกติทั่วไปเขาคงสามารถหลบหนีได้แล้ว.. แต่นี่ไม่ใช่ความผิดปกติทั่วไป"

"ทะ-ทางนี้!" จู่ๆว่านหยูก็ตะโกนขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อประตูข้างๆก็เปิดออก แขนที่บาดเจ็บลากตัวเขาเข้าไปในห้อง เสียงตะโกนโหยหวนดังมาจากหลังประตู

ด้วยสัญชาตญาณ เกาหมิงและซวนเหวินรีบวิ่งตามเข้าไปทันที มีเลือดไหลออกมาจากประตู พวกเขาพังประตูเข้าไป

ข้างในพวกเขาพบว่านหยูนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะกลมขนาดใหญ่ บนโต๊ะถูกจัดวางด้วยจานชามแปดชุด แปดชามเต็มไปด้วยข้าวเย็น ตะเกียบไม้ปักอยู่ในแนวตั้งตรงกลางข้าว

"ว่านหยู! รีบออกมา!" ซวนเหวินโบกมือ แต่ว่านหยูไม่ตอบ ไม่กี่วินาทีต่อมา ว่านหยูค่อยๆเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สวยงามของเขาเริ่มขุ่นมัว รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างช้าๆ

เขาสบตาเกาหมิง ทันใดนั้นเขาก็คว้าชามบนโต๊ะแล้วยัดข้าวเข้าปาก

ในตอนแรกข้าวนั้นมีสีขาว แต่มันกลับค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงช้าๆ ดูเหมือนว่าปากของว่านหยูจะมีเลือดไหลออกมา

ภาพที่เห็นนั้นทั้งน่าสะพรึงกลัวและเหนือจริง บ่งบอกถึงฝันร้ายที่ลึกล้ำที่พวกเขาสะดุดเข้าไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด