ตอนที่ 35 ทวงคืนไข่มุกหยางแท้
ตอนที่ 35 ทวงคืนไข่มุกหยางแท้
“แล้วเจ้าบุกมาหาข้าเพราะเหตุใด?”
“ข้า ข้ามาที่นี่เพื่อทวงสมบัติของเผ่าข้าคืน” เมื่อพูดถึงสมบัติ อ๋าวชุ่ยฮวาจึงหายหวาดกลัวการโดนตบและนึกถึงจุดประสงค์แท้จริงในการมาเยือนต้าซางของตน “ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นของสมบัติวิญญาณประจำเผ่าเราที่นี่ ข้าจึงเดินทางเข้ามาสอบถาม” ขณะที่พูด มันแอบเหลือบมองถูเซิ่งหนานสองสามรอบและโล่งใจเมื่อเห็นว่ามือของอีกฝ่ายไม่ได้เงื้อขึ้น
“สมบัติ? เจ้ากำลังเอ่ยถึงสิ่งนี้หรือ?” ซูอันหงายฝ่ามือและไข่มุกหยางแท้ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของเขา
“ใช่แล้ว นี่คือสมบัติประจำเผ่าเรา” ดวงตาของอ๋าวชุ่ยฮวาสว่างวาบและมันเอื้อมมือออกไปจะคว้าไว้ แต่ถูเซิ่งหนานผู้เตรียมพร้อมไว้แล้วได้ตบมันกองกับพื้นเหมือนเดิม
“บอกมาสิ เจ้าสัมผัสถึงมันได้อย่างไร?” ซูอันลูบไข่มุกหยางแท้ในมือพลางถามด้วยความสนใจ
อ๋าวชุ่ยฮวายกมือกุมหน้าและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งมันเห็นมือของถูเซิ่งหนานที่กำลังขยับ มันจึงอธิบายตามตรง “เผ่าของข้าบูชาไข่มุกหยางแท้มาหลายปีแล้ว เราเก็บรักษาไข่มุกหยางแท้ไว้บนแท่นหินและเราสามารถสัมผัสตำแหน่งของไข่มุกหยางได้ในระยะใกล้”
“แท่นหินอยู่ที่ใด?”
“ถูกทำลาย...เพราะการโจมตีของเจ้าเมื่อครู่” อ๋าวชุ่ยฮวาเหลือบมองซูอันและพูดด้วยความเสียใจ
ไม่มีความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างต้าซางและเผ่ามังกร พวกมังกรที่อยู่ในระดับมิ่งตานหรือสูงกว่านั้นไม่กล้าเข้ามาในต้าซางโดยไม่ได้รับอนุญาต มิฉะนั้นจะเท่ากับการประกาศสงคราม นอกจากนี้ไข่มุกหยางแท้ยังเป็นหนึ่งในสมบัติวิญญาณที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์สูงส่ง แต่มีผลในทางปฏิบัติเพียงเล็กน้อย มันจึงเป็นมังกรระดับมิ่งตานตัวเดียวที่ถูกส่งมาที่นี่
เดิมทีมันวางแผนจะแย่งชิงไข่มุกหยางแท้คืนจากมังกรอสูร ด้วยเหตุนี้มันจึงนำยันต์หยกที่ฝังจิตวิญญาณของบรรพบุรุษมังกรมาด้วย
แต่ไม่คาดคิดว่ามังกรอสูรตายก่อนและไข่มุกหยางแท้ตกอยู่ในมือมนุษย์
“เจ้าสมควรคืนไข่มุกหยางแท้ให้ข้าดีกว่า มิฉะนั้นเจ้าจะไม่สามารถแบกรับโทษจากบรรพบุรุษมังกรได้” อ๋าวชุ่ยฮวาข่มขู่
แม้ในใจมันจะหวาดกลัว แต่มันไม่สามารถปิดบังความภาคภูมิในการเป็นสมาชิกของเผ่ามังกรได้ หรือบางทีอาจเรียกว่าความเย่อหยิ่งจะเหมาะสมกว่า
ซูอันได้ยินแล้วขมวดคิ้วถามว่า “บรรพบุรุษมังกรอะไร”
ใช้บรรพบุรุษมังกรมาข่มขู่ท่านโหวแห่งต้าซางอย่างนั้นหรือ?
บรรพบุรุษมังกรเพียงไม่กี่ตัวจะกล้ารุกรานต้าซาง?
“นี่คือนิสัยของเผ่ามังกร” ชิงหลิงอธิบายด้วยเสียงต่ำที่ข้างหูของซูอัน
มังกรมีความเย่อหยิ่งและทะนงตนตามธรรมชาติซึ่งมักจะดูถูกเผ่าพันธุ์อื่น
แม้ว่าจะถูกต้าซางกำราบจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นและหนีไปอยู่ที่ทะเลตะวันออก แต่ยังมีมังกรที่รู้สึกว่ามังกรเป็นเผ่าพันธุ์สูงส่งและทรงพลังที่สุดในโลก
หลังจากบรรพบุรุษมังกรชางหลงถูกตัดศีรษะ เผ่ามังกรหลบซ่อนด้วยความกลัวแค่สองสามปี แต่เมื่อแผลเป็นหายแล้วความเจ็บปวดจึงถูกลืมเลือน
“เป็นเช่นนี้เอง” เมื่อได้ยินเช่นนี้ซูอันก็เข้าใจและตระหนักได้ถึงเรื่องสำคัญกว่านั้น “ตัดเขามันออกซะ คืนนี้ให้เซิ่งหนานได้กินอาหารเสริมหน่อย”
“ฮะ?!” อ๋าวชุ่ยฮวาอ้าปากค้าง ในเมื่อมันให้ความร่วมมือดีมาก แต่ยังถูกทำร้ายอีกหรือ?
พริบตาเดียวมันก็ถูกถูเซิ่งหนานตบจนหมดสติและคืนสู่ร่างเดิม
มังกรยักษ์ขาวที่มีความยาวหลายร้อยจั้งพาดอยู่บนดาดฟ้าเรือเซียน ศีรษะมังกรดุร้ายห้อยลงแบบหมดสภาพ
เยี่ยหลีเอ๋อร์ที่ตอนแรกหวาดกลัว ตอนนี้เดินเข้ามาด้วยความนึกสนุก นางใช้มือจิ้มลูกตาสองลูกที่ใหญ่กว่าตัวนางเอง สะกิดซ้ายทีขวาทีด้วยความสนุกสนาน
“อึก!”
“กรี๊ด!!”
ทันใดนั้นร่างของมังกรกระตุกไปตามเส้นประสาทที่ถูกรบกวน ส่งผลให้เยี่ยหลีเอ๋อร์ที่อยู่ใกล้มากๆ ต้องกระโดดโหยงด้วยความตกใจ
นางรีบกระโดดไปหลบอยู่ข้างหลังของถูเซิ่งหนานและยกมือลูบหน้าอกเพื่อบรรเทาอาการตกใจกลัว
ภาพนี้ทำให้ซูอันอดนึกถึงคำพูดหนึ่งไม่ได้...ปู่เย่ชอบมังกร [1]
เยี่ยหลีเอ๋อร์ถูกสายตาจ้องมองและรู้สึกอาย เมื่อนางเห็นว่าร่างมังกรไม่เคลื่อนไหวแล้วจริงๆ นางยิ่งหน้าแดงและเดินออกจากด้านหลังของถูเซิ่งหนาน นางยกเท้าขึ้นและเตะแรงๆ ไปที่เขาตระหง่านของมังกร
“เจ้าทำข้ากลัว กล้าทำให้ข้ากลัว!”
ฉู่อินคิดในใจว่า ‘คนแซ่เยี่ยนิสัยเสียมาก!’
……
“ฮือ ฮือ ฮือ!”
ในถ้ำแห่งหนึ่งบนหุบเขา เยี่ยเสวียนกัดชายผ้าพลางสะอื้นไห้ไม่หยุด
หลินต้าจู้ที่อยู่ด้านข้างกำลังสวมเสื้อผ้าด้วยความสดชื่น “หนุ่มน้อย เจ้าทำได้ดีมาก จงทำตัวดีๆ และรอจนกว่าข้าจัดการกับผีเฒ่าเหล่านั้นเสร็จ จากนั้นข้าจึงจะสามารถตามใจเจ้าได้”
น่าเสียดายที่เขาเปิดใช้งานกายหยางศักดิ์สิทธิ์ของเยี่ยเสวียนไม่สำเร็จ แต่เขาแน่ใจว่าพลังหยางของเยี่ยเสวียนบริสุทธิ์จริงๆ เขาจึงทำแค่สนุกไปกับหนุ่มน้อย แต่ยังไม่ได้ควบรวมอินหยาง
เขาสร้างม่านพลังเวทกักบริเวณเยี่ยเสวียนด้วยท่าทางสบายๆ จากนั้นเขาก็แสดงรอยยิ้ม ‘ที่งดงาม’ ต่อเยี่ยเสวียน
“เด็กดี อย่าวิ่งหนีไปไหนล่ะ มิฉะนั้นข้าจะโกรธมาก”
เมื่อข่มขู่เสร็จแล้ว หลินต้าจู้หันหลังและจากไปทันที เพราะโม่เหล่ากุ่ยและคนเหล่านั้นไม่ง่ายที่จะหลอก
“แหวะ!”
เมื่อหลินต้าจู้ออกไปแล้ว ในที่สุดเยี่ยเสวียนทนไม่ไหวและอาเจียนออกมาคำโต
มันขัดเคืองตาจริงๆ มันน่าขยะแขยงเกินไป!
น่าขยะแขยงมากจนเขาอยากตาย!
โชคดีที่ตัวเอกชายยังมีจิตใจเข้มแข็ง หลังจากอาเจียนเอาสิ่งที่อยู่ในท้องออกจนหมดแล้ว เยี่ยเสวียนก็ลุกขึ้นยืนและมองไปยังปากถ้ำด้วยสายตาขุ่นเคืองสุดประมาณ
ชายอัปลักษณ์คนนั้นไม่รู้เลยว่ากายหยางศักดิ์สิทธิ์ของเขาเปิดใช้งานสำเร็จในวินาทีสุดท้าย และเส้นเอ็นที่เสียหายในร่างกายได้รับการซ่อมแซมโดยสมบูรณ์
เมื่อรวมกับวิชาต้องห้ามที่อาจารย์ส่งต่อให้เขา ม่านพลังเวทกักบริเวณนี้ไม่สามารถขวางเขาได้อีกต่อไป!
เขาเดินออกจากหุบเขาด้วยความระมัดระวังและเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเฝ้าอยู่ เขาจึงหยุดซ่อนตัว แค่ใช้มือจับบั้นท้ายแล้ววิ่งหนีไป
สถานที่เหมือนฝันร้ายแห่งนี้ เขาไม่อยากเหยียบเข้ามาอีก
และในอนาคตเขาจะต้องสับไอ้ตัวอัปลักษณ์ออกเป็นหมื่นชิ้น!
เมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ได้รับ ทำให้ความรู้สึกคลื่นไส้โจมตีหัวใจของเยี่ยเสวียนอีกครั้ง
“ยังมีไอ้สารเลวซูอันอีกคน!”
“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า!”
……
เมืองหลวงของต้าซาง
ในตำหนักไท่หยวน จักรพรรดินีมองจดหมายทั้งสองฉบับในมือ
ฉบับหนึ่งส่งมาจากสายลับของหน่วยวิหคดำสาขาตงโจว อีกฉบับหนึ่งเขียนโดยซูอัน
“ฉู่อิน ถังซืออวิ๋น...เสี่ยวอันจื่อไม่ได้เรื่องจริงๆ ให้ไปทำงานที่ตงโจว สุดท้ายก็มีผู้หญิงเพิ่มอีกแล้ว” จักรพรรดินีเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
เขาไม่อยู่กับนางในเมืองหลวง แต่มีเวลาวิ่งไปหาสาวน้อยจากต่างเมือง เสี่ยวอันจื่อคนนี้ดื้อรั้นและสมควรตาย!
“โอ้ ดูเหมือนว่าเสี่ยวอันจื่อของเราจะโด่งดังไปถึงข้างนอกเลยนะเพคะ” หงเสาโน้มตัวไปอ่านเนื้อความของจดหมายทั้งสองฉบับแล้วยิ้มแบบป้า [2] ออกมา
เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของจักรพรรดินี นางก็เข้าใจทันทีว่าจักรพรรดินีกำลังคิดอะไรอยู่จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้เขาเข้าวังมาทูลขออนุญาตจากพระองค์ และพระองค์อนุญาตให้เขาออกไปไม่ใช่หรือเพคะ?”
“เจ้าน่ะตามใจเขาจนเสียคน” จักรพรรดินีพูดด้วยความเบื่อหน่าย “ปล่อยเจิ้นไว้ตามลำพังแล้วไปติดตามเสี่ยวอันจื่อที่ตงโจวเถอะ”
“โอ้ ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่กล้าหรอกเพคะ!” หงเสากลอกตาใช้ความคิดและแนะนำว่า “เหตุใดฝ่าบาทไม่สั่งให้เสี่ยวอันจื่อย้ายมาอยู่ในวังและมาเข้าเฝ้าทุกวันล่ะเพคะ?”
“ความคิดเหลวไหล!”
“ฝ่าบาทไม่ต้องการจริงหรือเพคะ”
“เฮอะ!”
……
“ฮัดชิ้ว~ใครกำลังนินทาข้านะ”
บนเรือเซียน ซูอันซึ่งกำลังกกกอดสาวงามทั้งซ้ายและขวา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหนาวสั่นที่กระดูกสันหลังและอดนั่งตัวตรงไม่ได้
“เยี่ยเสวียนหนีไปได้แล้วหรือ เช่นนั้นใกล้ถึงเวลาจบภารกิจแล้วล่ะ”
......
เชิงอรรถ
[1] ปู่เย่ชอบมังกร (叶公好龙) หมายถึง อ้างว่าชื่นชอบแต่ความจริงไม่ได้ชอบ ถึงขั้นกลัวเสียด้วยซ้ำ
[2] ยิ้มแบบป้า (姨母笑) เป็นคำสแลงของชาวเน็ตจีน มีที่มาจากเกาหลี คือการเห็นดาราชายหน้าใหม่แล้วรู้สึกชอบ เอ็นดู แต่ตัวเองอายุมากกว่าจึงเรียกการยิ้มให้ว่ายิ้มแบบป้า